ยูนิลีเวอร์เผยกลยุทธ์พัฒนาตลาด ดันยอดขายปี 2012 โต 13% ปิดยอดขาย 40,000 ล้าน
ฉลองครบรอบ 80 ปีทำธุรกิจในเมืองไทย
กรุงเทพฯ 11 กุมภาพันธ์ 2556 : กลุ่มบริษัทยูนิลีเวอร์ในประเทศไทย ผู้ผลิตและจำหน่าย
สินค้าอุปโภคบริโภคที่เก่าแก่ที่สุดในเมืองไทย ประกาศผลประกอบการปี 2555 ทะลุ 40,000 ล้าน
บาท เติบโต 13% จากปี 2554
มร. บาวเค่อ ราวเออร์ส ประธานกลุ่มบริษัทยูนิลีเวอร์ในประเทศไทย และอินโดไชน่า
เปิดเผยถึงความสำเร็จครั้งนี้ว่า “ในโอกาสครบรอบ 80 ปี ในการทำธุรกิจของยูนิลีเวอร์ในเมืองไทย
เป็นเรื่องที่น่ายินดีเป็นอย่างยิ่งที่ผลิตภัณฑ์ในเครือยูนิลีเวอร์สามารถตอบสนองความต้องการของคน
ไทยได้เพิ่มขึ้น ซึ่งความสำเร็จนี้สอดคล้องกับเป้าหมายของยูนิลีเวอร์ระดับโลกที่จะเติบโตทางธุรกิจ
เป็นสองเท่า ในขณะที่ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ควบคู่กับการเพิ่มผลกระทบเชิงบวกต่อสังคม ทั้งนี้
ผลประกอบการที่เติบโตขึ้นของเราในประเทศไทยในปี 2555 ที่ผ่านมา เป็นผลมาจากการสร้างและ
พัฒนาตลาดในแต่ละกลุ่มผลิตภัณฑ์ของยูนิลีเวอร์ ผสานกับนวัตกรรมที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างยั่งยืนและให้ผลเด่นชัด” มร. ราวเออร์ส กล่าว
มร. ราวเออร์ส เปิดเผยว่า ในปีที่ผ่านมาความสำเร็จของยูนิลีเวอร์เป็นผลมาจากการเติบโต
ในกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ส่วนบุคคล กลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ในครัวเรือน กลุ่มอาหาร และไอศกรีม
มร. ราวเออร์ส ยังกล่าวเสริมว่า “ปี 2555 ยังเป็นปีที่เราได้ให้ความเชื่อมั่นกับคนไทยว่า เราจะสร้าง
ธุรกิจ ในเมืองไทยต่อเนื่องอย่างยั่งยืน ด้วยการลงทุนกว่า 600 ล้านบาท เพื่อสร้างศูนย์วิจัยและพัฒนา
ระดับภูมิภาค ซึ่งตั้งอยู่ภายในพื้นที่โรงงานของยูนิลีเวอร์ นิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง และโครงการ
ก่อสร้างอาคารสำนักงานใหญ่แห่งใหม่ของยูนิลีเวอร์ประจำประเทศไทย บนถนนพระราม 9 ด้วยงบ
ลงทุน 2,600 ล้านบาท ซึ่งจะสามารถเปิดดำเนินการได้ในปี 2557 ด้วยแนวคิด “การทำงานแบบ
คล่องตัว ไร้ขีดจำกัด และเป็นอาคารอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม” และเพื่อสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของบริษัทฯ
ที่มีต่อการลงทุนและการดำเนินธุรกิจในระยะยาวในประเทศไทย
มร. ราวเออร์ส กล่าวต่อว่า “ในปี 2556 นี้ ยูนิลีเวอร์ เตรียมเปิดโรงงานผลิตผลิตภัณฑ์
