อนาคตรถกระบะแคป บนมาตรการที่คลุมเครือ
ข่าวว่าด้วยมาตรการของรัฐในการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ตามคำสั่งมาตรา 44 ที่ 14-15/2560 ของหัวหน้า คสช.ไม่เพียงแต่จะสร้างกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางโดยเฉพาะในสื่อออนไลน์และโลกโซเชียลมีเดีย จนทำให้รัฐบาลต้องออกคำสั่งชะลอการบังคับใช้อย่างเข้มงวดออกไปก่อน หากแต่ในอีกด้านหนึ่ง กรณีดังกล่าวอาจเป็นระเบิดเวลาที่พร้อมจะสั่นคลอนความเป็นไปและยอดการจำหน่ายรถยนต์กระบะ ซึ่งถือเป็นรถยนต์ยอดนิยมของสังคมไทยในอนาคตอีกด้วย ด้วยคุณลักษณะของความเป็นรถยนต์อเนกประสงค์ที่สามารถเติมเต็มวิถีชีวิตแบบสังคมเกษตรกรรมกึ่งสังคมเมือง รถยนต์กระบะกลายเป็นยานพาหนะที่พร้อมจะตอบโจทย์ความต้องการของสังคมได้อย่างลงตัวไม่ว่าจะเป็นในมิติของการขนส่งสิ่งของ หรือเคลื่อนย้ายผู้คน ที่ทำให้รถยนต์กระบะกลายเป็นทางเลือกแรกๆ ที่ได้รับการนึกถึง และส่งผลให้ยอดการจำหน่ายรถยนต์ในกลุ่มนี้มีสัดส่วนมากถึงกว่าร้อยละ 43-50 ของยอดจำหน่ายรถยนต์ทุกประเภทรวมกันในแต่ละปี จากตัวเลขยอดจำหน่ายรถยนต์รวมในปี 2559 ที่ผ่านมา พบว่ามียอดจำหน่ายรถยนต์ทุกประเภทรวม 770,000 คัน โดยในจำนวนนี้เป็นรถยนต์กระบะขนาด 1 ตัน รวม 335,000 คันหรือคิดเป็นร้อยละ 43.5 ของยอดจำหน่ายรถยนต์รวมตลอดทั้งปี ขณะที่ตัวเลขยอดการจำหน่ายรถยนต์ในเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์ 2560 ที่ผ่านมา พบว่ายอดการจำหน่ายรถยนต์ทุกประเภทรวมอยู่ที่จำนวน 125,689 คัน โดยเป็นรถยนต์กระบะรวม 65,092 คัน หรือคิดเป็นร้อยละ 51.8 ซึ่งเป็นภาพสะท้อนความนิยมและนัยสำคัญของรถยนต์กระบะในอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยได้เป็นอย่างดี ประเด็นที่น่าสนใจประการหนึ่งของการประกาศใช้มาตรการคุมเข้มด้านจราจรที่ออกมาในช่วงต้นเดือนเมษายน เพื่อรองรับกับเทศกาลสงกรานต์อยู่ที่การประกาศมาตรการที่ว่านี้ อยู่ในช่วงเวลาคาบเกี่ยวและต่อเนื่องกับกระแสข่าวเชิงลบว่าด้วยการจัดซื้อยุทโธปกรณ์ และข่าวเกี่ยวกับบ่อนกาสิโนบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ทำให้ความสนใจในข่าวทั้งสองนี้ถูกบดบังลงไปโดยปริยาย ขณะเดียวกันในอีกด้านหนึ่งข่าวมาตรการคุมเข้มจราจรที่ว่านี้ยังอยู่ในช่วงเวลาที่สังคมไทยและค่ายรถยนต์ทุกค่ายกำลังอยู่ในช่วงของมหกรรมงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 38 และกำลังเร่งส่งเสริมการขายกันอย่างหนักหน่วง โดยผู้จัดงานตั้งเป้าที่จะมียอดการจองรถยนต์ในงานนี้รวม
Read More