ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม ประเพณี วิถีชีวิตของผู้คน รวมไปถึงความสวยงามของธรรมชาติที่ถักทอและหล่อหลอมจนทำให้ประเทศญี่ปุ่นกลายเป็นอีกหนึ่งจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวหลายๆ คน ที่อย่างน้อยสักครั้งในชีวิตต้องเดินทางไปสัมผัสและเก็บเกี่ยวประสบการณ์ชีวิต
ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจเมื่อในแต่ละปีประเทศญี่ปุ่นจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางไปเป็นจำนวนมาก ซึ่งจากสถิติของ Japan National Tourism Organization (JNTO) เปิดเผยว่า ปี 2558 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางไปประเทศญี่ปุ่นจำนวน 19.73 ล้านคน เพิ่มจำนวนขึ้นจากปี 2557 ร้อยละ 47.1 เปอร์เซ็นต์
โดยรัฐบาลญี่ปุ่นตั้งเป้าหมายเรื่องจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเอาไว้ที่ 20 ล้านคน ภายในปี 2563 ซึ่งเป็นปีที่ญี่ปุ่นจะเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก หากพิจารณาจากสถิติที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่าญี่ปุ่นบรรลุเป้าหมายเรื่องการท่องเที่ยวเร็วกว่ากำหนด และประเด็นที่น่าสนใจคือ นับเป็นครั้งแรกในรอบ 45 ปี ที่จำนวนนักท่องเที่ยวจากต่างชาติเข้ามาญี่ปุ่นมีจำนวนมากกว่านักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นที่เดินทางออกนอกประเทศ และเมื่อตัวเลขสถิตินักท่องเที่ยวออกมาเช่นนี้ ทำให้นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น นายชินโซ อาเบะ ตัดสินใจเพิ่มจำนวนเป้าหมายนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นเป็น 30 ล้านคน เพียงแต่ไม่ได้ระบุปีเอาไว้
กระนั้นปัจจัยที่ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในญี่ปุ่นเพิ่มจำนวนขึ้นมานั้น น่าจะมาจากการเพิ่มขึ้นของจำนวนนักท่องเที่ยวจากประเทศจีน โดยเฉพาะในปี 2558 ที่มีจำนวนมากถึง 4,993,800 คน นั่นทำให้จีนกลายเป็นนักท่องเที่ยวอันดับ 1 ของญี่ปุ่น ซึ่งก่อนหน้านี้นักท่องเที่ยวจากเกาหลีใต้เคยติดอันดับ 1 อยู่ที่จำนวน 4,002,100 คน
การอ่อนค่าลงของเงินเยนน่าจะเป็นอีกสาเหตุสำคัญที่ทำให้นักท่องเที่ยวญี่ปุ่นในแต่ละปีสูงขึ้น นอกจากนี้ยังมีเรื่องการผ่อนปรนเงื่อนไขการตรวจลงตรา และมาตรการยกเว้นภาษีให้แก่นักท่องเที่ยว จากเดิมที่รัฐบาลญี่ปุ่นตั้งยอดใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวที่จะสามารถได้รับการยกเว้นภาษีอยู่ที่ 10,000 เยน แต่ปัจจุบันปรับเหลือเพียง 5,000 เยน
สำหรับนักท่องเที่ยวไทยที่เดินทางไปประเทศญี่ปุ่นนั้นในระยะ 5-10 ปีหลัง มีจำนวนเพิ่มสูงขึ้น โดยเมื่อปี 2558 มีจำนวน 796,700 คน ทั้งนี้ด้วยฤดูกาลที่ค่อนข้างแตกต่างกันโดยเฉพาะอย่างยิ่งเดือนเมษายน นักท่องเที่ยวชาวไทยมักจะพิจารณาจุดหมายปลายทางที่สามารถหลีกหนีสภาพอากาศที่ร้อนอบอ้าว ซึ่งเดือนเมษายนจะเป็นช่วงเทศกาลชมดอกซากุระของญี่ปุ่น นี่อาจเป็นเหตุผลที่ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวไทยในเดือนนี้มีจำนวนสูงถึง 100,000 คน
