วันศุกร์, พฤศจิกายน 22, 2024
Home > New&Trend > สมาคมศูนย์การค้าไทย เตรียมความพร้อมสู่ AEC

สมาคมศูนย์การค้าไทย เตรียมความพร้อมสู่ AEC

สมาคมศูนย์การค้าไทยเตรียมผงาดรับ AEC เพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันเตรียมจัด Symposium ครั้งแรก ผลักดันไทยเป็น Regional Shopping Hub ดึงดูดการลงทุนต่างชาติเพิ่ม Market Cap ให้ประเทศมุ่งเน้นนโยบายด้านการลดใช้พลังงานในศูนย์การค้า

สมาคมศูนย์การค้าไทย ปัจจุบันมีสมาชิก 10 ราย ประกอบด้วย บริษัท เอ็มบีเค จำกัด (มหาชน) เดอะมอลล์กรุ๊ป บริษัท สยาม รีเทล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด บริษัท เดอะแพลทินั่ม แฟชั่นมอลล์ จำกัด บริษัท เค.อี.แลนด์ จำกัด บริษัท ซีคอน ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) บริษัท สยามฟิวเจอร์ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) บริษัท รังสิตพลาซ่า จำกัด และบริษัท สยามพิวรรธน์ กรุ๊ป จำกัด โดยสมาคมฯ ได้จัดแถลงข่าวประจำปี 2556 ประกาศความร่วมมือระหว่างสมาชิกของสมาคมเพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน เตรียมรับมือกับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC ในปี 2558 พร้อมผลักดันให้ไทยเป็น “ศูนย์กลางการช้อปปิ้งของภูมิภาค หรือ Regional Shopping Hub” และเนื่องในโอกาสที่สมาคมศูนย์การค้าไทยครบ 15 ปี ในปีนี้ สมาคมฯ จะจัดงาน The 1st Thailand Shopping Center Symposium เพื่อขยายองค์ความรู้ธุรกิจศูนย์การค้า และต่อยอดกิจกรรม CSR รวมถึงขอให้ภาครัฐช่วยสนับสนุนเรื่องมาตรฐานพลังงาน เชิญชวนผู้ประกอบการรายอื่นๆ มาร่วมเป็นสมาชิก และกำหนดทิศทางธุรกิจในปีหน้า

นริศ เชยกลิ่น นายกสมาคมศูนย์การค้าไทยกล่าวว่า “ ในโอกาสที่ปีนี้สมาคมศูนย์การค้าไทยมีอายุครบ 15 ปี เราต้องการยกระดับเพิ่มขีดความสามารถของผู้ประกอบการศูนย์การค้าไทย เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายการเป็น Regional Shopping Hub รับ AEC แลกเปลี่ยนความรู้เรื่องเทคโนโลยี กฎหมายข้อบังคับ และพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความร่วมมือด้านข้อมูลเพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันของตลาดในประเทศไทย ดึงดูดผู้ประกอบการจากต่างชาติ พร้อมสนองต่อการเปิดตลาดในประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน: AEC 2015 โดยมีการแบ่งประเภทของศูนย์การค้าอย่างชัดเจน

จากฐานข้อมูลสมาชิกของสมาคมศูนย์การค้าไทย ปัจจุบันประเทศไทยมีศูนย์การค้าที่เปิดอย่างเป็นทางการแล้ว จำนวนทั้งสิ้น (นับจากข้อมูลของสมาชิกเท่านั้น) 74 ศูนย์ คิดเป็น 1 ศูนย์การค้าต่อประชากร 9 แสนคน ในขณะที่ประเทศญี่ปุ่นนั้น คิดเป็นสัดส่วน 1 ศูนย์ฯ ต่อ 4.3 หมื่นคน (ข้อมูลปี 2011) จะเห็นได้ว่าตลาดในเมืองไทยยังเติบโตได้อีก”

“ ในอีก 5 ปี มูลค่าการลงทุนน่าจะถึง 120,000 ล้านบาท มีทั้งนักลงทุนที่เป็นสมาชิกอยู่แล้ว นักลงทุนรายใหม่ในประเทศ และนักลงทุนจากต่างประเทศเริ่มเข้ามา อีกทั้งสมาคมฯยังได้ขอให้รัฐช่วยสนับสนุนเรื่องโครงการพลังงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันวิกฤติพลังงานอย่างยั่งยืน และส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นสวรรค์ของการช้อปปิ้งอย่างแท้จริง โดยช่วยเหลือผู้ประกอบการในด้านภาษี และกฏหมาย ทั้งนี้สมาคมยังคงดำเนินกิจกรรม CSR ด้านพลังงาน และช่วยเหลือสังคมอย่างต่อเนื่อง ด้วย” นริศ กล่าวเพิ่มเติม