หากถามว่าใครเป็นนักธุรกิจที่มีอิทธิพลทางความคิดต่อสังคมไทยมากที่สุด เชื่อว่าหนึ่งในนั้นจะต้องมีชื่อของธนินท์ เจียรวนนท์ เป็นหนึ่งในชื่อต้นๆ ที่ทุกคนนึกถึง เพราะเขาเป็นผู้ที่ผลิตสร้างวาทกรรมว่าด้วยยุทธศาสตร์ประเทศไทยมากที่สุดคนหนึ่ง
เมื่อไม่นานมานี้ เขาได้กล่าวถึงยุทธศาสตร์ประเทศไทยใน การรับมือกับเศรษฐกิจโลกใหม่ว่า ภาคการเกษตรยังถือเป็นภาคเศรษฐกิจสำคัญ เพราะมูลค่าส่งออกสินค้าเกษตร รวมเกษตรอุตสาหกรรมและผลิตภัณฑ์ยางสามารถสร้างรายได้เข้าประเทศเป็นอันดับหนึ่ง ปีละ 1.67 ล้านล้านบาท และภาคเกษตรของไทย จะมีบทบาทมากกว่านี้ถ้ารัฐบาลให้ความสนใจและมีนโยบายที่ถูกต้อง เพราะไม่ว่าจะเกิดวิกฤติอย่างไร คนทั่วโลกก็ยังต้องบริโภค อาหารภาคเกษตรจึงเต็มไปด้วยโอกาส รองลงมาเป็นเรื่องของการท่องเที่ยว และอุตสาหกรรมยานยนต์
“หากรัฐบาลมีนโยบายดูแลธุรกิจจิ๋ว เล็ก กลางที่ชัดเจน ก็จะทำให้ธุรกิจเหล่านี้ก้าวไปได้ไกลพัฒนาเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ต่อไปในอนาคต เป็นพลังสำคัญที่จะช่วยขับเคลื่อนประเทศไทย”
ยางพาราเป็นตัวอย่างหนึ่งที่น่าสนใจ เพราะเป็นสินค้าส่งออกอันดับหนึ่งของประเทศไทย สร้างรายได้เข้าประเทศปีละ 650,000 ล้านบาท เชื่อว่าในอีก 20 ปีข้างหน้า ไม่มีอะไรมาทดแทน ยางได้ เพราะถ้าน้ำมันยิ่งแพง ยางเทียมก็จะแพงไปด้วย หากรัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมซึ่งไม่ใช่แค่ปลูกยางพาราอย่างเดียว แต่ส่งเสริมให้คนอยู่ในท้องถิ่นทำยางแท่ง แปรสภาพยางเป็นยางสำเร็จรูป เพิ่มมูลค่าแล้วชวนชาวต่างชาติเข้ามาลงทุนลดภาษีเงินได้ให้เท่ากับฮ่องกง สิงคโปร์ ใครๆ ก็อยากเข้ามาลงทุนในเมืองไทย
“ที่สำคัญเมืองไทยยังมีแรงงาน โดยเฉพาะภาคอีสาน ถ้าส่งเสริมให้มีการปลูกยางพารามากๆ อีสานจะเป็นสีเขียว ฝนจะชุกมาก ช่วยสร้างงาน สร้างรายได้ ทำให้คนอีสานอยู่ในท้องถิ่นมากขึ้นไม่ต้องไปทำงานต่างประเทศ”
อ้อยก็เป็นอีกธุรกิจที่ไทยส่งออกนอกเป็นที่สองของโลก แต่การผลิตเป็นที่สี่ของโลก ที่หนึ่งคือบราซิล ที่สองจีน ที่สามอินเดีย ที่สี่เมืองไทย แต่ถ้าส่งออกนอกไทยเป็นที่สอง บราซิลเป็นที่หนึ่ง ตรงนี้ถ้ามีพื้นที่อีก 33 ล้านไร่ ก็เหมาะสำหรับการปลูกอ้อย มัน ยางพารา ปาล์ม
อ้อยผลิตเป็นเอทานอลต้นทุนต่ำสุด มูลค่าการนำเข้าน้ำมัน ดิบของไทย 1.33 ล้านล้านบาท หากส่งเสริมทำเอทานอลทดแทน การนำเข้าน้ำมันดิบ 30% จะสามารถประหยัดเงินได้ 266,000 ล้านบาท
ส่วนปาล์มสามารถทดแทนน้ำมันดีเซลและทำน้ำมันปาล์ม เพื่อบริโภค และมัน ปัจจุบันผลผลิตได้เพียง 4-5 ตันต่อไร่ สามารถเพิ่มผลผลิตได้ 10 ตันต่อไร่ การพัฒนาเกษตรให้ก้าวหน้าสำคัญอยู่ที่ระบบชลประทาน ปัจจุบันพื้นที่ชลประทานมีอยู่ 24 ล้านไร่แต่ยังไม่สมบูรณ์ ถ้าจะสมบูรณ์ยอดเยี่ยมต้องลงทุนอีก 2 ล้านล้าน บาท เพื่อเพิ่มผลผลิตการปลูกข้าวในพื้นที่เกษตรกรรม 24 ล้านไร่ ให้ได้เท่ากับ 57 ล้านไร่ ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยมีพื้นที่เหลือจากการทำนาอีก 33 ล้านไร่ ที่จะไปปลูกสินค้าอย่างอื่น เช่น ยางพารา อ้อย มันสำปะหลัง