ทว่าการขยายตัวของนักท่องเที่ยวไทยกลับไม่คงเส้นคงวานัก เมื่อในบางเดือนมีจำนวนนักท่องเที่ยวน้อยลง หรืออาจกล่าวได้ว่าอัตราการขยายตัวต่ำกว่าร้อยละ 10 และนี่น่าจะเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ภาคส่วนต่างๆ ของญี่ปุ่นเร่งระดมสรรพกำลังในการประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวของญี่ปุ่นในไทย
ซึ่งก่อนหน้านี้มีการประชาสัมพันธ์สถานที่ท่องเที่ยวท้องถิ่นในญี่ปุ่น การเชิญดาราศิลปินไทยมาเป็นพรีเซนเตอร์ประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยว รวมถึงการอนุญาตให้ใช้พื้นที่ถ่ายทำภาพยนตร์ ซีรีส์ และละครโทรทัศน์
ผลของการประชาสัมพันธ์ทำให้เราได้เห็นละครไทย ซีรีส์หลายเรื่องเลือกใช้โลเกชั่นในประเทศญี่ปุ่นเป็นฉากสำคัญเดินเรื่องอยู่บ่อยครั้ง
แม้ญี่ปุ่นจะมีจุดขายหลายอย่าง ทั้งธรรมชาติที่สวยงาม ประเพณีวัฒนธรรมที่แปลกตาชวนให้ศึกษา แหล่งชอปปิ้งที่ตอบโจทย์คนทุกวัย กระนั้นญี่ปุ่นยังสร้างสรรค์แคมเปญที่แตกต่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแก้ปัญหานักท่องเที่ยวที่หดหายในบางเดือน ด้วยการจัดงาน “Japan Night View Tourism Festival 2017” ที่ชูจุดเด่นเรื่องวัฒนธรรมการชมทิวทัศน์ยามค่ำคืน หรือที่เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “YAKEI”
นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่เดินทางไปญี่ปุ่นอาจเลือกสถานที่ท่องเที่ยวในเวลากลางวัน กระนั้นยามค่ำคืนของญี่ปุ่นกลับเป็นจุดขายที่น่าสนใจไม่น้อย เมื่อนายคาโตะ คุนิฮิโกะ รองนายกเทศมนตรีจังหวัดนางาซากิ อธิบายว่า “ผมอยากจะเชิญนักท่องเที่ยวชาวไทยไปสัมผัสกับวิวกลางคืนของเมืองนางาซากิ ซึ่งมีความงดงามติด 1 ใน 3 จุดชมวิวกลางคืน ที่ได้รับการยอมรับว่า สวยงามที่สุดของญี่ปุ่น โดยเฉพาะวิวกลางคืนจากภูเขาอินะสะ ถ้ามองทางทิศเหนือของเมืองนางาซากิจะเห็นแสงไฟเป็นทางยาวตามแนวแม่น้ำอุระคะมิ มีความงดงามราวกับสายน้ำจากสวรรค์ และวิวของนาเบะคัมมุริ สวน Glover Garden ที่ประดับด้วยแสงไฟหลากสี ก็ได้รับความนิยมอย่างมากเช่นเดียวกัน”
สำหรับพื้นที่การชม YAKEI ในประเทศญี่ปุ่นนั้นมีพื้นที่ที่น่าสนใจด้วยกัน 6 เมือง 1. จังหวัดนางาซากิ ซึ่งวิวกลางคืนของจังหวัดนางาซากิมีอีกชื่อหนึ่งว่า “วิวสิบล้านดอลลาร์” นอกจากนี้ยังมีฮาชิมะ ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกเมื่อเดือนกรกฎาคม 2015 หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “กุนคังชิมะ (เกาะเรือรบ)” 2. จังหวัดนิอิกะตะ เมืองเมียวโกะ 3. เมืองซับโปโร ซัปโปโรเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในฮอกไกโด อีกทั้งยังได้รับคัดเลือกให้เป็น 1 ใน 3 เมืองที่มีวิวไฟกลางคืนที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น 4. เมืองฟูจิซาวะ ที่ตรงนี้สามารถมองเห็นวิวทะเลโชนันและภูเขาไฟฟูจิ ถือเป็นอีกหนึ่ง Destination ที่น่าสนใจไม่น้อย 5. จังหวัดโทชิงิ เมืองอาชิคางะ และ 6. จังหวัดชิซุโอกะ ที่ตั้งของภูเขาไฟฟูจิ
