เกมใหม่ “สามารถ” ธุรกิจโต 1,000%

 

การเปลี่ยนผ่านจากยุคอนาล็อกสู่ดิจิตอลกลายเป็นจุดเปลี่ยนผ่านของหลายๆ ธุรกิจ โดยเฉพาะ “สามารถคอร์ปอเรชั่น” ที่ทุ่มกลยุทธ์การตลาดชุดใหญ่ เพื่อรุกตลาดกล่องรับสัญญาณทีวีดิจิตอล หรือ “Set Top Box (STB)” และเสาสัญญาณดิจิตอลทีวี ในฐานะเจ้าตลาดเสาอากาศทีวีคู่สังคมไทยยาวนานเกือบ 60 ปี โดยเฉพาะเกมนี้มีเม็ดเงินให้ช่วงชิงมากกว่า 30,000 ล้านบาทเป็นเดิมพันก้อนใหญ่

 

แม้ดูเหมือนว่า “สามารถคอร์ปอเรชั่น” จะรุกตลาดกล่อง Set Top Box ภายใต้แบรนด์ “SAMART ENGINEERING” ช้ากว่าบริษัทอื่น เพราะในตลาดมีกล่องของคู่แข่งจำนวนมาก เกิดสงครามกล่องแย่งชิงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายทั่วประเทศตั้งแต่ 2 ปีก่อน

 

สมรภูมิล่าสุดยังมีบริษัทที่เข้าร่วมโครงการคูปองทีวีจิตอลมากกว่า 40 เจ้า เป็นรายใหญ่มากกว่า 10 เจ้า อย่างล็อกซเล่ย์ที่จับมือทำโปรโมชั่นกับจีเอ็มเอ็มแซด, กลุ่มแพลนเน็ต คอมมิวนิเคชั่น, ฟอร์ท คอร์ปอเรชั่น, ซิงเกอร์, ทีดับบลิวแซด คอร์ปอเรชั่น และเอ็ม ลิ้งค์ เอเชีย คอร์ปอเรชั่น 

 

แต่วัฒน์ชัย วิไลลักษณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท สามารถคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ยืนยันกับ “ผู้จัดการ360  ํ” ว่า ขณะนี้ถือเป็นช่วงจังหวะโอกาสที่ดีที่สุด และเป็นช่วงจังหวะทำรายได้เป็นกอบเป็นกำมากกว่าเดิมหลายเท่าตัว ระยะเวลาอย่างน้อยอีก 2-3 ปี

 

ทั้งนี้ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) มีการศึกษาผลประโยชน์ด้านเศรษฐกิจของการแจกคูปองดิจิตอลทีวี พบว่า การแจกคูปองดิจิตอลทำให้เกิดผลประโยชน์ทางบวกต่อเศรษฐกิจไทย ทั้งทางตรงและทางอ้อม รวมแล้วเป็นมูลค่าเพิ่มทั้งสิ้นประมาณ 6.3 หมื่นล้านบาท 

 

แบ่งเป็นมูลค่าที่เกิดขึ้นโดยตรงในภาคธุรกิจการค้าการลงทุนอุตสาหกรรมผู้ผลิตและจำหน่ายกล่องแปลงสัญญาณ STB จำนวน 30,000 ล้านบาท และทางอ้อมอีกประมาณ 33,000 ล้านบาท จากมูลค่าเพิ่มรายได้โฆษณา คิดเป็นร้อยละ 0.3 ของรายได้ประชาชาติ 

 

แนวทางการคำนวณพิจารณาจากคูปองที่แจกจ่ายทั้งหมด 22.9 ล้านครัวเรือน ครัวเรือนละ 1 ใบ ใช้เป็นส่วนลดแทนเงินสดได้เท่ากับมูลค่า 690 บาทต่อใบ จะมีเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจอย่างน้อย 15,801 ล้านบาท ทำให้ประชาชนตัดสินใจซื้อกล่อง STB ง่ายขึ้น ยอดขายจะเพิ่มอย่างทวีคูณ โดยราคาเฉลี่ยกล่องมาตรฐานที่วางขายในท้องตลาดอยู่ที่ประมาณ 1,300 บาท หากมีการใช้คูปองแลกกล่องครบทุกใบจะทำให้มีการแลกซื้อจริงอยู่ที่ 22.9 ล้านใบ เกิดมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจภาคการค้าการลงทุนจากรายได้จำหน่ายกล่อง Set Top Box ประมาณ 29,770 ล้านบาท 

 

แน่นอนว่า “สามารถวิศวกรรม” ในฐานะบริษัทผู้ผลิตและจัดจำหน่ายกล่อง “Set Top Box” ในเครือสามารถคอร์ปอเรชั่นจะต้องรักษาฐานตลาดหลังผ่านช่วงกอบโกยด้วยกลยุทธ์ต่างๆ โดยเฉพาะนวัตกรรมด้านเทคโนโลยี เนื่องจากเปรียบเทียบกับคู่แข่งทุกเจ้า วัฒน์ชัยเชื่อมั่น “จุดแข็ง” และ “จุดขาย” ข้อสำคัญ ชื่อเสียงและประสบการณ์การผลิตอุปกรณ์รับ-ส่งสัญญาณทีวี ที่ไม่มีใครเอาชนะได้ 

 

ปัจจุบัน “สามารถเอ็นจิเนียริ่ง” มีส่วนแบ่งทางการตลาดในการจำหน่ายกล่อง Set Top Box ประมาณ 20-30% ส่วนเสารับสัญญาณดิจิตอลทีวีมีส่วนแบ่งการตลาด 50% โดยตั้งเป้ายอดขายกล่อง Set Top Box จำนวน 2.5 ล้านกล่อง ในปีหน้า แบ่งเป็นการแลกคูปอง 2 ล้านกล่อง และจากการขายโดยไม่ใช้คูปองอีก 400,000-500,000 กล่อง เพิ่มขึ้นจากปีนี้ที่คาดว่าจะมียอดขายที่ 2 ล้านกล่อง มูลค่า 2,000 ล้านบาท 

 

ขณะเดียวกัน ยังต่อยอดไปยังกลุ่มสินค้าเสาอากาศรับสัญญาณดิจิตอลทีวีที่รองรับทั้งกลุ่มลูกค้าใหม่และกลุ่มลูกค้าที่มีกล่องรับสัญญาณดิจิตอลทีวีแล้ว เนื่องจากระบบสัญญาณภาพ High Definition หรือ HD ต้องอาศัยเสาอากาศเป็นอุปกรณ์เชื่อมต่อ รวมถึงการทำโปรโมชั่นร่วมกับบริษัท สามารถ ไอ-โมบาย แจกส่วนลดอีก 690 บาท สำหรับซื้อมือถือไอ-โมบาย รุ่นที่มีเสาอากาศเชื่อมต่อสัญญาณทีวี โดยไม่ต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต เพื่อปลุกยอดขายมือถือไอ-โมบายอีกด้านหนึ่งด้วย 

 

นอกจากนี้ หากเทียบกับคู่แข่งที่ทุกรายอาศัยร้านจำหน่ายอุปกรณ์จานดาวเทียมและกล่อง หรือช่องทางจำหน่ายผ่านโมเดิร์นเทรดเพียงอย่างเดียว ไม่ว่าจะเป็นร้านเซเว่น-อีเลฟเว่น เทสโก้โลตัส โฮมโปร ซึ่งที่ผ่านมาเกิดช่องโหว่ในแง่การให้บริการหลังการขาย การปรึกษาปัญหาทางเทคนิคต่างๆ รวมถึงกล่องเสียหาย ไม่ได้คุณภาพ แม้มีบริการคอลเซ็นเตอร์ แต่เกิดข้อร้องเรียนการบริการมาตลอด เนื่องจากผู้ใช้บริการมีจำนวนมาก เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นกับผู้จำหน่ายกล่อง STB ทุกเจ้า

