Home > Darunee Sae-Liew (Page 3)

หนทางบรรเทาความวิตกกังวลจากโควิด-19

Column: Well – Being ณ เวลานี้ คนทั่วโลกล้วนตกอยู่ในภาวะ “ลมหายใจเข้า-ออกเป็นโควิด-19” โรคอุบัติใหม่จากการติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ที่มีจุดเริ่มต้นเมื่อปลายปี 2019 ที่ประเทศจีน และแพร่ระบาดลุกลามไปทั่วโลกอย่างรวดเร็วจนองค์การอนามัยโลกต้องประกาศให้เป็นภาวะ pandemic “ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ประชากรโลกต่างอยู่ในภาวะเสี่ยง” ดร.เดวิด เอช. โรสมาริน ผู้ช่วยศาสตราจารย์ประจำคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด และผู้ก่อตั้งศูนย์เพื่อโรควิตกกังวล ให้ความเห็น “คนที่เป็นโรควิตกกังวลอยู่ก่อนแล้ว ซึ่งมีจำนวนมากด้วย ดูเหมือนจะอยู่ในภาวะวิตกกังวลนั้นรุนแรงเพิ่มมากขึ้น และคนที่ไม่เคยเป็นโรคนี้มาก่อนก็ดูเหมือนจะได้รับผลกระทบจากอาการป่วยนี้ไปด้วย” นิตยสาร Prevention รายงานว่า ท่ามกลางการระบาดอย่างรุนแรงของโควิด-19 เป็นเรื่องปกติที่คนเราจะรู้สึกวิตกกังวลมากขึ้นชนิดไม่เคยเป็นมาก่อน แต่ผู้เชี่ยวชาญยืนยันว่า มียุทธวิธีมากมายที่ช่วยให้คุณบรรเทาความกลัวลงได้ ดังที่นักจิตวิทยาและนักจิตบำบัดหลายคนแนะนำให้ปฏิบัติตามเพื่อบรรเทาความวิตกกังวลจากโควิด-19 ที่ดำเนินอยู่ในเวลานี้ ได้แก่ ดูแลตัวเองให้ดี ระหว่างเผชิญภาวะวิกฤต เป็นไปได้ที่คุณอาจลืมดูแลตัวเองในระหว่างจดจ่อกับความคิดเชิงลบ อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญลำดับแรก คือ คุณต้องแน่ใจว่าได้ดูแลตัวเองอย่างจริงจัง “นอนพักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกาย กินอาหารมีประโยชน์” พญ. เบธ ซัลซีโด ผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์ของศูนย์รอสส์ และอดีตประธานสมาคมโรคซึมเศร้าและโรควิตกกังวลแห่งอเมริกา ให้คำแนะนำ “ทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้เพื่อดูแลให้คุณมีสุขภาพแข็งแรงทางกายภาพ ซึ่งเป็นประโยชน์มากต่อสุขภาพจิตของคุณ” เดินออกกำลังบ้าง แม้ว่าปัจจุบันศูนย์ป้องกันและควบคุมโรค (ซีดีซี) ของสหรัฐฯ

