การเปิดตัวบริษัท 1.6 ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น ของทายาทรุ่นที่ 4 จาก 2 ตระกูลใหญ่ ธัญทิพ เจียรวนนท์ และชวิน อรรถกระวีสุนทร โดยประเดิมผุดโครงการคอนโดมิเนียมระดับลักชัวรีย่านทองหล่อ “เดอะ สแตรนด์” (The Strand) สะท้อนภาพคลื่นลูกใหม่ที่กำลังมาแรงสุดๆ ชนิดที่แนวรบอสังหาริมทรัพย์ระดับไฮเอนด์กลายเป็นสมรภูมิการแข่งขันของนักธุรกิจยุค “Start Up” อีกรูปแบบหนึ่ง
การแข่งขันระหว่างกลุ่มทายาทจากตระกูลยักษ์ใหญ่ที่มีเงินทุนเต็มหน้าตักและพร้อมทุ่มเม็ดเงินช่วงชิงทำเลทองอย่างเต็มเหนี่ยว ไม่ว่าจะเป็น ปณต สิริวัฒนภักดี ลูกชายคนเล็กของเสี่ยเจริญ ที่เข้ามาลุยบิ๊กโปรเจ็กต์ “One Bangkok” ยึดทำเลทองหัวมุมถนนวิทยุตัดกับถนนพระราม 4 เนื้อที่ 104 ไร่ และทำลายสถิติเงินลงทุนสูงสุดมากกว่า 1.2 แสนล้านบาท โดยประกาศเป้าหมายสร้างแลนด์มาร์กระดับโลก ภายใต้ความร่วมมือระหว่างบริษัท ทีซีซี แอสเซ็ท (ประเทศไทย) และบริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โฮลดิ้งส์ (ประเทศไทย) บริษัทลูกของบริษัท เฟรเซอร์ส เซ็นเตอร์พอยท์ ลิมิเต็ด
หรือตระกูล ‘จึงรุ่งเรืองกิจ’ ซึ่งล่าสุดปรับโครงสร้างบริษัท เรียลแอสเสท ดีเวลลอปเม้นท์ ตั้ง “บดินทร์ธร จึงรุ่งเรืองกิจ” นั่งเก้าอี้ซีอีโอแทน สกุลธร จึงรุ่งเรืองกิจ พี่ชายคนที่ 4 ที่ต้องไปดูแลธุรกิจยานยนต์กลุ่มไทยซัมมิท แทนพี่ชาย คือ ธนาธร หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ที่กระโดดเข้าสู่สนามการเมืองอย่างเต็มตัว ซึ่งบดินทร์ธรตั้งเป้าภายใน 5 ปี บริษัท เรียลแอสเสทฯ จะต้องติดอันดับทอปเทน ทั้งการรับรู้แบรนด์สินค้า เป้าหมายยอดขาย และรายได้ รวมทั้งลุยแผนนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยภายในปีหน้า
ขณะที่อุษณา มหากิจศิริ ลูกสาวคนเล็กของเจ้าพ่อเนสกาแฟ “ประยุทธ มหากิจศิริ” ประกาศเดินหน้าโครงการเดอะเนสท์ เจาะตลาดคอนโดมิเนียมใจกลางเมืองและลุยแผนลงทุนต่อยอดอีกจำนวนมาก เพื่อขยายพอร์ตธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อย่างเร่งด่วนตามยุทธศาสตร์การสร้างอาณาจักร “พีเอ็มกรุ๊ป” จากรุ่นพ่อสู่ทายาทรุ่นที่ 2
ส่วนกวินทร์ เอี่ยมสกุลรัตน์ ทายาทหนุ่มวัยเพียง 24 ปีของแลนด์ลอร์ดย่านเกษตร-นวมินทร์ “กวีพันธ์ เอี่ยมสกุลรัตน์” ลุยโครงการใหม่ คริสตัล โซลานา บนถนนประดิษฐ์มนูธรรม และวางแผนรุกโครงการบ้านหรูอย่างต่อเนื่อง มูลค่าไม่ต่ำกว่า 5,000 ล้านบาทต่อปี เพื่อยึดตำแหน่งผู้นำในตลาดบ้านหรู และปูทางสู่แผนการใหญ่ ผุดมิกซ์ยูส เมกะโปรเจ็กต์ มูลค่าการลงทุนสูงถึง 50,000 ล้านบาท บริเวณสี่แยกระหว่างถนนประดิษฐ์มนูธรรม หรือถนนเลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา ตัดกับถนนประเสริฐมนูกิจ หรือถนนเกษตรนวมินทร์ พื้นที่รวมมากถึง 800,000 ตารางเมตร
สำหรับ 1.6 ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น ซึ่งธัญทิพ เจียรวนนท์ และชวิน อรรถกระวีสุนทร ร่วมก่อตั้งบริษัทด้วยเงินทุนจดทะเบียน 150 ล้านบาทนั้น ทั้งสองคนมาจากตระกูลใหญ่และครอบครัวต่างมีเครือข่ายธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ แต่มี Vision ตรงกัน คือ ต้องการทำธุรกิจของตัวเองภายใต้แนวคิด “The Smart Difference” เพื่อพิสูจน์ฝีมือและความสามารถ โดยเฉพาะการเป็นผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์รุ่นใหม่