 

วัฒน์ชัยตัดสินใจทุ่มงบก้อนหนึ่งจัดหน่วยบริการโมบายยูนิตที่เรียกว่า “คาราวานคืนความสุข” ออกเดินสายแนะนำสินค้าและแลกคูปองถึงบ้าน โดยมีกล่องรับสัญญาณดิจิตอลให้เลือกแลกทันที 3 รุ่น ได้แก่ รุ่น Strong POP 1, Strong White, Strong Black และเสาอากาศดิจิตอลทีวีอีก 7 รุ่น โดยแยกการรับสัญญาณตามลักษณะพื้นที่หรือที่อยู่อาศัย ได้แก่ อาคารสูงหรือคอนโดมิเนียม บ้านเดี่ยว และบ้านเดี่ยวที่อยู่ในพื้นที่ชานเมือง เนื่องจากคู่แข่งหลายเจ้าใช้กลยุทธ์แถมเสาพร้อมกล่อง แต่มักเกิดปัญหาเสารับสัญญาณไม่ได้จากข้อจำกัดต่างๆ โดยเฉพาะพื้นที่ที่อยู่อาศัยห่างไกล นอกจากนี้ ยังมีศูนย์บริการหลังการขายอีกกว่า 500 แห่งทั่วประเทศ 

 

“เราไม่ได้เพิ่งลุยตลาดกล่องรับสัญญาณหรือเสาอากาศ ซึ่งมีส่วนแบ่งมากกว่า 50% แต่ไปทำก่อนหน้านี้ก็ไม่มีประโยชน์มากมาย ธุรกิจนี้เป็นธุรกิจบุกเบิกของสามารถ ทำให้ลูกค้ารู้จักแบรนด์สามารถและถ้าเปรียบเทียบกับทุกกลุ่มธุรกิจในเครือ ธุรกิจกล่องรับสัญญาณดิจิตอลทีวีกลายเป็นกลุ่มธุรกิจที่มีอัตราเติบโตสูงสุด ส่วนต่างกำไรดีกว่า แม้มูลค่ายอดขายไม่มากเท่าขายคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่ง แต่ส่วนต่างกำไรดีกว่าหลายเท่า” วัฒน์ชัยกล่าว

 

ดังนั้น หากดูข้อมูลเมื่อปี 2556 สามารถคอร์ปอเรชั่นสามารถสร้างรายได้รวมมากกว่า 30,000 ล้านบาท 

 

แม้ปี 2557 วัฒน์ชัยคาดการณ์รายได้รวมทั้งปีอาจต่ำกว่าเป้าที่ตั้งไว้ที่ 30,000 ล้านบาท เนื่องจากธุรกิจกลุ่มมือถือมียอดขายลดลง แต่น่าจะดีขึ้นในช่วงโค้งสุดท้ายของปีจากความต้องการใช้มือถือที่เป็นทีวีดิจิตอลมากขึ้น ซึ่งกลุ่มสามารถถือเป็นผู้ผลิตเจ้าแรกและเจ้าเดียวที่ออกสินค้ามือถือที่สามารถดูทีวีได้ โดยไม่ต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต เป็นความภูมิใจที่เขาพูดเสมอเมื่อพบปะกับสื่อ

 

ประการสำคัญ ธุรกิจอนาคตใหม่อย่าง Set Top Box และเสาอากาศ กำลังโดดขึ้นมาเป็น “ดาวรุ่ง” จากรายได้ปีก่อนๆ หลักไม่กี่ร้อยล้าน พุ่งพรวดเป็นมากกว่า 2,400 ล้านบาท อัตราเติบโตสูงถึง 1,000% 

 

เป็นยุค “SAMART Strong” อย่างที่วัฒน์ชัยหมายมั่นไว้อย่างแท้จริง