Read More

เทคนิคลดอายุสมอง

Column: Well – Being สกีรีสอร์ตเป็นที่ที่จูดี ฟอร์ไดซ์ มีความสุข เธอสามารถเล่นสกีพร้อมกับชื่นชมทิวทัศน์ตามลาดเขาไปพร้อมๆ กัน แล้วสูดหายใจเอาอากาศเย็นเข้าไปเต็มปอด “ขณะเล่นสกี ฉันคิดถึงการมีชีวิตและสุขสงบ เป็นความรู้สึกของความสำเร็จและอิสรภาพ และแสนจะสดชื่นที่ตัวเองยังแข็งแรง” ฟอร์ไดซ์ บรรยายความรู้สึกของเธอ ซึ่งเธอแตกต่างจากคนอื่นๆ เพราะเริ่มเล่นสกีจริงจังขณะสูงอายุถึง 59 ปี หลังจากนั้น 12 ปี เธอก็ยังมีความสุขกับการเล่นสกีไปตามทางลาดเชิงเขา ฟอร์ไดซ์ กล่าวต่อไปว่า “ฉันรู้สึกอ่อนวัยลงกว่าเมื่อสิบปีก่อนด้วยซ้ำ ซึ่งฉันคิดว่าเป็นการบรรลุความปรารถนาของตัวเองเป็นอย่างดี” นิตยสาร Prevention กล่าวว่า ผลการวิจัยสนับสนุนความเห็นของฟอร์ไดซ์ในแง่ทัศนคติเกี่ยวกับอายุที่มากขึ้นส่งผลกระทบต่อการทำกิจกรรมต่างๆ ได้ ถ้าคุณคิดว่า คุณแก่เกินกว่าจะเล่นสกีหรือกลับเข้าโรงเรียนอีก คุณจะไม่มีวันได้ทำกิจกรรมนั้นเป็นอันขาด แต่การขีดเส้นกิจกรรมทางกายภาพหรือความคิดบางอย่างก็ไม่ช่วยปกป้องคุณได้ การยับยั้งยังเป็นการเร่งความชราด้วยซ้ำ “จากประวัติการวิจัยอันยาวนานได้ชี้แนะว่า ถ้าคุณได้จดจ่อทำกิจกรรมอะไรสักอย่าง ล้วนเป็นสิ่งที่ดีทั้งนั้น” ดร. เอียน เอ็ม. แม็คโดนัฟ ผู้ช่วยศาสตราจารย์แห่งมหาวิทยาลัยแอละแบมา กล่าว และเมื่อไม่นานมานี้ ผลการวิจัยยังยืนยันว่า คนที่ตกเป็นข่าวว่ามีธุระยุ่งมากที่สุด มีแนวโน้มเป็นคนสง่างามที่สุด หลักแหลมที่สุด และมีความจำดีที่สุดด้วย “แต่กิจกรรมที่จะช่วยเรื่องความจำได้มากที่สุด ควรมีความท้าทายหรือน่าตื่นเต้น

Read More

อาหารแก้ท้องผูก

Column: Well – Being อาการท้องผูกหรือภาวะช่องท้องขาดการเคลื่อนไหวอย่างสม่ำเสมอ ทำให้ก้อนอุจจาระไม่สามารถเคลื่อนตัวหรือขับถ่ายออกมา เป็นภาวะที่เลวร้ายยิ่ง และอาจมีสาเหตุหลากหลายแตกต่างกัน ซึ่งรวมถึงอาหารที่คุณกินเข้าไปด้วย แน่นอนว่ามีแทคติกที่แตกต่างกัน ซึ่งทำให้คุณสามารถทำให้เกิดการเคลื่อนตัวของก้อนอุจจาระและขับถ่าย รวมทั้งการกินยารักษา แต่ถ้าคุณคิดว่าอาการท้องผูกของคุณไม่ได้มาจากปัญหาสุขภาพที่ซ่อนเร้น และต้องการแก้ปัญหาด้วยตัวคุณเอง ทั้งแพทย์และนักกำหนดอาหารต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันในนิตยสาร Prevention ว่า การกินอาหารอย่างถูกต้องจะช่วยกระตุ้นระบบทางเดินอาหารของคุณได้ “วิธีที่ดีที่สุดในการแก้ปัญหาคือ ทำจากภายในออกมา” ดร.แอชคัน ฟาร์ฮาดี แพทย์โรคทางเดินอาหาร และผู้อำนวยการโครงการโรคทางเดินอาหารของเมโมเรียล แคร์ เมดิคอล กรุ๊ป ที่เฟาน์เทน วัลเลย์ รัฐแคลิฟอร์เนีย กล่าว ปกติแล้วคุณต้องหาอาหารเส้นใยสูงเพื่อช่วยเพิ่มขนาดของก้อนอุจจาระ “จะง่ายกว่ากับการทำให้บางสิ่งบางอย่างที่มีลักษณะเป็นก้อนใหญ่ขึ้น เคลื่อนตัวผ่านลำไส้ใหญ่ออกมา” ดร. ฟาร์ฮาดีอธิบาย (อาหารบางชนิดมีสารเฉพาะตัวที่ช่วยกระตุ้นการเคลื่อนไหวในช่องท้องด้วยซ้ำ) ดังนั้น ถ้าธรรมชาติไม่ทำงานตามปกติ และคุณต้องการลองแก้ปัญหาด้วยวิธีธรรมชาติก่อน ให้หันมากินอาหารที่แนะนำต่อไปนี้เพื่อช่วยแก้ปัญหาท้องผูก พรุน พรุนอบแห้งเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายในแง่ช่วยแก้ปัญหาท้องผูกด้วยเหตุผลว่า “พรุนเป็นแหล่งเส้นใยที่ดี” เจสสิกา คอร์ดิง ผู้เขียนหนังสือ The Little Book of Game – Changers กล่าว พรุนยังมีสาร

Read More

อูย… ริดสีดวงทวารเล่นงาน?