อย่างไรก็ตาม การเปิดตัวในวงการธุรกิจของธัญทิพ ซึ่งเป็นหลานสาวของเจ้าสัวธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานอาวุโส บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) และลูกสาวของสุภกิต เจียรวนนท์ ลูกชายคนโตของธนินท์
ด้านหนึ่งมีแรงสนับสนุนมากมาย โดยเฉพาะบริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น (MQDC) ของทิพาภรณ์ เจียรวนนท์ เข้ามาเป็น “พี่เลี้ยง” ร่วมลงทุนและพัฒนาโครงการแรก แต่อีกด้านหนึ่ง คนในวงการย่อมจับจ้องแผนงานและกลยุทธ์การปลุกปั้นของ 1.6 ดีเวล็อปเม้นต์ ท่ามกลางการแข่งขันในตลาดคอนโดมิเนียมระดับไฮเอนด์
ธัญทิพ หรือ “ธัญญ่า” เล่าว่า เธอศึกษาที่สหรัฐอเมริกาตั้งแต่อายุ 15 ปี และจบการศึกษาระดับปริญญาตรีสาขาการออกแบบสถาปัตยกรรมและประวัติศาสตร์ศิลปะจาก The University of Pennsylvania ในปี 2556 เคยทำงานที่ Ogilvy & Mather New York และ Sotheby’s and Hongkong Land ในฮ่องกง และจากการทำงานดูแลบริหาร The Landmark ที่ Hongkong Land ทำให้เธอสนใจธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และย้ายกลับมาที่ทำงานกรุงเทพฯ ในตำแหน่งผู้จัดการโครงการของ MQDC ดูแลโครงการของผู้ถือหุ้น
“ธัญญ่ามีวิชั่นที่ต้องการสร้างโครงการคอนโดมิเนียมสไตล์มิกซ์ยูสอย่างมาก เห็นจากฮ่องกง ขณะที่ในไทยยังไม่ค่อยมีใครทำ และเราต้องการให้ 1.6 ดีเวล็อปเม้นต์เป็นผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์รุ่นใหม่ที่นำมาตรฐานระดับโลกเข้ามาสู่วงการอสังหาริมทรัพย์ของประเทศไทย ภายใต้มุมมองการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เหมือนการสร้างสรรค์งานศิลปะและงานฝีมือชั้นสูง ซึ่งสะท้อนผ่านทั้งชื่อบริษัท 1.6 ดีเวล็อปเม้นต์ และชื่อโครงการ”
เธออธิบายถึงคำว่า วันพอยท์ซิกซ์ หรือ 1.6 มาจากสัดส่วนทอง หรือที่เรียกกันว่า Golden Ratio 1 : 1.618 เป็นสัดส่วนที่ชาวกรีกที่มีชื่อว่า Euclid (ยูคริด) ผู้ให้กำเนิดวิชาเรขาคณิต คิดขึ้นมาตั้งแต่ 2,200 ปีก่อน โดย Golden Ratio เป็นสัดส่วนที่สมบูรณ์ที่สุด ซึ่งชาวกรีกเชื่อว่า เป็นสัดส่วนพื้นฐานของความงามของสรรพสิ่งในจักรวาลและกฎแห่งธรรมชาติ
ขณะที่ชื่อโครงการ The Strand หมายถึงเส้นสายในมุมมองศิลปะ โครงการเดอะสแตรนด์จึงเป็นการสร้างสรรค์โครงการที่เข้าใจถึงธรรมชาติและตอบสนองความต้องการที่แท้จริงของกลุ่มคนที่นิยมการใช้ชีวิตแบบคนรุ่นใหม่
เมื่อแนวคิดและคอนเซ็ปต์ลงตัว ธัญทิพตัดสินใจชักชวนชวิน อรรถกระวีสุนทร เข้ามาร่วมก่อตั้งบริษัท ซึ่งชวินเองมาจากกลุ่มตระกูลเก่าแก่และเป็นแลนด์ลอร์ดที่ซื้อเก็บที่ดินจำนวนมาก ต้นตระกูลคือ สงวน ศตะรัต เป็นมหาดเล็กในวังสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ต่อมาโยกย้ายตำแหน่งข้าราชการในหลายจังหวัด เป็นทั้งนายอำเภอ อัยการ ข้าหลวงมหาดไทย เจ้าเมือง ปลัดมณฑล จนถึงสมุหเทศาภิบาล จนได้โปรดเกล้าฯ เป็นพระยาอรรถกระวีสุนทร และเป็นองคมนตรีในปี 2475
