ดีลิเวอรี่แข่งเดือด “ซูเปอร์สโตร์-ตลาดสด” เปิดศึก

แม้มูลค่าตลาด E-Commerce ในประเทศไทยยังเติบโตไม่ถึง 15% ต่อปี และมีมูลค่าอย่างเป็นทางการราว 50,000 ล้านบาท หรือแค่ 1-2% ของมูลค่าค้าปลีกรวม แต่คาดการณ์อีก 3-5 ปีข้างหน้ามูลค่าตลาดจะเพิ่มขึ้นถึงขั้นก้าวกระโดดหลายเท่าตามการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว ทั้งด้านเทคโนโลยี นวัตกรรมและการเดินหน้านโยบาย “ไทยแลนด์ 4.0” ของรัฐบาล

เฉพาะ 1-2 ปีนี้ หากสำรวจตลาดสินค้าออนไลน์พบว่า สินค้าแฟชั่น เครื่องสำอาง และสินค้าอุปโภคบริโภคยังได้รับความนิยมสูงสุดบนช่องทางออนไลน์ แต่เทรนด์ใหม่ที่กำลังเกิดขึ้น คือ สินค้าประเภทอาหารสดและอาหารพร้อมรับประทานกำลังกลายเป็นสินค้ายอดนิยมในช่องทางออนไลน์เพิ่มมากขึ้น

ข้อมูลจาก LINE ประเทศไทย เจ้าของบริการ “ไลน์ แมน” (LINE MAN) สะท้อนให้เห็นชัดเจน เพราะบริการ 4 ประเภทของไลน์แมน คือ บริการสั่งซื้ออาหาร (Food Delivery) บริการรับ-ส่งสิ่งของ (Messenger) บริการสั่งสินค้าผ่านร้านสะดวกซื้อ (Convenience Goods) และบริการรับส่งสิ่งของผ่านไปรษณีย์ (Postal) ปรากฏว่าบริการที่ได้รับความนิยมสูงสุด คือ บริการสั่งซื้ออาหาร ด้วยสถิติการใช้บริการในกรุงเทพฯ และปริมณฑลมากกว่า 500,000 ครั้งต่อเดือน หรือคิดเป็น 70% ของการใช้บริการทั้งหมดใน LINE MAN

ขณะที่ยังมีกลุ่มเป้าหมายอีกจำนวนมากนิยมใช้วินมอเตอร์ไซค์ซื้ออาหารสด ส่งของ แต่มักเจอปัญหาด้านบริการ เช่น ส่งไม่ตรงเวลา จำนวนสินค้าไม่ครบและเสียหาย

แน่นอนว่า ทั้งโอกาสและช่องว่างในตลาดทำให้ “ธุรกิจบริการดีลิเวอรี่” เติบโตอย่างรวดเร็วพร้อมๆกับตลาดอี-คอมเมิร์ซ และไม่ได้จำกัดเฉพาะการจัดส่งในกลุ่มร้านอาหาร แต่พลิกโฉมและมีคู่แข่งทั้งรายใหญ่และหน้าใหม่เข้าแย่งชิงกลุ่มลูกค้าอย่างดุเดือด ทั้งกลุ่มไฮเปอร์มาร์เกต ร้านอาหารแบรนด์ดัง หรือแม้กระทั่งตลาดสด

นฤมล ธรรมวัฒนะ ประธานกรรมการบริหารบริษัท สุวพีร์ โฮลดิ้ง จำกัด และตลาดยิ่งเจริญ กล่าวว่า บริษัทเริ่มทดลองบริการ “ส่งสด” ให้ลูกค้าสั่งซื้ออาหารสดผ่านออนไลน์เป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม ที่ผ่านมา ผ่านช่องทางเว็บไซต์ www.songsod.com รวมถึงโซเชียลมีเดียอย่างเฟซบุ๊ก songsoddelivery และ Line: @songsod โดยตลาดจะคัดเลือกสินค้าและจัดส่งถึงบ้านภายใน 1-2 ชั่วโมง เพื่ออำนวยความสะดวกและตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนยุคใหม่ที่ทันสมัย ใช้ชีวิตเร่งรีบ ซึ่งเบื้องต้นวางเป้าหมายจะมียอดสั่งซื้อจากลูกค้าวันละ 600-1,000 ราย และช่วยผลักดันให้ตลาดยิ่งเจริญมียอดขายเติบโตเพิ่มขึ้น 3-5% ต่อปี จากปัจจุบันอยู่ที่ 400 ล้านบาท