Column: Well – Being คนส่วนใหญ่คงเคยได้ยินเกี่ยวกับริดสีดวงทวารกันมาบ้างแล้ว สถาบันแห่งชาติว่าด้วยโรคเบาหวาน โรคทางเดินอาหาร และโรคไต (NIDDK) แห่งสหรัฐฯ ให้ข้อมูลว่า ชาวอเมริกันทุก 1 ใน 20 คนได้รับผลกระทบจากริดสีดวงทวาร และประมาณครึ่งหนึ่งของจำนวนนี้เป็นผู้ใหญ่อายุ 50 ปีขึ้นไป แต่ถ้าคุณไม่เคยเป็นริดสีดวงทวาร คงเป็นเรื่องยากที่จะบรรยายให้รู้ซึ้งว่ามันทุกข์ทรมานอย่างไรบ้าง นิตยสาร Prevention แนะนำให้ลองมาทำความรู้จักริดสีดวงทวารกันดีกว่า หอสมุดแห่งชาติสหรัฐอเมริกาให้คำจำกัดความโรคริดสีดวงทวารว่า เป็นอาการหลอดเลือดรอบทวารหนักหรือลำไส้ตรงส่วนล่างบวมและอักเสบ “ริดสีดวงทวารเป็นกายวิภาคปกติ เหมือนการที่เรามีมือทั้งสองข้าง” ดร. เจฟเฟอรี เนลสัน ศัลยแพทย์ลำไส้ใหญ่และทวารหนัก และผู้อำนวยการแผนกศัลยกรรมแห่งศูนย์โรคลำไส้ใหญ่และโรคลำไส้ใหญ่อักเสบเรื้อรังประจำศูนย์การแพทย์เมอร์ซีแห่งบัลติมอร์ กล่าว “ในร่างกายของทุกคนต่างก็มีเนื้อเยื่อริดสีดวงทวาร” NIDDK เปิดเผยว่า ริดสีดวงทวารมี 2 ประเภท ได้แก่ ริดสีดวงทวารภายใน ที่เกิดขึ้นเหนือเส้นสมมุติ (dentate line) ของทวารหนักและลำไส้ตรงส่วนล่าง และริดสีดวงทวารภายนอก ที่เกิดขึ้นใต้เส้นสมมุติ (dentate line) ลงมาและอยู่ลึกเข้าไปใต้ผิวหนังรอบทวารหนัก สาเหตุ ไม่เป็นที่แน่ชัดว่า ทำไมบางคนจึงต้องทุกข์ทรมานกับภาวะริดสีดวงทวาร ขณะที่คนอื่นกลับไม่เป็น ดร. เนลสัน