เครื่องใช้ในครัวเรือนชนิดน้ำ ภายในพื้นที่โรงงานของยูนิลีเวอร์ ณ นิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง
ด้วยงบลงทุนประมาณ 800 ล้านบาท และงบลงทุนอีก 2,000 ล้านบาทเพื่อสร้างศูนย์กระจายสินค้า
ณ บางน้ำเปรี้ยว จังหวัดฉะเชิงเทรา เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้านโลจิสติกส์”
ในด้านกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ส่วนบุคคล นางวรรณิภา ภักดีบุตร รองประธานกรรม
การบริหารด้านการตลาดผลิตภัณฑ์ความงาม เผยถึงไฮไลต์ความสำเร็จของผลิตภัณฑ์ยอดนิยมอย่าง
“ซันซิล” ผลิตภัณฑ์ด้านเส้นผมอันดับ 1 ของไทย ที่สามารถกระตุ้นการเติบโตในตลาดของกลุ่มผลิตภัณฑ์หลังการสระ (ครีมนวดผม ทรีทเม้นต์ ฯลฯ) โดยการมุ่งเน้นการกระตุ้นพฤติกรรมผู้บริโภค
ให้ใช้ครีมนวดผมทุกครั้งหลังสระ พร้อมกลยุทธ์เสริมทั้งด้านการจัดโปรโมชั่นเพื่อส่งเสริมการขาย
การให้ผู้บริโภคได้มีประสบการณ์กับสินค้าและการสื่อสารทุกช่องทางเพื่อให้ความรู้เรื่องประโยชน์
ของการใช้ครีมบำรุงผม จนทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้น 25% ในปี 2555
นางวรรณิภาเปิดเผยต่อถึงความสำเร็จของผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนตัวสำหรับผู้ชาย ซึ่งปีที่
ผ่านมาถือว่าประสบความสำเร็จสูงมากทั้งผลิตภัณฑ์เคลียร์ เมน และวาสลีน เมน เพราะการเล็งเห็น
โอกาสในช่องทางตลาดผู้ชายซึ่งถือว่าเป็นตลาดที่มีช่องทางการเติบโตสูงที่สุดในประเทศไทย จาก
ข้อมูลพบว่า ร้อยละ 70 ของผู้ชายไทยยังคงใช้ผลิตภัณฑ์ผิวหน้าของผู้หญิง และพบว่าปี 2555
ตลาดสินค้ากลุ่มผู้ชายเติบโตขึ้น 17% เปรียบเทียบกับปี 2554 ที่เติบโตเพียง 11% ดังนั้นเรา
จึงบุกเข้ามาทำตลาดในกลุ่มผลิตภัณฑ์ผู้ชายเพิ่มขึ้นทุกช่องทาง ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์เคลียร์ เมน
สามารถเพิ่มการใช้ผลิตภัณฑ์จากเดิม 7% ในปี 2554 เป็น 9.9% ในปี 2555 ในขณะที่ผลิตภัณฑ์
วาสลีน เมน ก็สามารถเพิ่มอัตราการใช้จาก 3.3% เป็น 3.8% ในช่วงเวลาเดียวกัน ส่งผลให้ยอด
ขายรวมของผลิตภัณฑ์กลุ่มนี้เพิ่มขึ้นถึง 25% ในปี 2555
ด้าน นางสุพัตรา เป้าเปี่ยมทรัพย์ รองประธานกรรมการบริหาร ธุรกิจผลิตภัณฑ์ในครัวเรือน
อาหาร และไอศกรีม เปิดเผยถึงความสำเร็จของกลุ่มธุรกิจอาหาร ไอศกรีม และกลุ่มผลิตภัณฑ์
เครื่องใช้ในครัวเรือนว่า “ปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดความเติบโตของเรา คือการสร้างและพัฒนาตลาดผลิตภัณฑ์ ร่วมกับความเข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงความต้องการของผู้บริโภค ทำให้เราตอบสนองความ
