น้ำผึ้งรักษาสิว
ตัวยารักษาสิวได้อย่างชะงัดอยู่ในครัว ใกล้มือคุณนี่เอง
เพราะมีรายงานว่า น้ำผึ้งโดยเฉพาะน้ำผึ้งมานูก้าที่ได้จากดอกมานูก้า และขึ้นชื่อของประเทศนิวซีแลนด์ สามารถกำจัดแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของสิวได้โดยไม่ทำให้ผิวแห้งด้วย นอกจากนี้ ในน้ำผึ้งยังมีน้ำตาลซึ่งแท้ที่จริงแล้ว ทำหน้าที่ดึงความชุ่มชื้นกลับคืนสู่ผิวหนังด้วยซ้ำ นั่นหมายความว่า น้ำผึ้งเป็นมอยเจอไรเชอร์จากธรรมชาติที่ดีเยี่ยม
หากคุณมีเม็ดสิวบนใบหน้า ก่อนนอนให้ลองใช้น้ำผึ้งแต้มตรงเม็ดสิว แล้วทิ้งไว้ค้างคืนดูสิ
**********************************************************************************
เสียเหงื่อเพื่อความสวย
เป็นที่รู้กันว่า การออกกำลังกายทำให้คุณรักษารูปร่างให้ดูดีอยู่เสมอได้ แต่มีรายงานหลายชิ้นระบุว่า มันส่งผลดีต่อผิวหนังด้วย
มหาวิทยาลัยแม็คมาสเตอร์เปิดเผยผลการศึกษาว่า หนูทดลองที่ปล่อยให้อยู่นิ่งๆ กลายเป็นหนูอ่อนแอ ขี้โรค ขนกลายเป็นสีเทา และหลุดร่วงจนหมด แต่หนูที่ออกกำลังกายอยู่เสมอกลับมีสมอง หัวใจ และอวัยวะส่วนอื่นๆ แข็งแรง รวมทั้งมีขนปกคลุมร่างกายยาวนานกว่าหนูที่อยู่นิ่งๆ และไม่เปลี่ยนเป็นสีเทาด้วย
นักวิจัยจึงต้องการพิสูจน์ว่า ข้อเท็จจริงนี้เกิดขึ้นกับมนุษย์ด้วยหรือไม่ จึงให้อาสาสมัครกลุ่มที่มีอายุเกิน 65 ปี และไม่มีกิจกรรมอะไรนอกจากนั่งๆ นอนๆ ให้เริ่มออกกำลังกาย คือวิ่งและปั่นจักรยานในระดับปานกลางสัปดาห์ละ 2 ครั้ง หลังจากนั้น 3 เดือน นำตัวอย่างผิวหนังของพวกเขามาเปรียบเทียบกับช่วงก่อนออกกำลังกาย
ผลคือ ชั้นของผิวหนังทั้งด้านในและด้านนอกเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด คือมีลักษณะคล้ายผิวหนังของคนอายุระหว่าง 20–40 ปี
Dr. Mark Tarnopolsky ผู้รับผิดชอบการศึกษาครั้งนี้สรุปว่า ผิวหนังของกลุ่มอาสาสมัคร “แลดูคล้ายคลึงกับของผู้ที่อ่อนวัยกว่ามาก ต่างกันคือพวกเขาออกกำลังกายนั่นเอง”
********************************************************************************
สารต้านอนุมูลอิสระป้องกันมะเร็งผิวหนัง
แต่ละปีมีชาวอเมริกันถูกวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งผิวหนังร้ายแรงชนิดเมลาโนมา (melanoma) มากถึงเกือบ 80,000 คน และมีผู้เสียชีวิตจากโรคนี้ปีละเกือบ 10,000 คน
มะเร็งผิวหนังเมลาโนมามีสาเหตุจากดีเอ็นเอในเซลล์เมลาโนไซต์ที่มีหน้าที่ปกป้องผิวหนังจากรังสีอัลตราไวโอเลตถูกทำลาย การได้รับรังสีจากดวงอาทิตย์กระตุ้นให้ร่างกายสร้างอนุมูลอิสระที่ทำให้ดีเอ็นเอถูกทำลาย และกลายเป็นมะเร็งผิวหนังเมลาโนมา
นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดสรุปว่า สารต้านอนุมูลอิสระ เช่น กลูต้าไธโอน วิตามินซี วิตามินอี เบต้า–แคโรทีน เรตินอยด์ โคเอนไซม์คิว 10 และชาเขียว ทำให้ผิวหนังอยู่ในภาวะเป็นกลางที่ปลอดภัยจากมะเร็งผิวหนังเมลาโนมา ส่วนวิธีอื่น ๆ ที่ช่วยลดความเสี่ยงจากการที่ผิวหนังถูกทำลายเพราะรังสีจากดวงอาทิตย์คือ ตากแดดให้น้อยลง ใช้ครีมป้องกันแสงแดด และสวมใส่เสื้อผ้าที่ปกปิดผิวหนังจากแสงแดด
