วันอาทิตย์, กันยายน 8, 2024
Home > New&Trend > ลอรีอัลเผย ตลาดความงามโตต่อเนื่อง พร้อมเผยกลยุทธ์มุ่งสู่บริษัทความงามอันดับ 1

ลอรีอัลเผย ตลาดความงามโตต่อเนื่อง พร้อมเผยกลยุทธ์มุ่งสู่บริษัทความงามอันดับ 1

บริษัท ลอรีอัล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยแนวโน้มอุตสาหกรรมความงามปี 2566 ที่ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง พร้อมสรุปผลประกอบการทั่วโลกในปี 2565 และเผยกลยุทธ์เดินหน้าผลักดัน ลอรีอัล ประเทศไทย สู่บริษัทความงามอันดับ 1

ลอรีอัล เปิดเผยว่า ในปี 2565 ที่ผ่านมา ตลาดความงามทั่วโลกเติบโตต่อเนื่องถึง 6% ด้วยมูลค่าตลาดรวมกว่า 2.5 แสนล้านยูโร หรือราว 9.4 ล้านล้านบาท แบ่งเป็น

– ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวครองส่วนแบ่งการตลาดสูงที่สุดที่ 41%

– ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมมีส่วนแบ่งการตลาดที่ 22%

– ผลิตภัณฑ์เมคอัพครองส่วนแบ่ง 16%

– ผลิตภัณฑ์น้ำหอมครองส่วนแบ่ง 11%

ส่วนตลาดความงามในประเทศไทยยังคงมีขนาดเป็นอันดับต้นๆ ในภูมิภาค SAPMENA (เอเชียแปซิฟิกใต้ ตะวันออกกลาง และแอฟริกาเหนือ) อ้างอิงข้อมูลจาก Euromonitor 2022 ระบุว่า ปี 2565 มีมูลค่าตลาดรวม 1.49 แสนล้านบาท แบ่งเป็น

– ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว (skincare) 60%

– ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม (hair) 20%

– ผลิตภัณฑ์เมคอัพ (makeup) 14%

– ผลิตภัณฑ์น้ำหอม (fragrance) 6%

ในปีที่ผ่านมาลอรีอัล กรุ๊ป ยังคงยืนหนึ่งในตลาดความงามโลก เติบโตแบบดับเบิ้ลดิจิตที่ 10.9% คิดเป็นมูลค่า 3.83 หมื่นล้านยูโร ทำยอดขายทั่วโลกสูงถึง 7,000 ล้านชิ้น ในส่วนของอีคอมเมิร์ซของลอรีอัลขยายตัว 8.9% คิดเป็นสัดส่วน 28% ของรายได้ของลอรีอัลทั่วโลก และยังเริ่มต้นไตรมาสแรกของปี 2566 ด้วยการเติบโตที่พุ่งทะยานถึง 13%

สำหรับลอรีอัล ประเทศไทย ในปี 2565 สามารถฟื้นตัวจากผลกระทบของโควิด-19 และสร้างการเติบโตได้ถึงสองหลักเช่นกัน ผ่าน 15 แบรนด์สินค้าที่นำเข้ามาทำตลาด โดยครองส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์

นำโดยแบรนด์การ์นิเย่ (Garnier) แบรนด์ความงามและดูแลผิวอันดับ 1 ในไทย, เมย์เบลลีน นิวยอร์ก (Maybelline New York) อันดับ 1 ในกลุ่มเมคอัพ, กลุ่มผลิตภัณฑ์น้ำหอม ลอรีอัลสามารถก้าวขึ้นเป็นอันดับ 2 ด้วยน้ำหอมแบรนด์ อีพส์ แซงต์ โลรองต์ โบเต้ (Yves Saint Laurent Beauté) ลังโคม (Lancôme) และ อาร์มานี (Giorgio Armani)

ในส่วนของผลิตภัณฑ์เวชอำอาง แบรนด์ ลา โรช-โพเซย์, วิชี่ และเซราวี ยังเป็นตัวนำในการสร้างปรากฏการณ์ในการเป็นแผนกที่มีการเติบโตสูงที่สุดในลอรีอัลถึง 2 เท่าในระยะเวลาเพียง 3 ปี และได้มีการเปลี่ยนชื่อแผนกเป็น L’Oréal Dermatological Beauty จากเดิมคือ L’Oréal Active Cosmetics อีกด้วย