Read More

วิธีง่ายๆ ป้องกันโรคกรดไหลย้อน

Column: Well – Being เราอาจเคยมีประสบการณ์แสบร้อนกลางอกกันมาบ้างแล้ว สาเหตุอาจเป็นเพราะกินพิซซ่าฉลองมากเกินไปในคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา แต่ถ้าคุณต้องทุกข์ทรมานกับอาการที่ว่านี้สัปดาห์ละ 2 ครั้งหรือเกินกว่านั้น คุณอาจกลายเป็นโรคกรดไหลย้อน ซึ่งเป็นสภาวะที่กล้ามเนื้อหูรูดส่วนล่างสุดของหลอดอาหารหย่อนยานเกินไป ทำให้กรดในกระเพาะอาหารไหลย้อนขึ้นสู่หลอดอาหาร จนทำให้เกิดความรู้สึกขมและเปรี้ยวแสบร้อนกลางอกในช่วงหลังมื้ออาหารอย่างที่เราคุ้นกันว่าเป็นอาการของกรดไหลย้อน ในระยะยาวภาวะนี้สามารถทำลายหลอดอาหาร นำไปสู่อาการแผลอักเสบ ก่อให้เกิดเนื้อเยื่อแผลเป็น หรืออาจเกิดภาวะก่อนเป็นมะเร็งที่เรียกว่า มะเร็งหลอดอาหาร (Barrett’s Esophagus) วิธีป้องกันโรคกรดไหลย้อนดังนี้ หลีกเลี่ยงอาหารกระตุ้น ให้จำกัดปริมาณการกินอาหารที่เชื่อมโยงกับอาการกรดไหลย้อน เช่น อาหารที่เป็นกรด ไขมันสูง หรือมีรสเผ็ด ช็อกโกแลต แอลกอฮอล์ และน้ำอัดลม รวมทั้งอาหารอื่น ๆ ที่อาจมีผลต่อคุณ “แต่ละคนมีความไวต่ออาหารต่างกันไป” ดร.ออสติน เจียง แพทย์โรคทางเดินอาหารประจำโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยโธมัส เจฟเฟอร์สัน กล่าว เมื่อคุณเกิดอาการกรดไหลย้อน ให้ค่อย ๆ นึกย้อนว่าคุณกินอะไรเข้าไปบ้าง เพื่อระบุว่าอาหารชนิดไหนที่กินได้และชนิดไหนกินไม่ได้บ้าง ซอยย่อยอาหารให้เป็นมื้อเล็กลง การกินอาหารจนอิ่มเกินไป มีแนวโน้มทำให้กรดในกระเพาะอาหารถูกดันให้ไหลย้อนขึ้นสู่หลอดอาหาร ดังนั้น ให้ซอยย่อยอาหารเป็นมื้อเล็กๆ และหยุดพักบ้างในระหว่างการกิน รวมทั้งเคี้ยวอาหารให้ละเอียดเพื่อทำให้คุณกินช้าลง และให้กระเพาะอาหารมีเวลาย่อยบ้าง วิธีนี้นอกจากจะช่วยให้คุณลดน้ำหนักแล้ว ผลการศึกษายังยืนยันว่า ช่วยลดความเสี่ยงการเป็นโรคกรดไหลย้อนด้วย อย่าล้มตัวนอนหลังกินอิ่ม หลังกินอาหารอิ่ม ให้ทิ้งเวลาสัก 3

Read More

10 ความเชื่อผิดๆ เรื่องลดความอ้วน

Column: Well – Being ลำพังการลดน้ำหนักตัวภายใต้สภาพแวดล้อมที่ดีที่สุดนั้นถือว่ายากแสนสาหัสอยู่แล้ว แต่จะยิ่งเป็นที่วุ่นวายใจมากขึ้นไปอีกเมื่อคุณได้รับคำแนะนำประเภท “ทำอย่างนี้” และ “ทำอย่างนั้น” จากคนรอบตัว ไม่ว่าคุณจะใช้วิธีสืบค้นทางอินเทอร์เน็ตหรือพูดคุยกับเพื่อนๆ ก็ยังถือว่ายากมากที่จะแยกแยะข้อเท็จจริงออกจากเรื่องคิดฝันเอาเอง เพราะการลดน้ำหนักขึ้นกับความต้องการและเป้าหมายของแต่ละคนอย่างแท้จริง ดังนั้น เพื่อให้การเริ่มต้นทำได้ง่ายขึ้นอีกหน่อย นิตยสาร Prevention ได้พูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้ความกระจ่างที่ถูกต้อง เป็นต้นว่า จริงๆ แล้ว อาหารเช้าเป็นอาหารมื้อสำคัญที่สุดของวันจริงหรือไม่ ต่อไปนี้เป็นความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับการลดความอ้วนที่คุณควรเลิกเชื่อให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้! ความเชื่อที่ 1 : กินไขมันทำให้อ้วน เจสสิกา คอร์ดิง ผู้เขียนหนังสือ The Little Book of Game – Changers กล่าวว่า ข้อเท็จจริงที่ว่า ไขมันให้พลังงานต่อน้ำหนักหนึ่งกรัมสูงกว่าคาร์โบไฮเดรตและโปรตีน อาจเป็นที่มาของความเชื่อผิดๆ ที่ว่า กินไขมันแล้วทำให้อ้วน แต่แท้จริงแล้ว ไขมันช่วยให้คุณอิ่มนานขึ้นมากกว่า ดร.คาโรลิน นิวเบอร์รี แพทย์โรคทางเดินอาหารยังอธิบายเพิ่มเติมว่า ถ้าคุณกินไขมันมากเกินความต้องการของร่างกาย คุณจะมีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน “แต่ไขมันเป็นองค์ประกอบสำคัญของอาหารเพื่อสุขภาพ และการกินไขมันปริมาณที่สมควรเป็นสิ่งจำเป็นต่อการสร้างเซลล์ การรักษาความอบอุ่น และให้พลังงานแก่ร่างกาย” ความเชื่อที่