**********************************************************************************
แคปไซซินในพริกแดงทำให้รู้สึกอิ่ม
แคปไซซินเป็นสารเคมีที่พบในพริกแดง บทบาทสำคัญคือ ช่วยลดความอยากอาหารและการดูดซึมพลังงาน รวมทั้งช่วยลดน้ำหนักได้ด้วย โดยกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนเซโรโทนินในลำไส้ที่ช่วยระงับความรู้สึกหิว
ผลการศึกษากับหนูทดลองที่อินเดียพบว่า ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีส่วนประกอบของแคปไซซิน ช่วยลดความอยากอาหารด้วยการเปลี่ยนยีนในศูนย์ควบคุมความอยากอาหารในสมอง และเพิ่มอัตราการเผาผลาญด้วยการกระตุ้นการทำงานของเนื้อเยื่อไขมัน brown adipose tissue (BAT)
BAT เผาผลาญพลังงานให้อยู่ในรูปของความร้อนแทนการเก็บพลังงานในรูปของไขมัน ซึ่งเป็นกระบวนการเร่งการเผาผลาญพลังงานในร่างกายที่เรียกว่า thermogenesis
สารแคปไซซินเพิ่มกระบวนการเร่งการเผาผลาญพลังงานในเซลล์ไขมันสีขาว (white fat cell) ด้วยการทำให้เซลล์เหล่านี้คล้าย BAT มากขึ้น สารแคปไซซินยังเปลี่ยนจุลินทรีย์ในลำไส้เพื่อให้เผาผลาญไขมันได้มากขึ้น และใช้เป็นส่วนประกอบสำคัญในผลิตภัณฑ์เสริมอาหารช่วยลดน้ำหนัก
***********************************************************************************
ออกกำลังกายตลอดชีวิตป้องกันกล้ามเนื้อหดในวัยชรา
ปกติแล้วเราสูญเสียมวลกล้ามเนื้อราวร้อยละ 20 เมื่อมีอายุระหว่าง 40–60 ปี พออายุสูงขึ้นเป็น 70 ปี การสูญเสียมวลกล้ามเนื้อเพิ่มเป็นร้อยละ 40 และสูญเสียความแข็งแกร่งราวร้อยละ 30
การสูญเสียมวลกล้ามเนื้อนี้เรียกว่า sarcopenia ซึ่งส่งผลให้เกิดโรคเบาหวาน หกล้มและบาดเจ็บ ปวดกล้ามเนื้อและข้อ สูญเสียมวลกระดูก และคุณภาพชีวิตเลวลง
การออกกำลังกายตลอดชีวิตช่วยป้องกันภาวะเสี่ยงข้างต้นได้ นักวิทยาศาสตร์นิวซีแลนด์และออสเตรเลียเปิดเผยผลการศึกษาในหนูว่า การให้หนูทำกิจกรรมทางกายภาพตลอดชีวิต ทำให้หนูผลิตฮอร์โมน anabolic คือ igf–1 สูงขึ้น และหนูมีมวลกล้ามเนื้อมากขึ้นตลอดชีวิตด้วย
********************************************************************************
สหรัฐฯ นิยมข้าวป่ายักษ์มากขึ้น
ข้าวป่ายักษ์ (wild rice) เป็นอาหารยอดนิยมในเอเชียตะวันออก และกำลังได้รับความนิยมมากขึ้นในสหรัฐฯ ด้วย เพราะมีวิตามิน เกลือแร่ โปรตีน แป้ง กากใย และสารต้านอนุมูลอิสระสูง
คณะกรรมการอาหารและยาของสหรัฐฯ จัดให้ข้าวป่ายักษ์อยู่ในประเภทธัญพืชเต็มเมล็ด นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยมานิโตบาประเทศแคนาดาสรุปว่า เมื่อบริโภคข้าวป่ายักษ์ในฐานะที่เป็นอาหารเพื่อสุขภาพแล้วนั้น ให้ประโยชน์แก่ร่างกายมากมาย อาทิ เป็นแหล่งสารต้านอนุมูลอิสระ ลดไขมันในหลอดเลือด และเป็นแหล่งกากใยที่ดี นอกจากนี้ สารต้านอนุมูลอิสระในข้าวป่ายักษ์ยังมีประสิทธิภาพสูงกว่าที่ได้จากข้าวขาวในปริมาณเท่ากันด้วย
การศึกษาในสัตว์ทดลองพบว่า การบริโภคข้าวป่ายักษ์ในระยะยาว ช่วยลดความเสี่ยงจากโรคหลอดเลือดแดงและหัวใจ จึงเป็นอาหารบำรุงหัวใจให้แข็งแรงได้เป็นอย่างดี
ที่มา: นิตยสาร FitnessRx
Column: Well–Being
เรียบเรียง: ดรุณี แซ่ลิ่ว