แม้การประกาศเดินหน้าของกลุ่มทุนขอนแก่น “ซีนิทแอสเซท” ทั้งโครงการคอนโดมิเนียมระดับไฮเอนด์ “The Houze Condominium” และคอมมูนิตี้มอลล์ “Hugz Mall” เป็นการท้าทายวิกฤตการเมืองที่ไร้ทางออกและมีสิทธิ์ลากยาวจนถึงปลายปี แต่อีกมุมหนึ่งกลับเป็นเกมพลิก “วิกฤต” เป็น “โอกาส” ในช่วงจังหวะที่หลายๆ ธุรกิจกำลังหาลู่ทางใหม่ เจาะตลาดใหม่ในต่างจังหวัด โดยเฉพาะภาคอีสานและจังหวัดขอนแก่นที่กำลังเติบโตพุ่งพรวดอย่างรวดเร็ว
ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นการขับเคลื่อนครั้งใหญ่ในการต่อสู้กับกลุ่มทุนอสังหาริมทรัพย์และทุนค้าปลีก ทั้งค่ายยักษ์ใหญ่อย่างกลุ่มเซ็นทรัล กลุ่มสัมมากร รวมถึงทุนต่างชาติที่เตรียมเข้ามายึดหัวหาดธุรกิจหลังการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(เออีซี) ในปี 2558
พงษ์ศักดิ์ สฤษฎีชัยกุล ประธานบริหาร บริษัท ซีนิท พลาซ่า จำกัด กล่าวว่า ขอนแก่นเป็นจังหวัดที่มีการเปลี่ยนแปลงและเติบโตสูงในทุกๆ ด้าน เพราะตั้งอยู่ใจกลางอีสาน เป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์หลังเปิดเออีซี เช่น พม่าจะไปเวียดนามต้องผ่านขอนแก่น จีนจะไปประเทศติดทะเลก็ต้องผ่านขอนแก่น ส่งผลให้ขอนแก่นมีการพัฒนาทั้งด้านการศึกษา เป็นศูนย์ราชการ โรงพยาบาล อสังหาริมทรัพย์ ศูนย์การค้า และพฤติกรรมผู้บริโภคมีการใช้ชีวิตแบบคนรุ่นใหม่มากขึ้น
ขณะเดียวกัน ข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทยพบว่า ผลิตภัณฑ์ภาพรวมของจังหวัดขอนแก่นสูงเป็นอันดับ 2 ของภาคอีสานรองจากนครราชสีมา หรือประมาณ 155,000 ล้านบาท รายได้ประชากรต่อหัวต่อปีสูงเป็นอันดับ 1 ของภาค เศรษฐกิจ แม้ช่วงวิกฤตการเมืองส่งผลให้การใช้จ่ายภาคประชาชนลดลง การลงทุนหดตัว อัตราเงินเฟ้อสูงขึ้น แต่มูลค่าการซื้อขายที่ดินในจังหวัดขอนแก่นยังขยายตัวดี ภาคธุรกิจยังเติบโตในเกณฑ์ดี ในภาพรวมยังมีทิศทางดีต่อเนื่อง
โดยเฉพาะภาคอสังหาริมทรัพย์และค้าปลีก ซึ่งคนในวงการ รวมถึงพงษ์ศักดิ์เองต้องยอมรับว่า การเปิดศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซ่า ขอนแก่น เป็นการเติมเต็มและปลุกไลฟ์สไตล์ใหม่ จนเกิดความต้องการมากขึ้นและมากขึ้น ซึ่งทำให้กลุ่มทุนขอนแก่นต้องปรับตัวและสร้างแหล่งชอปปิ้งแนวใหม่ เพื่อสนองพฤติกรรมและแข่งขันในเชิงธุรกิจด้วย