Read More

อย่า! … พูดประโยคนี้กับคนกำลังลดความอ้วน

Column: Well – Being ถ้าพูดถึงบทสนทนาเกี่ยวกับน้ำหนักตัว การออกกำลังกาย และอาหาร ต้องยอมรับว่าเป็นเรื่องละเอียดอ่อน และเสี่ยงต่อความรู้สึกพอๆ กับการหลับตาเดินไต่เชือกที่อันตรายยิ่ง แค่พูดผิดเพียงประโยคเดียว อาจทำให้คุณถึงกับเสียหลักไปสู่ภาวะกระอักกระอ่วนใจและกลายเป็นการดูแคลนคู่สนทนาได้ แม้คำชมเชยที่เต็มไปด้วยความปรารถนาดีที่สุด หรือการตั้งคำถามที่ไม่ถูกกาลเทศะ ก็สามารถทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงอย่างรวดเร็ว เหนืออื่นใด สัมพันธภาพของเรากับสรีระของเราเป็นเรื่องซับซ้อน และผ่านการถักทอด้วยประสบการณ์ทั้งที่ดีและเลวมาแล้วมากมายเป็นเวลานานหลายปี คราวต่อไปถ้าคุณต้องพูดคุยกับใครสักคนที่อยู่ในระหว่างการลดน้ำหนักให้หลีกเลี่ยงคำพูดและคำถามที่จะนำเสนอต่อไปนี้ และทำตามคำแนะนำของนักจิตวิทยาเกี่ยวกับสิ่งที่คุณจะพูดออกไปดังที่นำเสนอโดยนิตยสาร Prevention (1) “แค่กินให้น้อยลงและออกกำลังกายมากขึ้น” “ก่อนอื่นเลย ใครก็ตามที่กำลังพยายามลดน้ำหนักเคยได้ยินประโยคนี้มาแล้ว” ดร.จิม เคลเลอร์ นักจิตวิทยาผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพและจิตวิทยาการลดความอ้วนอธิบาย แม้ว่าคุณจะมีเจตนาดี แต่คุณจำเป็นต้องวางตัวให้ดีอยู่เสมอ ไม่เคยเพียงแค่นั้น ประโยคนี้ดูเหมือนจะเป็นวิธีแก้ปัญหาที่ง่ายเกินไป ซึ่งจริงๆ แล้วสำหรับคนอีกมากมายที่ต้องการลดน้ำหนัก ถือเป็นงานหินอย่างแท้จริง เคลเลอร์เพิ่มเติมว่า “แน่นอน การกินให้ดีและเคลื่อนไหวมากขึ้นล้วนเป็นองค์ประกอบสำคัญของกระบวนการลดน้ำหนัก แต่ผู้ที่ควบคุมอาหารส่วนใหญ่ต่างประสบปัญหาหิวมากขึ้นและระบบเผาผลาญทำงานช้าลง” ควรพูดอย่างไร “ประการแรก ให้ยอมรับความยากของสิ่งที่คนที่คุณรักตั้งเป้าหมายในการลดน้ำหนัก” เคลเลอร์แนะนำ จากนั้นให้กำลังใจพวกเขา บอกพวกเขาว่าคุณภูมิใจในตัวพวกเขาที่ตัดสินใจเริ่มเดินบนเส้นทางนี้ (2) “ยังเหลือน้ำหนักอีกเท่าไรที่เธอต้องลดให้ได้” ดูเหมือนคำถามนี้จะไม่มีพิษสงอะไร เพราะเน้นไปที่ตัวเลขบนตาชั่งเป็นหลัก ซึ่งมักทำให้คนที่คุณรักรู้สึกเหมือนประสบความล้มเหลว “ความสำเร็จในตัวเลขบนตาชั่งไม่เพียงเป็นความสำเร็จของคนที่พยายามลดน้ำหนักใฝ่หา เราจึงไม่ต้องการให้เน้นที่เรื่องนี้เพียงอย่างเดียว” เคลเลอร์อธิบาย ถ้าคุณมีวิถีชีวิตที่แข็งแกร่ง คุณอาจรู้สึกดีขึ้นแม้ตัวเลขบนตาชั่งจะไม่กระดิก อย่างไรก็ตาม ถ้าตัวเลขบนตาชั่งคือบทสรุปสุดท้ายของคุณ คุณจะไม่รู้สึกดีใจกับความสำเร็จด้านอื่นๆ เลย ควรพูดอย่างไร