“ประเทศไทยอุดมด้วยดิน ฟ้า อากาศ น้ำ หากจัดการระบบชลประทานให้ดี นอกจากน้ำจะไม่ท่วมแล้วยังสามารถผลิตข้าวได้ถึง 3 รอบ คุณภาพข้าวสูงขึ้น เป็นโอกาสของประเทศไทยที่ประเทศอื่นไม่มี”
ส่วนในเรื่องการท่องเที่ยว อเมริกามีรายได้จากการท่องเที่ยว เข้าประเทศ 3.6 ล้านล้านบาทต่อปีเป็นที่หนึ่งของโลก รองลงมาเป็นสเปน 1.85 ล้านล้านบาท ฝรั่งเศส 1.66 ล้านล้านบาท ไทยเมื่อหลายปีก่อนมีรายได้จากการท่องเที่ยว 450,000 ล้านบาท ขณะนี้เพิ่มเป็น 776,000 ล้านบาท จำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศ เข้าประเทศฝรั่งเศสอันดับหนึ่ง 79.5 ล้านคน เข้าเมืองปารีสเป็นอันดับหนึ่ง 15.6 ล้านคน ส่วนประเทศไทย 19.23 ล้านคน กรุงเทพฯ เป็นอันดับสิบ 7.2 ล้านคน
ที่น่าสนใจเวลานี้มีตัวเลขนักท่องเที่ยวจากประเทศจีนไปเที่ยวยุโรป ซื้อสินค้าแบรนด์เนมถึง 62 เปอร์เซ็นต์ของทวีปยุโรปทั้งหมด ฉะนั้นตรงนี้เป็นโอกาส จึงอยากให้รัฐบาลส่งเสริมให้นักท่องเที่ยวมาซื้อของในประเทศไทย ไม่ใช่มาเที่ยวอย่างเดียว สนับสนุนสินค้ายี่ห้อแพงๆ เข้ามาขายให้กับนักท่องเที่ยวทั่วโลก โดยไม่เสียภาษีนำเข้าภาษีมูลค่าเพิ่ม
เรื่องบ่อนกาสิโนก็เช่นเดียวกันเป็นอีกธุรกิจที่ดึงดูดคน จากทั่วโลกให้ไปท่องเที่ยว สามารถสร้างรายได้ในอัตราที่สูงเข้าประเทศ ดังจะเห็นได้จากมาเก๊าที่ปัจจุบันมีรายได้จากกาสิโนเป็นอันดับหนึ่ง 879,749 ล้านบาทต่อปี ทั้งๆ ที่มีพื้นที่ เป็นเกาะเล็กนิดเดียว ในขณะที่ลาสเวกัสมีรายได้จากกาสิโน 319,300 ล้านบาทต่อปี สิงคโปร์เพิ่งเปิดกาสิโนได้ไม่นานรายได้ ขึ้นมาเป็นอันดับสามแล้ว 169,849 ล้านบาท ถ้าเมืองไทยเปิด รายได้เป็นอันดับหนึ่งแน่
ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นกับประเทศเหล่านี้กลายเป็นว่า การท่องเที่ยวสำคัญกว่ากาสิโน ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ ลาสเวกัส เวลานี้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ทุกคนให้ความสนใจ มีโรงแรมเป็นร้อยแห่ง ถ้าเป็นมวยโลกก็ต้องมาชกกันที่ลาสเวกัส หรือใครมีอะไรโชว์ระดับโลกก็ต้องไปโชว์ที่ลาสเวกัส
“เรื่องการท่องเที่ยว ถ้าประเทศไทยทำให้ดีก็สามารถขึ้นมาเป็นอันดับหนึ่งได้ ยิ่งถ้ามีกาสิโนด้วย ยิ่งทำให้การท่องเที่ยวเป็นอุตสาหกรรมที่สร้างรายได้ให้กับประเทศมหาศาล เพราะมีตัวอย่างที่ทำสำเร็จแล้ว”
สำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ ไทยส่งออกรถยนต์มูลค่า 511,483 ล้านบาท รวมๆ แล้ววันนี้ประเทศไทยอาจจะเป็นที่หนึ่ง หากรวมชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่ส่งออกไปต่างประเทศเข้าไป เมื่อประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนเปิดยิ่งเป็นโอกาส เฉพาะจีนประชากร 1,400 ล้านคน แค่ 10 เปอร์เซ็นต์ที่รวยเท่ากับคนญี่ปุ่น ก็ 140 ล้านคน กำลังซื้อของประเทศจีนก็เท่ากับประเทศญี่ปุ่น ตรงนี้ต้องมาศึกษาว่าจีนต้องการซื้ออะไร ญี่ปุ่นต้องการอะไรก็สนับสนุนส่งเสริมให้ผลิตไปขาย
