AVURUDU Sri Lanka
ในขณะที่สังคมไทยกำลังเข้าสู่ช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลองรื่นเริงเนื่องในวันสงกรานต์หรือวันขึ้นปีใหม่แบบไทย ด้วยความรู้สึกระคนกันทั้งความกังวลเรื่องปัญหาทางเศรษฐกิจที่ดูเหมือนจะบีบรัดและเขม็งเกลียวหนักหน่วงขึ้นเป็นลำดับ สอดรับกับสถานการณ์ทางการเมืองที่ยังไม่สามารถแสวงหาทางออกจากภาวะชะงักงันได้อย่างชัดเจน อีกฟากฝั่งของมหาสมุทรอินเดีย ในดินแดนที่เรียกว่าศรีลังกา ผู้คนที่นี่ก็กำลังเฉลิมฉลอง Aluth Avurudda หรือ Avurudu ซึ่งก็คือเทศกาลขึ้นปีใหม่ของชาวสิงหล (Singhalese) ที่เกี่ยวเนื่องในเชิงวัฒนธรรมกับเทศกาลสงกรานต์และการเถลิงศกใหม่ของทั้งภูมิภาคเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตามการยึดถือปฏิทินตามแบบสุริยคติไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน แต่ที่จะแตกต่างกันไปบ้างสำหรับช่วงเวลาสำคัญแห่งปีนี้ ก็คือ ดูเหมือนว่าชาวศรีลังกาส่วนใหญ่มีโอกาสได้เฉลิมฉลองวันขึ้นปีใหม่ ท่ามกลางความรู้สึกที่รื่นเริงและเปี่ยมความหวังสำหรับอนาคตที่กำลังจะงอกเงยขึ้น มากกว่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เป็นการเริ่มต้นปีใหม่ ควบคู่กับความหวังถึงสันติภาพและความจำเริญที่ยั่งยืนไปพร้อมๆ กับโอกาสครบวาระ 5 ปีของการสิ้นสุดสงครามกลางเมืองในเดือนพฤษภาคมที่กำลังจะมาถึงนี้ ภาวะสงครามกลางเมือง (Civil War) ที่เกิดขึ้นจากความขัดแย้งทางชาติพันธุ์ระหว่างรัฐบาลศรีลังกาที่เป็นตัวแทนของเสียงส่วนใหญ่ชาวสิงหล กับชนกลุ่มน้อยชาวทมิฬ ที่ทอดระยะเวลาเนิ่นนานกว่า 3 ทศวรรษนับตั้งแต่ช่วงกลางปี 1983 จนถึงเมื่อรัฐบาลประกาศชัยชนะอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดเหนือกองกำลังติดอาวุธพยัคฆ์ทมิฬอีแลม (Liberation Tigers of Tamil Eelam: LTTE) เมื่อเดือนพฤษภาคม 2009 ได้สร้างบาดแผลและร่องรอยเจ็บลึกลงไปในสังคมศรีลังกา ซึ่งเป็นพหุสังคมที่มีความหลากหลายทางชาติพันธุ์ไม่น้อยเลย ความสูญเสียในเชิงสังคมตามการประเมินของสหประชาชาติ (UN) ซึ่งนับเป็นจำนวนชีวิตของประชาชนนับแสนคน ทั้งที่เป็นเจ้าหน้าที่รัฐและพลเรือนที่ต้องเสียชีวิตไปในความขัดแย้งที่ยาวนานนี้ ย่อมไม่สามารถคำนวณเป็นมูลค่าใดๆ ได้ หากแต่ย่อมเป็นบทเรียนและกรณีศึกษาที่มีคุณค่าและนัยความหมายอย่างยิ่งสำหรับการก้าวเดินไปข้างหน้าในอนาคต ขณะที่มูลค่าความสูญเสียทางเศรษฐกิจตลอดระยะเวลาแห่งความขัดแย้งยาวนานเกือบ 3 ทศวรรษได้รับการประเมินว่ามีมากถึง 2 แสนล้านเหรียญสหรัฐ
Read More