แพทริค จีโร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลอรีอัล ประเทศไทย พม่า ลาว และกัมพูชา ที่เพิ่งเข้ามารับตำแหน่งในปลายปี 2565 มองภาพความสำเร็จของปีที่ผ่านมาว่า มาจากปัจจัยสนับสนุนและเทรนด์จากทั่วโลกที่ผู้คนมองหาผลิตภัณฑ์ที่มีนวัตกรรม ประสิทธิภาพ และคุณภาพสูง รวมถึงผลิตภัณฑ์พรีเมียมที่จับต้องได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ลอรีอัลเข้มแข็ง

สำหรับปี 2566 คุณแพทริค ตั้งเป้านำพาลอรีอัล ประเทศไทย มุ่งสู่การเป็นบริษัทความงามอันดับ 1 พร้อมเร่งเครื่องครองเบอร์ 1 ในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์

ปี 2565 ลอรีอัลทำตลาดในประเทศไทย ด้วย 15 แบรนด์สินค้า ครองเบอร์ 1 ได้ในสองกลุ่มสินค้าคือผลิตภัณฑ์ความงามและดูแลผิว ผ่านแบรนด์ Garnier และกลุ่มผลิตภัณฑ์เมคอัพ ผ่านแบรนด์ Maybelline New York  สำหรับกลุ่มผลิตภัณฑ์น้ำหอมและกลุ่มผลิตภัณฑ์เวชสำอาง ลอรีอัลยังอยู่ในอันดับ 2 แต่ในปีนี้ลอรีอัลจะเร่งเครื่องเพื่อขึ้นมาเป็นเบอร์ 1 อย่างเบ็ดเสร็จ ด้วยการพัฒนาอย่างรอบด้าน ผสานอุตสาหกรรมความงามเข้ากับเทคโนโลยี AI และ Data เพื่อกำหนดอนาคตอุตสาหกรรมความงาม รวมทั้งส่งเสริมความหลากหลายด้วยแนวคิด “Beauty for Each” ความงามที่เข้าถึงและตอบโจทย์ผู้บริโภคจากทั่วโลกที่มีภูมิหลัง วัฒนธรรม และความต้องการอันหลากหลาย และทุ่มทุนด้านวิจัยและพัฒนานวัตกรรมมากกว่า 1,000 ล้านยูโร ซึ่งเป็นตัวเลขที่มากกว่า 3% ของรายได้ต่อปี เพื่อนำเสนอนวัตกรรมความงามอันล้ำสมัยออกสู่ท้องตลาด โดยได้รับการจดสิทธิบัตรแล้วทั้งสิ้น 561 ชิ้น

นอกจากนี้ ลอรีอัล ประเทศไทย ยังสานต่อความเป็นผู้นำด้าน “Beauty Tech” ไม่ว่าจะเป็นการนำเสนอเทคโนโลยีด้านความงามกว่า 15 บริการแก่ผู้บริโภคชาวไทย ทั้งที่จุดขายและทางออนไลน์ การสร้างความบันเทิงและการมีส่วนร่วมกับผู้บริโภคในโลกดิจิทัลด้วยแคมเปญที่เป็น Talk of the Town และรวมไปถึงการพัฒนาทักษะบุคลากรและเครื่องมือเพื่อมุ่งสู่การเป็นองค์กรขับเคลื่อนด้วย Data

“ในตลาดความงามที่ไม่เคยหยุดยิ่ง ทุกๆ ความท้าทายคือโอกาส การพัฒนาอย่างรอบด้านอย่างมีเสถียรภาพนั้นสำคัญอย่างยิ่งต่อการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว ลอรีอัลพร้อมจะเดินหน้าอย่างมั่นคงเพื่อย้ำความเป็นบริษัทความงามอันดับ 1 ของโลก และผลักดันลอรีอัลประเทศไทยสู่อันดับ 1 ในไทย โดยจะนำเสนอนวัตกรรมและเทคโนโลยีความงามอย่างไม่หยุดยั้ง และส่งมอบผลิตภัณฑ์และบริการอันยอดเยี่ยมให้กับผู้บริโภค ควบคู่ไปกับการขับเคลื่อนพันธสัญญาด้านความยั่งยืน อันจะสร้างประโยชน์ทั้งแก่แวดวงอุตสาหกรรม สังคม และสิ่งแวดล้อม อันสอดคล้องกับเป้าหมายในการสร้างสรรค์ความงามที่ขับเคลื่อนโลกของลอรีอัล” นายแพทริค จีโร กล่าวทิ้งท้าย