ประเทศไทยต้องส่งเสริมทรัพยากรที่มีอยู่ ไม่ว่าจะเป็นยาง ข้าว มัน อ้อย ให้เพิ่มผลผลิต เพิ่มประสิทธิภาพ เพิ่มมูลค่าในการส่งออกโดยกำหนดเป้าหมายให้ชัดเจน สินค้าเกษตรจะทำรายได้มหาศาล ทำให้ประเทศเข้มแข็ง ยกตัวอย่าง ส่งเสริมให้มีการผลิตยางรถยนต์ในประเทศไทยแล้วส่งไปขายทั่วโลกแทนที่จะส่งวัตถุดิบไปขายในต่างประเทศเพียงอย่างเดียว ถ้าวันนี้รัฐบาลวางแผนให้ดี อุตสาหกรรมยานยนต์อาจจะเป็นที่สองในภูมิภาคก็ได้ เพราะขณะนี้ที่หนึ่งเป็นจีน
มาถึงเรื่องสองสูง วันนี้มีความสำคัญกับระบบเศรษฐกิจของประเทศไทยมาก เพราะเราสองต่ำ
ในอดีตเมื่อ 47 ปีที่แล้ว น้ำมันเบนซินลิตรละ 1.70 บาท 1.80 บาท วันนี้ขึ้นมา 40 กว่าบาท ค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำเมื่อ 47 ปีที่แล้วอยู่ที่ 20 บาท ทุกคนมีความสุขมากกว่า 300 บาทในวันนี้ เพราะน้ำมันขึ้นมา 25 เท่า ที่ดินขึ้นมา 100 เท่า ทองคำขึ้น มา 50 กว่าเท่า แต่กลับห่วงค่าแรงงานของไทยจะสูงเกินไป ต่างประเทศจะไม่มาลงทุน ประเทศไทยต้องก้าวไปอีกขั้น
ธุรกิจที่ลงทุนด้วยแรงงานราคาถูกยุคนี้ถือเป็นธุรกิจพระอาทิตย์ตกอยู่ได้ไม่นาน ประเทศไทยต้องแสวงหาธุรกิจพระอาทิตย์กำลังขึ้น การที่ซี.พี.ไปลงทุนใน 14 ประเทศ เรื่องเกษตร เรื่องเลี้ยงไก่ เรื่องแปรสภาพ เรื่องสุกร เพราะใช้ไฮเทคเรียนรู้ประวัติศาสตร์ วันนี้อเมริกาเจอปัญหาอะไร อีก 10 ปี หรือ 15 ปีข้างหน้า ประเทศไทยก็จะเจอปัญหานั้น
“ความสำเร็จของผมดูประวัติศาสตร์ ดูว่าอเมริกาเขาเจริญ เติบโตด้วยเลี้ยงไก่ได้อย่างไร แล้ววันนี้ของอเมริกาคือวันข้างหน้าของเรา สมมุติว่าอเมริกาเจอเรื่องไก่ล้นตลาด เสียหายอย่างไร แล้วเปลี่ยนแปลงอย่างไร ฉะนั้นเรารู้แล้วอีก 10 ปี 15 ปีข้างหน้าจะเป็นอย่างนี้ ทำไมวันนี้ไม่เตรียมพร้อม จะได้ไม่ต้องเสียหาย ไม่ต้องเดินทางอ้อม ไม่ต้องเสียเวลา”
หลังจากสองสูงแล้วรายได้เท่าน้ำมันแล้ว มาถึงสูงที่สาม ประสิทธิภาพต้องสูง อย่าง ซี.พี.การปรับค่าแรงขึ้น 300 บาท ในช่วงที่ผ่านมา ทั้งเครือ ซี.พี.มีค่าใช้จ่ายเรื่องค่าจ้างเพิ่มขึ้นปีละ 1,000 ล้านบาท แต่สิ่งที่ได้คือประสิทธิภาพ คุณภาพมากเพิ่มขึ้น ผลผลิตเพิ่มขึ้น 30 เปอร์เซ็นต์ ดังนั้น 300 บาทที่เพิ่มขึ้นวันนี้ได้คืนแล้ว
อีกประการหนึ่งที่สำคัญ เมื่อพูดถึงสามสูงแล้วต้องอีกหนึ่ง ต่ำ จัดสวัสดิการให้เหมาะสมไม่สูงเกินไป ดูกรีซ ยุโรป เป็นตัวอย่างของทุนนิยมที่วิ่งไปสู่สังคมนิยม จัดสวัสดิการดีเกินไป รับเงินสวัสดิการไม่ทำงานจึงเกิดปัญหาเช่นปัจจุบัน
เป็นมิติมุมมองในเชิงยุทธศาสตร์ที่งอกเงยจาก 2 สูงมาสู่ 3 สูง 1 ต่ำจากนักธุรกิจชั้นนำของไทยที่ศึกษาประวัติศาสตร์ทุนนิยมมาอย่างชัดเจนและน่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว