วันพฤหัสบดี, พฤศจิกายน 21, 2024
Home > Cover Story > ชีวิตสำเร็จรูป ตลาดเส้นแข่งเดือด

ชีวิตสำเร็จรูป ตลาดเส้นแข่งเดือด

           
“ถ้าเศรษฐกิจไม่ดี คนจะหันมาทานบะหมี่เพิ่มขึ้น” เป็นคำกล่าวที่สะท้อนให้เห็นว่าบะหมี่สำเร็จรูปสามารถเป็นตัวชี้วัดภาพรวมภาวะเศรษฐกิจของประเทศได้ จากสินค้าหาซื้อง่าย กินง่าย  มีให้เลือกหลายรสชาติ สะดวกในการกิน และที่สำคัญ ราคาถูก จึงทำให้ตลาดบะหมี่สำเร็จรูปเติบโตอย่างต่อเนื่อง
 
แต่กระนั้น ในปีนี้มีการคาดว่าตลาดบะหมี่สำเร็จรูปจะเติบโตในภาพรวมได้เพียง 5% ซึ่งถือเป็นอัตราการเติบโตที่ต่ำสุดในรอบ 5 ปี จากปกติจะเติบโตในอัตราไม่ต่ำกว่า 10% ในขณะที่คนไทยกินบะหมี่โดยมีอัตราเฉลี่ยการบริโภคอยู่ที่ 45 ซองต่อคนต่อปี
 
ในขณะที่การเปิดเผยข้อมูลของสมาคมบะหมี่สำเร็จรูปโลกในญี่ปุ่นได้ระบุว่า จีนถือเป็นประเทศที่มีคนกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมากที่สุด ตามมาด้วยอินโดนีเซีย อันดับ 2 และญี่ปุ่น อันดับ 3 ในขณะที่ไทยอยู่ในอันดับ 8
 
และเมื่อเทียบกันเฉพาะประเทศในกลุ่มอาเซียน จะเห็นว่าอินโดนีเซียนำมาเป็นอันดับหนึ่งเมื่อปีที่แล้ว ในฐานะชาติที่บริโภคบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมากสุดในอาเซียน ตามมาด้วยเวียดนาม ไทย ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย พม่า กัมพูชา และสิงคโปร์         
 
ผลสำรวจนี้จึงสะท้อนให้เห็นว่า บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปกลายเป็นอาหารที่คนทั่วโลกขาดไม่ได้ไปแล้ว และคาดว่ายอดขายจะพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา
            
ในขณะที่ตลาดในไทย แม้การเติบโตจะลดต่ำลง เนื่องจากตลาดอิ่มตัว อัตราการเติบโตลดลง ทุกแบรนด์จึงต้องงัดกลยุทธ์ทางการตลาด เพื่อเพิ่มเป้าหมายและยอดขายของตนเองให้เติบโต ในขณะที่เจ้าตลาด ผู้ครองส่วนแบ่งการตลาดเกือบครึ่งอย่างมาม่า ได้ตั้งเป้าการเติบโตในปีนี้ ไว้ที่ 5% และด้วยกระแสการเติบโตของมาม่าคัพ ที่มีแนวโน้มขยายตัวมากขึ้น ปีนี้บริษัทยังเดินหน้าขยายการลงทุนอย่างต่อเนื่องตามแผนงานเดิม โดยใช้งบ 400 ล้านบาทลงทุนในส่วนของโรงงานและเครื่องจักรเพื่อเพิ่มไลน์การผลิตมาม่า 30% 
 
พร้อมเน้นตลาดบะหมี่ถ้วย ชูนวัตกรรมฝา 2 ชั้น โดยล่าสุดบริษัทเปิดตัวบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแบบคัพ ในตระกูลเอ็กซ์ตรีมซีรีส์ ออกวางจำหน่าย 3 รสชาติ ได้แก่ รสซีฟู้ดผัดขี้เมาแห้ง ต้มยำกุ้งเอ็กซ์ตรีม และสไปซี่ชีส โดยมีกลุ่มเป้าหมายเป็นคนรุ่นใหม่ ที่ชอบทดลองของแปลกใหม่ ด้านกลยุทธ์การทำตลาด บริษัทเตรียมใช้งบประมาณกว่า 30 ล้านบาท ในการทำโฆษณาและประชาสัมพันธ์ รวมทั้งเพิ่มพื้นที่ในการแสดงสินค้าผ่านช่องทางการจัดจำหน่ายในห้างสรรพสินค้าชั้นนำ และจัดโปรโมชันเพื่อให้เกิดการทดลองชิม บริษัทตั้งเป้าที่จะมียอดขายภายในปีนี้ราว 200 ล้านบาท
 
สำหรับภาพรวมตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแบบคัพในปีนี้ ตั้งแต่เดือนมกราคม-มิถุนายน 2557 มีมูลค่าตลาดรวมประมาณ 1.8 พันล้านบาท มีการเติบโต 9% โดยมาม่าคัพเป็นผู้นำตลาด ด้วยส่วนแบ่ง 55% หรือมีมูลค่า 990 ล้านบาท และคาดว่าจนถึงสิ้นปีนี้ มาม่าคัพจะมีการเติบโต 12%   
 
ในขณะเดียวกัน มาม่าวางเป้าหมายของบริษัทจะผลักดันรายได้ให้ถึง 20,000 ล้านบาท ภายใน 10 ปีข้างหน้า เป้าหมายสูงสุด คือการบุกตลาดโลก หลังจากที่ผลักดันการเป็นผู้นำตลาดบะหมี่สำเร็จรูปภายในประเทศ ก้าวต่อมาคือการขยายธุรกิจเข้าอาเซียน ทั้งในประเทศกัมพูชา พม่า บังกลาเทศ และในอีก 3 ปี ก็จะขยายธุรกิจตลาดต่างประเทศ จะใช้งบลงทุน 500 ล้านบาท เพื่อสร้างโรงงานที่ประเทศแถบแอฟริกาและซาอุดีอาระเบีย ซึ่งการขยายธุรกิจ ดังกล่าวก็เพื่อผลักดันให้สัดส่วนรายได้ปรับเพิ่มสัดส่วนรายได้การขายนอกประเทศและในประเทศเป็น 50:50 
 
ในขณะที่เบอร์ 2 ที่ครองส่วนแบ่งตลาดที่ 25% ยำยำจัมโบ้ ที่ปีนี้เปิดแคมเปญใหญ่แห่งปี พร้อมทุ่มงบ 100 ล้านบาท โดยรีเฟรชแบรนด์ ปรับโลโก้ใหม่ และเพิ่มรอยยิ้มบนซอง พร้อมแคมเปญ ภายใต้ชื่อ ยำยำจัมโบ้ เพิ่มความอร่อย ให้สุขคำโต   
 
โดยยำยำคาดหวังว่าการเปิดแคมเปญยิ่งใหญ่นี้ จะทำให้ส่วนแบ่งการตลาดของยำยำเพิ่มขึ้น และคาดว่า ยอดขายจะเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 10% ในส่วนการรุกตลาดต่างประเทศนั้น นอกจากตลาดจีน แล้วการก้าวสู่ประเทศตลาดอียู ก็เป็นเป้าหมายต่อไป
 
ขณะที่ค่ายไวไวที่ใช้กลยุทธ์การแตกซับแบรนด์ “ควิก” ออกมาเพื่อสร้างความชัดเจนในการเข้ามาเปิดศึกในตลาดรสต้มยำ และจากจุดเด่นที่รูปแบบการทำตลาด ควิก เน้นรสชาติจัดจ้าน ความสะดวกในการรับประทานที่ตรงกับไลฟ์สไตล์ รวมทั้งการสื่อสารการตลาดและแพ็กเกจจิ้งของสินค้า ที่มุ่งตรงไปถึงส่วนแบ่งในตลาดรสต้มยำ
 