ในช่วงทดลอง 3 เดือนแรกจะมีสินค้าประมาณ 1,000 รายการ จัดส่งในระยะ 15-30 กม. รอบตลาด โดยคิดอัตราค่าบริการระยะ 1 กม. แรก ราคา 42 บาท และ กม. ถัดไปคิดเพิ่ม กม. ละ 7 บาท หลังจากนั้นช่วงปลายปีจะเปิดให้บริการแอปพลิเคชัน “Fresh Mate” (เฟรชเมท) เป็นบริการเลือกซื้อและจัดส่งสินค้าจากตลาดผ่านออนไลน์อย่างเต็มรูปแบบทุกช่องทาง จะมีการแนะนำสินค้า โปรโมชั่นใหม่ๆ และสูตรเมนูอาหาร

ปัจจุบัน ตลาดยิ่งเจริญ เนื้อที่รวม 30 ไร่ มีร้านค้ากว่า 1,500 ร้าน แบ่งเป็นโซนต่างๆ จำหน่ายสินค้า 15 กลุ่ม ได้แก่ เนื้อสัตว์ ปลาและของทะเล ผัก สินค้าชำ อาหารแปรรูป อาหารสำเร็จรูป เครื่องดื่ม สินค้ารับประทานเล่น-ขนม ผลไม้ ดอกไม้ เครื่องแต่งกาย อุปกรณ์เครื่องใช้ อุปกรณ์ไอที และบริการอื่นๆ เช่น ศูนย์อาหารให้บริการ 24 ชั่วโมง โดยมีผู้คนเข้ามาจับจ่ายเฉลี่ย 20,000 คนต่อวัน แบ่งสัดส่วนเป็นกลุ่มลูกค้าเจ้าของร้านอาหาร 70% และกลุ่มลูกค้าทั่วไป 30%

นฤมลกล่าวว่า บริษัทตั้งเป้าหมายจะมีผู้ใช้บริการกลุ่มใหม่เข้ามาผ่านช่องทางออนไลน์ 5-10% และเตรียมแผนลงทุนระยะ 5 ปี ใช้งบ 1,000 ล้านบาท ขยายตลาดในเฟส 2 บริเวณพื้นที่จอดรถ 9 ไร่ จะเป็นทั้งตลาดสดและพื้นที่ติดแอร์จำหน่ายสินค้าแฟชั่น ดึงเชนร้านอาหารจานด่วนเข้ามาจำหน่าย ส่วนเฟส 3 จะปรับปรุงตลาดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมทางน้ำ เพื่อขยายฐานรองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติจากสนามบินดอนเมือง

อย่างไรก็ตาม แม้การปรับตัวของตลาดยิ่งเจริญเป็นการไล่ให้ทันพฤติกรรมของกลุ่มลูกค้า แต่ที่สำคัญมากกว่ากว่านั้น คือการต่อสู้กับกลุ่มโมเดิร์นเทรด ซึ่งทุกค่ายยักษ์ใหญ่ต่างงัดกลยุทธ์ทุกรูปแบบ รวมถึงการเปิดสงครามออนไลน์และดีลิเวอรี่จนถือเป็นเป้าหมายการผลักดันรายได้ในอนาคต

เมื่อเร็วๆ นี้ มาร์ค รัฟลีย์ ประธานกรรมการฝ่ายการตลาด บริษัท เอก-ชัย ดิสทริบิวชั่น ซิสเทม ผู้บริหารห้างเทสโก้ โลตัส ออกมาระบุว่า ภาพรวมยอดขายสินค้าของเทสโก้ โลตัส ผ่านช่องทางออนไลน์ ช่วง 5 ปีที่ผ่านมา มีอัตราเติบโตดีต่อเนื่อง จนถึงช่วง 5 เดือนแรกของปี 2560 ยอดขายเติบโตเป็นตัวเลข 2 หลัก และตั้งเป้าภายใน 5 ปี จะมีสัดส่วนรายได้จากออนไลน์เพิ่มเป็น 5% จากปัจจุบัน 1% ของรายได้รวม โดยไทยถือเป็นประเทศที่มียอดขายในช่องทางออนไลน์เติบโตมากที่สุดใน 10 ประเทศที่เทสโก้ โลตัสทำธุรกิจ

ล่าสุด เทสโก้โลตัส ช้อป ออนไลน์ มี 3 ช่องทางหลัก ผ่านเทสโก้ โลตัส ชอปปิ้งออนไลน์ มีสินค้ามากกว่า 2 หมื่นรายการ ครอบคลุมอาหารสด สินค้าอุปโภคบริโภค เว็บไซต์ลาซาด้ามีสินค้ากว่า 1.2 หมื่นรายการ อาทิ ผลิตภัณฑ์แม่และเด็ก เครื่องใช้ไฟฟ้า และสินค้าเพื่อสุขภาพและความงาม และเว็บไซต์ของวี เลิฟ ชอปปิ้ง เจาะกลุ่มลูกค้าผู้หญิงโดยเฉพาะ มีสินค้ากว่า 4,000 รายการ โดยให้บริการจัดส่งสินค้าหลายรูปแบบตามลักษณะของสินค้า

ทั้งการร่วมมือกับพันธมิตร เช่น แฮปปี้ เฟรช จัดส่งสินค้าถึงมือลูกค้าภายใน 1 ชั่วโมง มีรถจัดส่งสินค้าพิเศษควบคุมอุณหภูมิสินค้าแช่เย็นและแช่แข็ง และบริการ Click & Collect ให้ลูกค้าสั่งสินค้าออนไลน์และรับสินค้าได้ด้วยตัวเองที่สาขาที่สะดวก

ด้านบริษัท เซ็นทรัล แฟมิลี่มาร์ท จำกัด ผู้บริหารร้านสะดวกซื้อแฟมิลี่มาร์ท จับมือกับแอปให้บริการเรียกรถจักรยานยนต์ “โกไบค์” เปิดตัวดีลิเวอรี่ “โก มาร์ท” บริการส่งสินค้าจากร้านแฟมิลี่มาร์ท 25 สาขาครอบคลุมพื้นที่เขตสาทร สีลม และสุรวงศ์ โดยเตรียมขยายเวลาให้บริการและขยายไปยังสาขาอื่นๆ ทั่วกรุงเทพฯ ภายในสิ้นปีนี้

ขณะที่ค่ายบิ๊กซีในกลุ่มบีเจซี ซึ่งลุยฟอร์แมต “บิ๊กซีออนไลน์” มากว่า 7 ปี ล่าสุดพัฒนาบริการ “บิ๊กซี เฟรชเอ็กซ์เพรส” ปรับโฉมเว็บไซต์ทำเชลฟ์สินค้าในแอปลิเคชันเหมือนสโตร์และเปิดตัวรายการอาหารสดกว่า 5 พันรายการ ที่สั่งได้ผ่านออนไลน์ พร้อมส่งภายใน 2 ชั่วโมง บริการปรุงสุก ทอด นึ่ง ย่าง รองรับลูกค้าคอนโดที่ไม่สามารถทำอาหารได้ จัดโปรโมชั่นส่งฟรีถึงบ้าน และส่วนลดพิเศษอื่นๆ ทุกสัปดาห์ จากปกติคิดจัดส่งสูงสุด 69 บาท

ส่วนเดอะมอลล์ กรุ๊ป ชู On Line Shopping & Delivery Service ผ่านแอปพลิเคชันไลน์แมน แฮปปี้เฟรช และเอ็มการ์ดช้อป บริการสั่งอาหารจากร้านอาหารกว่า 600 ร้าน ภายในฟู้ดส์ฮอลล์ เดอะมอลล์ ดิ เอ็มโพเรียม เอ็มควอเทียร์ พารากอน และล่าสุดขยายความร่วมมือกับแอปพลิเคชันวงใน ไลน์แมน เปิดตัว Virtual Store หรือดีลิเวอรี่ เซอร์วิส ในซูเปอร์มาร์เกตให้บริการสั่งและส่งสินค้าไฮไลต์ที่เป็นซิกเนเจอร์ของกูร์เมต์ มาร์เกต 10-15 รายการ ซึ่งปรับเปลี่ยนสินค้าตามเทศกาลต่างๆ

เรียกว่า ทั้งซูเปอร์สโตร์ ร้านสะดวกซื้อและตลาดสดต่างเร่งชิงชัยสงครามค้าปลีก ไม่ใช่แค่แข่งขันสร้างหน้าร้าน โปรโมชั่น หรือกวาดสินค้าครบทุกความต้องการ แต่ยังหมายถึงบริการที่พิชิตใจผู้บริโภคแบบถึงประตูบ้านด้วย