Read More

อ่านหนังสือก่อนนอนทำเงินได้มากกว่า

Column: Well – Being ถ้ากิจวัตรก่อนเข้านอนของคุณรวมถึงการอ่านหนังสือเล่มโปรดด้วย คุณกำลังทำสิ่งที่ดีเลิศ! คุณคงรู้ดีอยู่แล้วถึงข้อดีของการอ่านหนังสือก่อนนอน ซึ่งไม่เพียงให้ผลเชิงบวก แต่ดูเหมือนจะให้ผลที่น่าทึ่งอย่างไม่คาดคิดด้วย ทั้งนี้เป็นผลการสำรวจเมื่อเร็วๆ นี้โดยเว็บไซต์ Sleep Junkie ซึ่งเปิดเผยการสำรวจกลุ่มตัวอย่าง 10,000 คน เกี่ยวกับพฤติกรรมและนิสัยก่อนเข้านอนว่า พวกเขาอ่านหรือไม่อ่านหนังสือก่อนนอน นิตยสาร Shape รายงานว่า ผู้เข้าร่วมการสำรวจที่มีนิสัยอ่านหนังสือก่อนนอนมีตั้งแต่สัปดาห์ละครั้งถึงทุกคืนโดยแยกแยะได้ดังนี้ ร้อยละ 11 ของผู้ถูกสำรวจอ่านหนังสือก่อนนอนสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง ร้อยละ 12 อ่านสัปดาห์ละ 3-4 ครั้ง ร้อยละ 7 อ่านสัปดาห์ละ 5 หรือ 6 ครั้ง และร้อยละ 8 อ่านทุกคืน ในจำนวนนี้อ่านคราวละ 2- 3 หน้า และเวลาอ่านเฉลี่ยอยู่ที่ 43 นาที ผลที่ได้ไม่โกหกแน่นอน ไม่ว่าพวกเขาจะอ่านหนังสือเพียงเดือนละ 3 ครั้งหรือทุกคืน ผู้ตอบแบบสอบถามทั้งหมดต่างยอมรับว่า พฤติกรรมนี้ทำให้ผ่อนคลาย ช่วยลดความเครียด

Read More

ความโดดเดี่ยว-อันตรายยิ่งกว่าสูบบุหรี่วันละ 15 มวน!

Column: Well – Being ความโดดเดี่ยว เป็นอารมณ์ที่กวี นักเขียนนวนิยาย และนักประพันธ์เพลงล้วนประสบกันมาหลายศตวรรษแล้ว และพยายามถ่ายทอดออกมาในภาษาต่างๆ แต่นักวิจัยบางคนยืนยันว่าความโดดเดี่ยวเป็นอะไรที่มากกว่าความรู้สึก คือเป็นทั้งความหายนะ ความเจ็บป่วย หรือสภาวะที่ต้องได้รับการเยียวยาเหมือนโรคชนิดหนึ่ง และเป็นเหมือนโรคติดต่อที่รุนแรงขั้นถึงแก่ชีวิตได้ ในมุมมองด้านความจริง ผู้ที่ขาดการเชื่อมโยงกับสังคมจัดว่าอยู่ในภาวะอันตรายยิ่งกว่าการสูบบุหรี่ถึงวันละ 15 มวน และเป็นอันตรายต่อชีวิตมากกว่าโรคอ้วน ความรู้สึกอ้างว้างโดดเดี่ยวสามารถตีความเป็นความเจ็บป่วยทางกายได้ โดยเหตุที่มนุษย์เป็นสัตว์สังคม ซึ่งไม่ได้หมายความเพียงว่า เรามีความสุขกับการอยู่ในสังคมเท่านั้น แต่หมายถึงเราจำเป็นต้องอยู่ในสังคมด้วย การแยกตัวจากสังคมทำร้ายมนุษย์ทั้งทางอารมณ์และจิตวิทยา ความเครียดที่เกิดจากความโดดเดี่ยว ทำให้เกิดการสูญเสียทางกายภาพ การเผชิญกับความโดดเดี่ยวเรื้อรัง (นานเกิน 2 สัปดาห์) จะเชื่อมโยงกับโรคความดันโลหิตสูง โรคซึมเศร้า โรคหัวใจ และโรคหลอดเลือดสมองสาเหตุเพราะเกิดภาวะอักเสบสูงขึ้น หากอาการนี้มีมากเกินไป ย่อมมาพร้อมๆ กับโรคเรื้อรัง “ผู้คนพากันคิดว่า ความโดดเดี่ยวสัมพันธ์กับสุขภาวะทางอารมณ์ พวกเขาไม่ได้ตระหนักถึงผลกระทบอย่างลึกซึ้งที่ความโดดเดี่ยวมีผลต่อสุขภาพทางกาย” ศาสตราจารย์จูเลียนน์ ฮอลท์-ลุนสตัด แห่งสถาบันจิตวิทยาบริกแฮมกล่าว ทั้งยังเปิดเผยผลการวิจัยของเธอด้วยว่า คนเหงามีแนวโน้มเสียชีวิตก่อนวัยอันควรเพิ่มขึ้นร้อยละ 26 แต่ถ้าเป็นผู้ไม่มีสังคมหรือมีน้อยมาก ความเสี่ยงจะเพิ่มเป็นร้อยละ 29 และเพิ่มเป็นร้อยละ 32 ในหมู่คนที่อาศัยตามลำพัง “เราจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ทางสังคมให้มากเหมือนกับที่เราใส่ใจในอาหาร