กลุ่มซีนิทแอสเซทก็เช่นกัน เพราะพงษ์ศักดิ์ถือเป็นนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่โลดแล่นอยู่ในจังหวัดขอนแก่นมานานเกือบ 25 ปี เริ่มต้นเส้นทางก่อตั้งบริษัท วีไอพีแกรนด์ จำกัด เมื่อปี 2534 เปิดโครงการบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์ ภายใต้แบรนด์ “เซ็นทาราซิตี้” และ “วีไอพีโฮม” ในจังหวัดขอนแก่น มีโครงการรวมทั้งสิ้น 17 โครงการ
จนกระทั่งผลักดันและเริ่มส่งต่อธุรกิจให้ลูกชาย คือ วิโรจน์ สฤษฎีชัยกุล ขยายเครือข่ายอีก 2 บริษัท ได้แก่ บริษัท ซีนิท แอสเซท จำกัด เปิดโครงการคอนโดมิเนียมหรูกลางเมืองบนทำเลทองย่านถนนศรีจันทร์ และบริษัท ซีนิท พลาซ่า จำกัด พัฒนาโครงการฮักส์ มอลล์ (HUGZ Mall) เพื่อขยายฐานกลุ่มเป้าหมายระดับบนและกลุ่มคนรุ่นใหม่ ซึ่งตามวิชั่นใหม่ กลุ่มซีนิทแอสเซทจะเน้นบุกตลาดคอนโดมิเนียมระดับเดียวกับยักษ์ใหญ่จากส่วนกลาง ไม่ว่าจะเป็นค่ายศุภาลัย ค่ายแสนสิริ
สำหรับโครงการเดอะเฮาส์ คอนโดมิเนียม ศรีจันทร์ เป็นอาคารชุดสูง 37 ชั้น ถือเป็นคอนโดมิเนียมสูงที่สุดในเมืองขอนแก่น มีห้องชุดรวม 414 ยูนิต ราคาขายเริ่มต้น 1.59 ล้านบาท หรือประมาณ 70,000-80,000 บาทต่อตารางเมตร รวมมูลค่าโครงการ 1,200 ล้านบาท กำหนดแล้วเสร็จกลางปี 2558
ส่วนโครงการฮักส์ มอลล์ ถือเป็นกลยุทธ์ขยายพื้นที่ด้านหน้า “เดอะเฮาส์” เพื่อเสริมจุดแข็งให้ตัวคอนโดมิเนียมภายใต้คอนเซ็ปต์ “Khonkaen Urban Chill” เนื้อที่รวม 3.8 ไร่ พื้นที่ก่อสร้าง 10,440 ตารางเมตร และมีพื้นที่ให้เช่ารวม 4,025 ตารางเมตร ตัวอาคารมีทั้งหมด 3 ชั้น แบ่งเป็นโซน Food & Beverage 70% โซน service 25% และโซนแม็กซ์แวลู่ ซูเปอร์มาร์เก็ตอีก 5%
วิโรจน์ สฤษฎีชัยกุล กรรมการผู้จัดการบริษัท ซีนิทพลาซ่า จำกัด กล่าวว่า พื้นที่ก่อสร้างฮักส์มอลล์เป็นพื้นที่เดิมของศูนย์การค้าแฟรี่ ซึ่งการได้ทำเลมาปรับคอนเซ็ปต์ใหม่ถือเป็นการเพิ่มจุดแข็งมากขึ้น เพราะถนนศรีจันทร์หรือถนนข้าวเหนียวไม่ต่างอะไรกับถนนทองหล่อในกรุงเทพฯ เป็นถนนที่รู้จักกันดีทั้งคนท้องถิ่นและต่างถิ่น เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจของจังหวัด เป็นที่ตั้งของโรงแรมชั้นนำต่างๆ เป็นย่านการค้าและที่อยู่อาศัยเก่าแก่ เป็นถนนสายวัฒนธรรมและศูนย์กลางแหล่งไลฟ์สไตล์ของจังหวัด ซึ่งเป็นไลฟ์สไตล์แบบคนเมืองและความต้องการหลากหลายมากขึ้น
