Home > Uber

“Uber-Agoda” ทางเลือกใหม่ที่ถูกใจ-ไม่ถูกต้อง?

ในห้วงยามแห่งจังหวะของการก้าวย่างที่เต็มไปด้วยความมุ่งหมายที่จะพัฒนา ไม่ว่าจะจากภาคส่วนของรัฐบาล หรือภาคเอกชน และภาคประชาชนที่เต็มไปด้วยความคาดหวังว่าในอนาคตอันใกล้นี้ สิ่งดีๆ สิ่งใหม่ๆ จะบังเกิดขึ้น ทั้งเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต และเพื่อเป็นการยืนยันว่าเป้าหมายที่รัฐบาลไทยตั้งเอาไว้ว่า ประเทศไทยจะก้าวสู่ความเป็น “ไทยแลนด์ 4.0” จะบรรลุผลในเร็ววัน จากสายตาคนภายนอกเมื่อมองเข้ามายังประเทศไทย อาจจะเห็นศักยภาพบางอย่างที่จะส่งผลดีต่อธุรกิจ ในช่วงเวลานี้จึงไม่น่าแปลกใจนักที่จะเห็นการเข้ามาของเงินทุนจากภายนอก และบริษัทต่างชาติที่ตบเท้าเดินทางเข้ามาลงทุนในประเทศไทย ไม่เว้นแม้แต่บริษัทยักษ์ใหญ่ที่เป็นที่ยอมรับจากนานาประเทศ ทั้งชื่อชั้นในการดำเนินธุรกิจและเทคโนโลยีที่นำสมัย ในที่นี้ขอกล่าวถึงสองบริษัทที่กำลังเป็นที่นิยมจากประชาชนที่เป็นผู้บริโภคที่มองว่า นี่คืออีกทางเลือกหนึ่งในบรรดาตัวเลือกมากมาย ขณะที่ภาครัฐกำลังจับตามองในอีกนัยหนึ่ง เมื่อในช่วงเวลานี้ ทั้งสองบริษัทกำลังถูกหยิบยกขึ้นมาในข้อพิพาทถึงความถูกต้องตามกฎหมายของไทย Agoda เว็บไซต์ผู้ให้บริการสำรองที่พักสำหรับนักเดินทางผ่านระบบออนไลน์ ที่มีเครือข่ายทั่วโลก และที่สำคัญคือมีสำนักงานอยู่ในประเทศไทย ขณะที่เว็บไซต์ดังกล่าวมีโรงแรมที่พักให้นักท่องเที่ยวได้เลือกใช้บริการมากถึง 25,616 แห่งทั่วประเทศ แน่นอนว่าคงไม่ต้องพูดไปไกลว่า โรงแรมทั่วโลกที่ถูกบรรจุเอาไว้ในเว็บไซต์ Agoda มีมากเพียงใด กระนั้นเมื่อประมาณกลางเดือนมีนาคมที่ผ่านมา กอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้ให้ข้อมูลที่สำคัญว่ากระทรวงกำลังเตรียมหารือกับเว็บไซต์ Agoda ในฐานะผู้ให้บริการจองห้องพักในโรงแรมที่มีเครือข่ายมากที่สุดในโลก ในเรื่องการทำตลาดด้านการท่องเที่ยวในประเทศไทย โดยเฉพาะประเด็นขอไม่ให้ Agoda กดราคาห้องพักกับผู้ประกอบการ และอยากให้เป็นอิสระตามกลไกตลาด หลังจากที่ผ่านมาพบว่า Agoda มีข้อตกลงกับผู้ประกอบการโรงแรมว่า ผู้ที่จะมาอยู่ในลิสต์รายชื่อให้บริการเช่าห้องพักผ่านเว็บไซต์นั้น ต้องมีการตั้งราคาที่ Agoda ให้ถูกที่สุดเท่านั้น

Read More

Uber ร่วมกับมูลนิธิเมาไม่ขับ ดึงคนเมาแล้วขับออกจากท้องถนนในกรุงเทพมหานครช่วงเทศกาล

  Uber ร่วมกับ มูลนิธิ เมาไม่ขับ รวมพลังช่วยลดจำนวนผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุซึ่งมีสาเหตุมาจากการเมาแล้วขับขี่ยานพาหนะในช่วงเทศกาลที่จะถึงนี้ ประเทศไทยมีสถิติผู้เสียชีวิตบนท้องถนนที่มีสาเหตุมาจากการดื่มแอลกอฮอล์มากที่สุดเป็นอันดับสองของโลก จากการรายงานขององค์การอนามัยโลก หรือ WHO พบว่าร้อยละ 26 ของการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนนเกิดจากการเมาแล้วขับทั้งสิ้น ซึ่งเป็นการสูญเสียชีวิตจำนวนมากที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นในแต่ละปี โดยช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุพบว่าเป็นช่วงกลางคืนโดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ในขณะที่เดินทางกลับบ้านหลังจากดื่มสังสรรค์ ในขณะที่รถขนส่งสาธารณะได้หยุดให้บริการ หรือมีการให้บริการในช่วงเวลาที่จำกัด และจำนวนรถแท็กซี่ที่มีให้บริการมีจำนวนไม่มากในช่วงกลางดึก การร่วมมือครั้งนี้จะนำเทคโนโลยีเครื่องวัดระดับแอลกอฮอล์แบบดิจิตัลสู่แหล่งท่องเที่ยวยามราตรีในย่านทองหล่อระหว่างเดือนธันวาคมและมกราคมปีหน้า ควบคู่กับวิธีลดการเมาแล้วขับได้ทันที เนื่องจาก Uber จะให้บริการส่งผู้โดยสารกลับบ้านโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายด้วย โดยประเทศไทยจะเป็นประเทศที่สามในโลกที่เริ่มใช้จุดบริการนี้ ถัดจากประเทศแคนาดาและเวียดนาม เมื่อชาวกรุงเทพฯ ที่ออกไปร่วมงานเลี้ยงงานสังสรรค์ต้องการที่จะกลับบ้าน เขาสามารถตรวจสอบปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกายได้โดยการใช้หลอดเป่าลมเข้าไปที่เครื่องวัดระดับแอลกอฮอล์แบบดิจิตัลที่จุดให้บริการ หลังจากนั้นเครื่องจะแจ้งปริมาณแอลกอฮอล์ที่ตรวจพบว่ามีปริมาณมากหรือน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนด ซึ่งจะเป็นการตรวจสอบระดับแอลกอฮอล์ที่เสมือนกับการตรวจของเจ้าหน้าที่เพื่อหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นจากการเมาแล้วขับขี่ยานพาหนะ หากพบว่าปริมาณที่ตรวจพบเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด Uber ร่วมกับ มูลนิธิเมาไม่ขับ จะเชื่อมต่อผู้ที่ใช้เครื่องเข้ากับบริการเรียกรถของอูเบอร์ ให้ผู้ที่ตรวจระดับแอลกอฮอล์เกินกำหนด กลับบ้านได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายในวงเงินค่าโดยสารสูงสุด 200 บาท ซึ่งบริการนี้สามารถใช้ได้ทั้งผู้ที่ใช้งาน Uber เป็นประจำ และผู้ที่เริ่มใช้งานใหม่ Uber เชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่า ความร่วมมือครั้งนี้ จะมีส่วนช่วยสร้างความตระหนักให้กับผู้ที่ดื่มสังสรรค์ในช่วงเทศกาลเป็นอย่างมาก และช่วยให้เกิดความรับผิดชอบต่อสังคม โดยไม่ขับรถในขณะมึนเมา นายชาน พาร์ค ผู้จัดการทั่วไป ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ Uber กล่าวในงานแถลงข่าวครั้งนี้ว่า “มีหลายชีวิตที่ต้องสูญเสียไปจากคนที่เมาแล้วขับ

Read More