บทเรียนจากคลองสุเอซ เรือใหญ่ควรอยู่ห่างฝั่ง
แม้ว่าวิกฤตการณ์เรือสินค้าขนาดมหึมาเกยตื้นและขวางเส้นทางสัญจรของคลองสุเอซ จะคลี่คลายและกลับมาลอยลำพ้นจากการกีดขวางการจราจรทางน้ำของเส้นทางสัญจรที่มีความสำคัญต่อการค้าโลก แต่ผลกระทบจากเหตุดังกล่าวดูจะมีความสืบเนื่องที่อาจมีมูลค่ามากมายมหาศาลติดตามมาจากการฟ้องร้องดำเนินคดีและเรียกร้องค่าเสียหายจากฝ่ายต่างๆ เป็นมหากาพย์ที่รอคอยบทสรุปในอนาคต เรือบรรทุกสินค้าเอเวอร์ กิฟเวน (Ever Given) ที่ดำเนินการโดยบริษัทเอเวอร์กรีน มารีน ของไต้หวัน ได้รับการช่วยเหลือให้หลุดจากการเกยตื้นได้สำเร็จเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากเกยตื้นและกีดขวางการจราจรในคลองสุเอซมาเกือบ 1 สัปดาห์ และถูกลากออกไปจากคลองสุเอซแล้ว และอยู่ระหว่างการตรวจสอบเพิ่มเติม ทำให้เส้นทางสัญจรในคลองสุเอซกลับมาใช้งานได้อีกครั้ง แต่ยังไม่ชัดเจนว่า คลองสุเอซจะเริ่มเปิดให้มีการจราจรอย่างเต็มรูปแบบอีกครั้งเมื่อใด และในขณะนี้มีเรือขนส่งสินค้าที่จอดรออยู่ทั้งหมด 367 ลำ การกอบกู้เรือ เอเวอร์ กิฟเวน ให้พ้นจากสภาพเกยตื้นทำให้ผู้ที่ใช้คลองสุเอซเป็นทางสัญจรขนส่งสินค้ามีความหวังว่าจะกลับมาเดินเรือได้อีกครั้ง และเปิดทางให้การขนส่งสินค้าที่มีมูลค่าราว 3 แสนล้านบาทต่อวันกลับมามีชีวิตอีกครั้ง ความพยายามในการขยับเรือบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ลำยักษ์ให้ลอยลำได้อิสระอีกครั้งต้องใช้เวลานานหลายวัน และต้องใช้ เรือลากและเรือขุดจำนวนหลายลำ เนื่องจากเรือยักษ์ลำนี้มีความยาว 400 เมตร หรือเทียบเท่ากับสนามฟุตบอล 4 สนาม และมีน้ำหนักมากกว่า 2 แสนตัน เกยตื้นขวางคลองสุเอซอยู่บริเวณปลายทางใต้ของคลองสุเอซ ทำให้เรือลำอื่น ๆ ไม่สามารถแล่นผ่านหนึ่งในเส้นทางขนส่งสินค้าทางน้ำที่พลุกพล่านที่สุดในโลกแห่งนี้ได้ ก่อนที่บริษัทที่ดูแลการกู้เรือจะใช้ความพยายามอย่างหนัก ทั้งใช้เรือขุด เรือลากจูง รวมทั้งการย้ายตู้คอนเทนเนอร์มากกว่า 20,000 ตู้ออกจากเรือเพื่อให้สัมภาระบนเรือเบาลง เส้นทางการเดินเรือผ่านคลองสุเอซถือว่ามีความสำคัญกับการค้าของโลกเพราะการค้าโลกมากกว่าร้อยละ 12
Read More