Read More

ฮอร์โมนไม่สมดุล-ตัวการน้ำหนักตัวพุ่ง

Well – Being เคยสงสัยไหมว่า คุณขยันออกกำลังกายเกือบทุกวัน พยายามกินอาหารมีประโยชน์ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ตัวเลขน้ำหนักบนตาชั่งยังกระดิกเพิ่มขึ้นตลอดเวลา? น้ำหนักส่วนเกินบริเวณรอบเอวคุณน่าจะเป็นจุดที่กำจัดได้ยากที่สุด แต่ก่อนที่คุณจะตีโพยตีพายโทษตัวเองว่า ยังออกกำลังกายไม่มากพอ ให้ใจเย็นๆ แล้วคิดถึงปัจจัยต่อไปนี้ เมื่อมีอายุมากขึ้นการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนแม้เพียงเล็กน้อย ก็สามารถเป็นสาเหตุให้ไขมันในช่องท้องตื๊ออยู่กับคุณอย่างเหนียวแน่น ผลการวิจัยระบุว่า ผู้หญิงวัยหมดประจำเดือนที่ได้รับการรักษาด้วยฮอร์โมนทดแทน มีระดับไขมันในช่องท้องต่ำกว่าผู้ไม่ได้ใช้ฮอร์โมนทดแทน แต่ก่อนที่คุณจะเซ้าซี้ให้หมอจ่ายฮอร์โมนทดแทนให้ นิตยสาร Prevention ให้คำแนะนำว่า ยังมีวิธีธรรมชาติที่ช่วยลดระดับไขมันได้ ได้แก่ ลดปริมาณการกินน้ำตาล เลิกกินอาหารแปรรูป หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์นมเนย แอลกอฮอล์ และกาเฟอีน เหล่านี้ล้วนช่วยให้คุณปรับระดับน้ำตาลในเลือดและฮอร์โมนอินซูลินได้ สัญญาณที่คุณจะโทษฮอร์โมนได้ว่าเป็นตัวการของการเพิ่มน้ำหนักตัวไม่หยุดหย่อนมีดังนี้ กินถูกต้อง แต่รอบเอวยังขยายออก ถ้าคุณเป็นคนหน้าท้องแบนราบมาทั้งชีวิต แต่จู่ๆ เจ้าห่วงยางก็ปรากฏขึ้นรอบเอวในชั่วข้ามคืน นั่นอาจเป็นสัญญาณว่าคุณมีปัญหา “พุงหมาน้อย” (hormonal belly-การมีพุงช่วงล่างห้อย แต่พุงด้านบนไม่ป่อง) เข้าแล้ว “เมื่อเราอายุมากขึ้น ร่างกายสามารถเกิดภาวะดื้อต่ออินซูลินมากขึ้น จึงมีการสะสมไขมันแทนการเผาผลาญ” ดร.ซาร่า ก็อตต์ฟรีด ผู้เขียนหนังสือ The Hormone Cure และ The Hormone Reset Diet

Read More