ถ้าประเมินประชากรในพื้นที่รอบฮักส์มอลล์ในระยะไม่เกิน 2 กิโลเมตร ไม่ต่ำกว่า 40,000 คน โดยแบ่งกลุ่มเป้าหมายเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มคนอายุ 25-34 ปี อาชีพพนักงานทั่วไปและเจ้าของธุรกิจ มีรายได้ต่อคนต่อเดือนตั้งแต่ 18,000-35,000 บาท หรือมีรายได้ครัวเรือน 35,000 บาทขึ้นไป ซึ่งในเทศบาลนครขอนแก่น มีคนกลุ่มนี้ประมาณ 16,500 คน
อีกกลุ่มอยู่ในช่วงอายุ 18-24 ปี ได้แก่ นักศึกษาใกล้จบและพนักงานทั่วไป รายได้ส่วนตัวต่อเดือนตั้งแต่ 7,001-12,000 บาท หรือมีรายได้ครัวเรือน 24,000-35,000 บาท ในเทศบาลนครขอนแก่นมีมากกว่า 18,000 คน
“ย่านถนนศรีจันทร์ยังไม่มีคอมมูนิตี้มอลล์ มีเพียงศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซ่า ขอนแก่น แต่เป็นแนวห้างสรรพสินค้า เน้นสินค้าแฟชั่น แต่ฮักส์มอลล์เน้นความเป็นไลฟ์สไตล์มอลล์ ร้านอาหารที่มีเอกลักษณ์ เน้นบรรยากาศการซื้อขายที่ใกล้ชิดสนิทสนมกับลูกค้ามากกว่าการเดินห้างใหญ่ๆ ส่วนตลาดต้นตาล ซึ่งอาจจัดเป็นคอมมูนิตี้มอลล์ด้วยนั้นอยู่ติดถนนมิตรภาพออกจากตัวเมืองห่างออกไป”
อย่างไรก็ตาม กลุ่มทุนค้าปลีกในท้องถิ่น ไม่ใช่เฉพาะกลุ่มซีนิทแอสเซทที่พยายามปรับตัวเพื่ออยู่รอดหลังจากค่ายเซ็นทรัลเข้ามาเจาะพื้นที่ อย่าง “ตลาดต้นตาล” ถือเป็นหนึ่งความพยายามเพื่อหาจุดขายฉีกออกจากเดิม
ทั้งนี้ ตลาดต้นตาลเป็นโครงการที่บริษัท ศิริการกรุ๊ป 90 จำกัด ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ใน จ.ขอนแก่น ร่วมทุนกับค่ายแฟรี่พลาซ่าขอนแก่น ลงทุนพัฒนาโครงการภายใต้คอนเซ็ปต์ ตลาดสีเขียวที่ไม่ใช่แค่ชอปปิ้ง บริเวณริมถนนมิตรภาพ ใกล้กับสี่แยกเหล่านาดี เนื้อที่รวม 80 ไร่
ตามแผนการลงทุนแบ่งการพัฒนาเฟสแรก ใช้งบลงทุนกว่า 350 ล้านบาท ไม่รวมค่าที่ดิน ประกอบด้วยตลาดพลาซ่า ให้เช่าขายสินค้าภายใต้บรรยากาศสบายๆ ของธรรมชาติ มีต้นตาล 6 ต้น กลางตลาดเป็นสัญลักษณ์สำคัญ พร้อมด้วยตลาดโต้รุ่ง พื้นที่อาร์ทเลน พื้นที่สันทนาการส่วนกลางสำหรับจัดกิจกรรมให้เข้ากับสไตล์การใช้ชีวิตของคนเมือง โดยพยายามชูจุดเด่น คือสามารถเข้าได้หลายเส้นทางทั้งถนนมิตรภาพและถนนบ้านกอก ใกล้กับมหาวิทยาลัยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ขณะที่เฟส 2 บริษัท ศิริการกรุ๊ป 90 ผุดโครงการคอนโดมิเนียม “ต้นตาลคอนโดซิตี้พลัส” จำนวน 237 ยูนิต ราคาประมาณ 800,000 บาทต่อยูนิต
นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มเซ็นโทซ่า พัฒนาโครงการ Sen Park ชอปปิ้งเซ็นเตอร์สไตล์คอมมูนิตี้มอลล์ บนถนนมลิวัลย์ บริเวณสี่แยกสามเหลี่ยมฝั่งขาออกเมืองขอนแก่น-อ.ชุมแพ โดยปรับโฉมจากซูเปอร์มาร์เก็ต เซ็นโทซ่า เนื้อที่กว่า 15 ไร่ พื้นที่ขายประมาณ 13,000 ตร.ม. และถือเป็นการลงทุนครั้งใหญ่ในรอบ 40 ปี มูลค่ารวมกว่า 400 ล้านบาท
ด้านกลุ่มทุนต่างถิ่น ล่าสุด บริษัท สัมมากร จำกัด (มหาชน) เตรียมแผนขยายการลงทุนธุรกิจคอมมูนิตี้มอลล์ ไปยังหัวเมืองใหญ่ของภูมิภาคต่างๆ เนื่องจากโอกาสในการเติบโตของคอมมูนิตี้มอลล์ในหัวเมืองใหญ่มีสูงมากกว่ากรุงเทพฯ ซึ่งกำลังผจญกับปัญหาม็อบการเมืองทำลายบรรยากาศการจับจ่าย โดยตั้งเป้าประเดิมสาขาแรกในจังหวัดขอนแก่น และกำลังจับมือกับบริษัท อีสานพิมานกรุ๊ป ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ในจังหวัดขอนแก่น เข้าร่วมประมูลเช่าที่ดิน 15 ไร่ในมหาวิทยาลัยขอนแก่น
วิโรจน์กล่าวว่า ช่วงต้นปี 2556 มีกลุ่มทุนหลายค่ายเตรียมแผนเปิดตัวโครงการหลายแห่ง ทั้งโครงการที่อยู่อาศัยและค้าปลีก คอมมูนิตี้มอลล์ แต่มีหลายรายชะลอและพับแผน เพราะปัจจัยสำคัญต้องดูเรื่องทำเลที่ตั้ง แต่ซีนิทพลาซ่าจะไม่ได้หยุดเพียงแค่เดอะเฮาส์และฮักส์มอลล์ เพราะมีที่ดินสะสมในขอนแก่นเหลือในมืออีก 10 แปลง เนื้อที่ 30-50 ไร่ต่อแปลง แต่ทั้งหมดต้องดูผลตอบรับจากเดอะเฮาส์ ซึ่งจะเปิดในปีหน้าและฮักส์มอลล์ที่จะเปิดให้บริการในเดือนตุลาคมนี้ ซึ่งคาดว่าจะเห็นความชัดเจนภายใน 1 ปี และวางเป้าคืนทุนภายใน 7-8 ปี
ล่าสุด ในแง่พื้นที่เช่าของฮักส์มอลล์เหลือไม่ถึง 20% เนื่องจากร้านค้าเช่าที่คัดเลือกเข้ามาต่างปักธงที่จะเข้ามาขยายตลาดในอีสาน ไม่ว่าจะเป็นร้านบุฟเฟ่ต์เนื้อย่างสไตล์ญี่ปุ่น “มิยาบิ” ซึ่งล่าสุดเปิดสาขาในขอนแก่นแล้ว 2 แห่ง และ 6 แห่งในภาคอีสาน ร้านเครื่องดื่มชาชงสด “โอชายะ” ที่เตรียมแผนขยายสาขาในอีสานมากกว่า 250 จุด และล่าสุดเลือกสร้างศูนย์กระจายสินค้า (ดีซี) ที่ขอนแก่นด้วย รวมถึงร้าน Tom n Tom, ฟาสต์ฟู้ด “ซับเวย์” และค่ายซูเปอร์มาร์เก็ตยักษ์ใหญ่ “แม็กซ์ แวลู่” ที่เข้ามาชิมลางตลาดในภาคอีสาน
ปี 2557 ในขณะที่สมรภูมิรบทางการเมืองกำลังระเบิดตูมตามในกรุงเทพฯ แต่สำหรับสงครามค้าปลีกและศึกการตลาดของบรรดาธุรกิจ เวลานี้ต่างตบเท้าย้ายแนวรบสู่ตลาดภูธร เพราะหากนับเม็ดเงินเทียบกัน ตลาดใหม่ใหญ่กว่าและอาจมีมูลค่ามหาศาลกว่าหลายเท่าด้วย