และล่าสุด น้องใหม่ของวงการบะหมี่ แบรนด์ญี่ปุ่นนิสชินที่หวังปั้นแบรนด์โกอินเตอร์ ด้วยการเซ็นสัญญาเป็นพันธมิตรกับสโมสรฟุตบอลระดับโลกอย่าง “แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด” เป็นเวลา 3 ปี โดยแผนการตลาดของนิสชินในประเทศไทยปีนี้ ได้เน้นกลยุทธ์สปอร์ตมาร์เก็ตติ้ง ภายใต้สโลแกน “HUNGRY TO WIN” ซึ่งเบื้องต้นได้ทำการปรับโฉมบรรจุภัณฑ์ใหม่ โดยนำรูปของนักเตะทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มาอยู่บนผลิตภัณฑ์บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปของนิสชินทั้งแบบซองและแบบถ้วย เพื่อเอาใจผู้บริโภคชาวไทย อีกทั้งยังมีแผนที่จะโฆษณาและประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่างๆ ทุกช่องทาง รวมถึงจัดกิจกรรมทางการตลาด กิจกรรมประเทศไทยเพิ่มขึ้นเป็น 10% ภายใน 3 ปี
 
นอกจากนี้ นิสชินยังเปิดตัวสินค้าใหม่ในกลุ่มนิสชิน ชิลลี นูดเดิล รสชาติ “สไปซี่ต้มยำกุ้ง” และ “รสผัดกะเพราแห้ง” แบบซอง ราคา 6 บาท ในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งเน้นจุดเด่นในการเป็นบะหมี่เส้นกลม มีพริกในเส้น จึงเพิ่มรสชาติความเผ็ด จัดจ้าน อร่อยเข้มข้นมากยิ่งขึ้น โดยเชื่อมั่นว่าจะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมาย
 
ในขณะที่การใช้พรีเซนเตอร์ดาราดัง ก็เป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่เหล่าบรรดาค่ายผู้ประกอบการ พร้อมที่จะทุ่มงบในการใช้ดาราดังมาเรียกกระแสและดึงดูดลูกค้า และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายให้ได้มากที่สุด ล่าสุด ค่ายยำยำ นำ 3 ซูเปอร์สตาร์ ณเดชน์ ญาญ่า และหมากปริญ มาเป็นพรีเซนเตอร์ ในการปรับโลโก้และเพ็กเกจใหม่ของยำยำจัมโบ้ ในขณะที่มาม่าเคยใช้นักมวยดัง บัวขาว มาเป็นพรีเซนเตอร์ ในสโลแกน “มาม่าหมูสับหอมเตะจมูก” ในขณะแบรนด์ ควิกแซบ ใช้วง แทททู คัลเลอร์ ในขณะที่ ไวไว ให้ แพนเค้ก เขมนิจ และแดน วรเวช เป็นพรีเซนเตอร์ส่วนน้องใหม่ที่เริ่มกลับมาทำตลาดอย่างแบรนด์นิสชิน ใช้ “มาริโอ้ เมาเร่อ” เป็นพรีเซนเตอร์ เช่นกัน 
 
ตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ตลาดที่มีการแข่งขันกันอย่างดุเดือด ที่แต่ละค่ายต่างหากลยุทธ์มากระตุ้นยอดขาย สินค้าของตน ไม่ว่าจะเป็นด้านการพัฒนารสชาติใหม่ๆ ให้โดนใจนักชิม  หรือบรรจุภัณฑ์ที่แปลกสะดุดตา ในขณะที่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปยังเป็นสินค้าที่เข้าถึงได้ทุกครัวเรือน ทุกกลุ่มเป้าหมาย และเป็นผลิตภัณฑ์ที่สามารถตอบสนองความอิ่ม ทั้งคนที่มีเงินน้อยหรือคนที่มีเวลาน้อย
            
จึงเป็นโจทย์ท้าทายให้ผู้ประกอบการได้คิดค้นหากลยุทธ์ หรือการออกแคมเปญต่างๆ เพื่อกระตุ้นลูกค้าอยู่ตลอดเวลา 
           
บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปจึงเป็นอีกหนึ่งสินค้ายอดนิยมของคนไทย ที่ดูเหมือนไม่สำคัญ ไม่ใช่ทางเลือก แต่กระนั้นก็เป็นสินค้าที่ต้องมีอยู่ติดครัวทุกบ้านทีเดียว 
 
Relate Story