วันอาทิตย์, เมษายน 28, 2024
Home > Cover Story > ศ.อุบลวัสดุ จากห้องแถวสองคูหา สู่ดูโฮม อาณาจักรวัสดุก่อสร้าง

ศ.อุบลวัสดุ จากห้องแถวสองคูหา สู่ดูโฮม อาณาจักรวัสดุก่อสร้าง

40 ปี ในตลาดค้าวัสดุก่อสร้าง ต้องบอกว่า “ดูโฮม” มาได้ไกล และไม่ธรรมดา นั่นเพราะ ดูโฮม เติบโตมาจากการเป็นร้านค้าวัสดุก่อสร้างในจังหวัดอุบลราชธานี และเริ่มต้นเพียงห้องแถว 2 คูหาในเวลานั้น กลยุทธ์เรียบง่าย ที่ได้ใจลูกค้าทั้งคนในท้องถิ่นและจังหวัดใกล้เคียง ส่งผลให้ ศ.อุบลวัสดุ (ชื่อเดิม) ได้รับการยอมรับ เป็นผลให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างรวดเร็ว

ปี 2526 อดิศักดิ์ และนาตยา ตั้งมิตรประชา สองสามีภรรยา เริ่มวางรากฐานธุรกิจค้าวัสดุก่อสร้างในนาม หจก. ศ.อุบลวัสดุ ด้วยเงินทุนประมาณ 300,000 บาท เน้นขายสินค้าคุณภาพมาตรฐานในราคาถูก กลายเป็นกลยุทธ์หลักที่ครองใจผู้บริโภคได้ในเวลาอันรวดเร็ว จากห้องแถวเพียงสองห้องในเวลานั้น ขยายเป็นขนาด 4 ห้องแถว และ 10 ห้องแถวในเวลาไม่ถึง 5 ปี 

ปี 2536 เปลี่ยนจากห้างหุ้นส่วนจำกัด จดทะเบียนเป็นบริษัท อุบลวัสดุ จำกัด อีกหนึ่งตัวการันตีว่า ศ.อุบล มีการเติบโตในอัตราเร่งที่สูง และย้ายจากพื้นที่ในอำเภอเมือง มาอยู่ในอำเภอวารินชำราบ ซึ่งเป็นที่ตั้งของสาขาอุบลราชธานีในปัจจุบัน กระทั่งมีการเปลี่ยนชื่อทางการค้ามาเป็น “ดูโฮม” ในปี 2550

เป็นคนคิดใหญ่ ไม่เคยทำอะไรเล็กๆ” คำพูดของ นาตยา ตั้งมิตรประชา ที่เคยกล่าวไว้ในงานแถลงข่าวฉลองครบรอบ 40 ปี ดูโฮม เป็นเครื่องยืนยันว่า ไม่ว่าอย่างไร ศ.อุบลวัสดุ ก็จะไม่หยุดอยู่แค่เพียงร้านค้าวัสดุก่อสร้างเล็กๆ ในจังหวัดอุบลราชธานีเท่านั้น

เพราะช่วงปี 2553-2558 ดูโฮม ขยายสาขาไปยังจังหวัดอื่นๆ ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยเน้นไปในจังหวัดที่มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ กำลังซื้อของประชาชนเพิ่มขึ้น เช่น นครราชสีมา ขอนแก่น อุดรธานี หากมองจากตำแหน่งการขยายสาขาในพื้นที่ต่างจังหวัดของดูโฮม นี่เป็นยุทธศาสตร์ “ป่าล้อมเมือง” ที่สร้างฐานลูกค้าในพื้นที่ต่างจังหวัด เหตุผลทางธุรกิจที่สำคัญคือ การมีคู่แข่งน้อย จะทำให้ดูโฮมสามารถปั้นยอดขายและกำไรได้ ก่อนที่จะตบเท้าเข้าเมืองหลวงซึ่งเป็นพื้นที่การแข่งขันหลักของตลาดค้าวัสดุก่อสร้าง 

กระทั่ง ดูโฮม จดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ในปี 2562 โดยมีจุดประสงค์ที่จะระดมทุนและขยายสาขาไปยังจังหวัดอื่นๆ เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพฯ นั่นหมายความว่า ดูโฮม พร้อมจะสู้ศึกตลาดค้าวัสดุก่อสร้างที่มีส่วนแบ่งการตลาดสูง 

ตลาดค้าวัสดุก่อสร้างมีมูลค่าสูงถึง 5 แสนล้านบาท แม้มูลค่าตลาดนี้จะสูงและหอมหวาน สร้างแรงดึงดูดให้ผู้ประกอบการที่เติบโตมาจากภูธรหาญกล้าเข้ามาท้าชิง ในขณะที่มีเจ้าตลาดครองตำแหน่งอยู่อย่างเหนียวแน่น

ด้วยชื่อชั้นและจำนวนสาขาที่ยังเป็นรองคู่แข่งอย่างไทวัสดุ และโกลบอลเฮ้าส์ ที่มีลักษณะคล้ายกันคือ เป็นโมเดิร์นเทรดแบบโอเพนแอร์ อีกทั้งยังมีกลุ่มเป้าหมายเป็นผู้รับเหมาเหมือนกัน ทำให้ดูโฮมต้องพยายามสร้างจุดแข็งเพื่อดึงดูดลูกค้ามาที่ตัวเองให้ได้มากขึ้น

ด้วยกลยุทธ์ “ครบ ถูก ดี” ภายใต้แนวคิด Better Together ที่ดูโฮมใช้ ด้วยการให้ความสำคัญกับลูกค้าในทุกกลุ่ม ทั้งกลุ่มผู้ใช้งานทั่วไป กลุ่มผู้รับเหมา/ช่าง และกลุ่มร้านค้าช่วง นอกจากจะมีสินค้าครบทุกหมวดหมู่แล้ว ดูโฮมยังเพิ่มเติมบริการ “นายช่าง” ซึ่งเป็นบริการโฮมเซอร์วิสแบบครบวงจร ทั้งการให้บริการติดตั้ง ต่อเติม ซ่อมแซม

ปัจจุบันดูโฮมมีส่วนแบ่งในตลาดค้าวัสดุก่อสร้างเป็นอันดับ 4 โดยอันดับ 1 คือ โฮมโปร จากค่ายแลนด์แอนด์เฮ้าส์ 2. โกลบอลเฮ้าส์ เครือเอสซีจี 3. ไทวัสดุ ธุรกิจในเครือเซ็นทรัล

ขวบปีที่ 40 ของดูโฮม จากอาณาจักรค้าวัสดุก่อสร้างที่เติบโตมาจากจังหวัดอุบลราชธานี สู่แนวรบในเมืองใหญ่ ปัจจุบันดูโฮมมีสาขาขนาดใหญ่ 21 สาขา และดูโฮมทูโก (สาขาขนาดเล็ก) 8 สาขา แผนงานระยะเวลา 3 ปี ดูโฮมจะเพิ่มจำนวนสาขา โดยจะเพิ่มสาขาขนาดใหญ่อีก 3 สาขา และสาขาย่อยอีก 6 สาขา นั่นอาจทำให้ดูโฮมก้าวขึ้นมาอยู่ในอันดับ 3 ของตลาดค้าวัสดุก่อสร้าง แต่การขยายสาขาของดูโฮมนั้นต้องเป็นไปในอัตราที่ไม่มีการผ่อนคันเร่งแม้แต่น้อย เพราะคู่แข่งย่อมต้องมีการขยายสาขาเช่นเดียวกัน

จากเงินทุนเปิดร้าน ศ.อุบล เริ่มต้นที่ 2-3 แสนบาท ปี 2565 ดูโฮมมีรายได้กว่า 30,000 ล้านบาท สัดส่วนรายได้จากสินค้ากลุ่มวัสดุก่อสร้าง 40% กลุ่มวัสดุซ่อมแซม 30% และกลุ่มวัสดุตกแต่ง 30% ขณะที่ไตรมาส 1/2566 มูลค่าสินทรัพย์รวมประมาณ 34,000 ล้านบาท

หากหลายคนจะให้คำนิยาม อดิศักดิ์ และ นาตยา ตั้งมิตรประชา ว่าเป็นเศรษฐีภูธร ก็คงไม่ผิดนัก เมื่อพิจารณาจากมูลค่าทรัพย์สินในยุคเริ่มต้น กระทั่งขยายอาณาจักรดูโฮมค้าวัสดุก่อสร้างให้ใหญ่ขึ้นได้เช่นในปัจจุบัน.