นอกจากการเป็นข้าราชการ พระยาอรรถกระวีสุนทรตั้งบริษัท อรรถกระวี ให้ทายาทบริหารกิจการ เริ่มจากการทำธุรกิจเหมืองแร่ ทำตลาดสด และถือเป็นเจ้าของที่ดินรายใหญ่ ทั้งในกรุงเทพฯ และภาคใต้ มีรายได้จากการให้เช่าที่ดินเปล่า จนกระทั่งเริ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เพื่อการอยู่อาศัยและเชิงพาณิชย์ในเขตสุขุมวิท รวมทั้งสนามกอล์ฟ The Vintage Club ซึ่งออกแบบโดย Arthur Hills & Associates ร่วมกับ Central Group จนกระทั่งเริ่มพัฒนาโครงการค้าปลีก K-Village, A Square และสวนเพลินมาร์เก็ต
แน่นอนว่า ชวินถือเป็นส่วนเติมเต็มในการบริหารอย่างดี เขาจบการศึกษาเกียรตินิยมจาก London School of Economics and Political Sciences (LSE) ด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ หลังจากใช้ชีวิตและศึกษาอยู่ในสหราชอาณาจักรมากว่า 10 ปี มีประสบการณ์การทำงานเป็นวาณิชธนากร (ที่ปรึกษาทางการเงิน) เริ่มต้นจากการฝึกงานที่ J.P. Morgan New York และกลับมาทำงานที่ J.P. Morgan ประเทศไทย โดยทำงานเป็นมือขวาให้หม่อมหลวงชโยทิต กฤดากร ประธานบริหาร ทำหน้าที่ดูแลด้านวาณิชธนกิจนานกว่า 4 ปี รวมทั้งมีประสบการณ์ด้านธุรกิจโรงแรมจากการทำหน้าที่ดูแลจัดการการลงทุนกลุ่มในเอเชียและญี่ปุ่นที่โรงแรมดุสิตอินเตอร์เนชั่นแนล
“ผมเคยมีความคิดที่จะกลับไปช่วยธุรกิจของครอบครัว โดยเฉพาะเรื่องการลงทุนและการหาพาร์ตเนอร์ทางธุรกิจ แต่สุดท้ายไม่ได้เข้าไปอย่างจริงจัง พอดีธัญญ่ามาชวนร่วมก่อตั้งบริษัททำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์แนวคิดใหม่ จึงตัดสินใจมาลงทุนทำธุรกิจของตัวเอง รับตำแหน่งกรรมการผู้จัดการบริษัทจนกระทั่งเปิดโครงการแรก”
ทั้งนี้ เดอะ สแตรนด์ ทองหล่อ เปิดตัวอย่างเป็นทางเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม และมีกำหนดก่อสร้างเสร็จในปี 2564 เป็นโครงการคอนโดมิเนียมมิกซ์ยูส (Mixed-use) รูปแบบไฮไรส์ (High rise) ครบวงจรระดับอัลตราลักชัวรี ตั้งอยู่บริเวณปากซอยทองหล่อ (สุขุมวิท 55) ห่างจากรถไฟฟ้าบีทีเอส สถานีทองหล่อ 30 เมตร เป็นอาคารสูง 30 ชั้น ขนาด 1 ไร่ 2 งาน 46 ตารางวา หรือ 2,584 ตารางเมตร ซึ่งธัญทิพเล่าว่าใช้เวลานานนับปีกว่าจะได้ที่ดินผืนนี้ ตั้งแต่การเดินดูพื้นที่และเจรจากับเจ้าของที่ดินที่มีมากถึง 13 ราย จำนวนโฉนดรวม 27 โฉนด
ในแง่ตัวโครงการมีจำนวน 198 ยูนิต แบ่งเป็นห้องชุด 4 รูปแบบ ได้แก่ ขนาด 1 ห้องนอน พื้นที่ใช้สอย 48- 55 ตร.ม. 124 ยูนิต ขนาด 2 ห้องนอน พื้นที่ใช้สอย 73– 90 ตร.ม. 63 ยูนิต ห้อง Duplex ขนาด 110.40 ตร.ม. จำนวน 5 ยูนิต และ Penthouse ขนาด 184.20 ตร.ม.อีก 6 ยูนิต
มีพื้นที่ที่เรียกว่า Commercial Podium ประมาณ 700 ตร.ม. เพื่อให้บริการสไตล์มิกซ์ยูสภายในโครงการ แบ่งเป็นพื้นที่ Micro-Office & Business Lounge ร้านอาหารที่ให้บริการในรูปแบบ All-day dining และสปีคอีซี่บาร์ (Speakeasy Bar) ขณะเดียวกันมีเพลย์ รูม และติวเตอร์ รูม บริเวณชั้น 6 เดอะ คลับเฮาส์ ชั้น 27 ประกอบด้วย The Living Room บริการ Fitness และ Meditation Studio สระว่ายน้ำแบบอินฟินิตี้ระบบน้ำเกลือความยาว 25เมตร พร้อมจากุซซี่สำหรับผู้ใหญ่ และสระว่ายน้ำสำหรับเด็ก รวมถึง Rooftop terrace และ Putting green
ทั้งแนวคิด ตัวโครงการ และ Vision ที่สร้าง Passion น่าจับตาว่า “เดอะสแตรนด์” ของ 2 นักธุรกิจเจเนอเรชั่นที่ 4 จะสอบผ่านเป็นโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่โดนใจคนรุ่นใหม่ได้จริงหรือไม่