อย่างไรก็ตาม การจัดงาน YAKEI ในครั้งนี้ นายมารุมาระ โมโตโอะ ประธาน YAKEI Convention & Visitors Bureau อธิบายว่า “YAKEI Convention & Visitors Bureau เป็นองค์กรที่มีความเชี่ยวชาญพิเศษในการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว YAKEI โดยในปี 2004 ได้เริ่มภารกิจการรับรองสถานที่ท่องเที่ยว YAKEI ในประเทศญี่ปุ่นให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมและประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยว YAKEI ทิวทัศน์เวลากลางคืนในประเทศญี่ปุ่น เราจึงได้จัดงาน ‘Japan Night View Tourism Festival 2017 in Bangkok’ เพื่อเชิญชวนนักท่องเที่ยวชาวไทยและผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวของไทยเดินทางไปสัมผัสกับทิวทัศน์แสงไฟยามค่ำคืนจากแหล่งท่องเที่ยวในจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศญี่ปุ่น โดยหวังว่าการท่องเที่ยวแบบ YAKEI จะสามารถดึงความสนใจจากนักท่องเที่ยวไทยให้เดินทางท่องเที่ยวญี่ปุ่นมากขึ้น และในปีนี้การท่องเที่ยวญี่ปุ่นได้ตั้งเป้าหมายจำนวนนักท่องเที่ยวไทยให้เดินทางมาท่องเที่ยวมากกว่า 1,000,000 คน”
ซึ่งหากจะพิจารณาจากเป้าหมายของการท่องเที่ยวญี่ปุ่นต่อจำนวนนักท่องเที่ยวไทยนั้น ดูจะไม่ใช่เรื่องที่ยากเกินไปเลยเมื่อตัวเลขสถิติที่ผ่านมา และการจัดแคมเปญ YAKEI ที่มีความพิเศษอยู่ที่สามารถท่องเที่ยวได้ทั้งปี น่าจะส่งผลดีต่อเครื่องจักรทางเศรษฐกิจของญี่ปุ่นไม่น้อย
ภาพสะท้อนความพยายามจากหลายภาคส่วนของประเทศญี่ปุ่น ทำให้ต้องย้อนกลับมามองประเทศไทย เมื่อการท่องเที่ยวของไทยเองในห้วงยามนี้ดูจะเร่งเครื่องเต็มที่ โดยมุ่งหวังให้เครื่องจักรทางเศรษฐกิจชิ้นสำคัญตัวนี้สามารถเดินหน้าได้อย่างเต็มกำลัง
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยเตรียมจัดตั้งตัวแทนการตลาดในอีก 9 พื้นที่หลัก โดยเพิ่มตัวแทนที่ประเทศจีนอีก 5 เมือง จากเดิมที่มีสำนักงานอยู่แล้วถึง 5 แห่ง แต่เมื่อพิจารณายอดนักท่องเที่ยวจีนที่มีอัตราสูงขึ้น การเลือกพื้นที่ที่มีสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่ดีอย่างเซียะเหมิน ฉงชิ่ง
ขณะที่ประเทศอินเดียซึ่งมีสำนักงานอยู่ 2 แห่งนั้น ททท.เอเชีย จะพิจารณาเพิ่มสำนักงานในเมืองที่มีเที่ยวบิน ประกอบกับความต้องการของนักท่องเที่ยว เช่น กัลกัตตา ซึ่งมีศักยภาพในการซื้อค่อนข้างสูง ทั้งนี้ยังจะพิจารณาเพิ่มตัวแทนการตลาดในประเทศที่ยังไม่มีสำนักงาน เช่น ลาว กัมพูชา ฟิลิปปินส์
ขณะที่การท่องเที่ยวญี่ปุ่นกำลังทำการตลาดอย่างหนักในประเทศไทยเพื่อหวังดึงดูดนักท่องเที่ยวไทยให้ได้ตามเป้าที่รัฐบาลญี่ปุ่นตั้งไว้ ททท. สำนักงานโอซาก้าก็กำลังเร่งเครื่องสำหรับการเปิดตลาดการเดินทางครั้งแรก โดยเน้นพื้นที่ทางตอนใต้ของญี่ปุ่น เช่น โอกินาว่า ฟุกุโอกะ ฮิโรชิม่า กระนั้นปัญหาที่ ททท. สำนักงานโอซาก้าต้องตระหนักคือเรื่องไพรม์ไทม์ของการเดินทางที่ตรงกันระหว่างคนไทยและคนญี่ปุ่น นั่นทำให้คนญี่ปุ่นจะไม่สามารถหาที่นั่งเครื่องบินได้เพียงพอต่อความต้องการ
การมองหาความร่วมมือกับบรรดาสายการบินอื่นๆ ที่สามารถเชื่อมต่อระหว่างไทยและเมืองทางตอนใต้ของญี่ปุ่นน่าจะเป็นคำตอบที่ดี กระนั้น ททท. ตั้งเป้าหมายนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นที่เดินทางมาเที่ยวในประเทศไทยเพิ่มขึ้น 4 เปอร์เซ็นต์ จากเดิม 1.5 ล้านคน และยังตั้งเป้ารายได้ว่าจะเติบโต 8 เปอร์เซ็นต์
น่าสนใจตรงที่ว่า การท่องเที่ยวญี่ปุ่นที่โหมจัดแคมเปญอย่างต่อเนื่องทั้งปี ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยที่มีการโปรโมตและประชาสัมพันธ์อย่างหนักหน่วง กลยุทธ์ของใครจะสำเร็จผลก่อนกัน