ต้องการของผู้บริโภคชาวไทยได้อย่างตรงจุด ยกตัวอย่างผลิตภัณฑ์โจ๊กคนอร์ ซึ่งสามารถเพิ่ม
อัตราการบริโภคจาก 30% ในปี 2553 ให้เป็น 35% ได้ในปี 2555 ส่งผลให้ยอดขายเพิ่มสูงขึ้น
จากปี 2553 ถึง 49% ทั้งนี้ เรามีเป้าหมายว่า ภายในปี 2557 เด็กไทย 60% จะได้ทานอาหารเช้า
ที่มีประโยชน์ เพิ่มขึ้นจากปี 2555 ซึ่งมีอัตราอยู่ที่ 40%
ในด้านความสำเร็จของกลุ่มสินค้าไอศกรีม ไฮไลต์คือความสำเร็จของไอศกรีมแม็กนั่ม
ซึ่งมีการปรับสูตรใหม่พร้อมกับการเปลี่ยนมาใช้ช็อกโกแลตเบลเยี่ยม ทำให้ไอศกรีมแม็กนั่มกลาย
เป็นที่นิยมสูงสุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มผู้ใหญ่ซึ่งเดิมมีการบริโภคไอศกรีมน้อย หลังจากการ
รีลอนช์ ไอศกรีมแม็กนั่มสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่เป็นกลุ่มผู้ใหญ่ได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ยอด
ขายเติบโตถึง 400% โดยในเดือนที่ขายดีที่สุด มียอดขายเทียบเท่ากับยอดขายไอศกรีมแม็กนั่ม
ปี 2554 ทั้งปี
ส่วนกลุ่มผลิตภัณฑ์ในครัวเรือน มีการพัฒนานวัตกรรมขั้นสูงในกลุ่มทำความสะอาดเสื้อผ้า
พร้อมทั้งการกระตุ้นให้ผู้บริโภคเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ผงซักฟอกแบบธรรมดา เป็นแบบเข้มข้น (Concentrate) ทำให้ผลิตภัณฑ์บรีส มียอดขายเติบโตขึ้นถึง 25% ในปี 2555
ข้อมูลเกี่ยวกับยูนิลีเวอร์
ยูนิลีเวอร์มุ่งมั่นที่จะสร้างอนาคตใหม่ที่ดีกว่าเดิมในทุกวัน และต้องการที่จะช่วยให้ผู้คนรู้สึกดี ดูดี
และใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่ โดยอาศัยแบรนด์และบริการที่ดีสำหรับทุกคน
ยูนิลีเวอร์เป็นหนึ่งในผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคชั้นนำของโลกที่มีการดำเนินธุรกิจ
ในกว่า100 ประเทศทั่วโลก ในแต่ละปี ผู้บริโภคทั่วโลกซื้อสินค้าของยูนิลีเวอร์รวมกว่า 170,000 ล้าน
ชิ้น สินค้าของยูนิลีเวอร์มีจำหน่ายในกว่า 190 ประเทศ ผู้บริโภคกว่า 2 พันล้านคน ใช้สินค้าของยูนิลีเวอร์
ในชีวิตประจำวัน
สินค้ายอดนิยมของยูนิลีเวอร์ในตลาดโลกได้แก่ แบรนด์ดัง 12 แบรนด์ ที่มียอดขายกว่า
1 พันล้านยูโร และยูนิลีเวอร์เป็นผู้นำในเกือบทุกประเภทสินค้าที่เราผลิต แบรนด์ชั้นนำของยูนิลีเวอร์
มีมากมาย อาทิ คนอร์ โดฟ ลิปตัน บีเซล/พลอร่า บลูแบนด์/รามา/คันทรีครอค วอลล์ส/โอแอลเอ/แลงนีส เฮลแมนน์ส คาลเว ยูน็อกซ์ พอนด์ส ลักส์ แอกซ์/ลิงซ์ ซันซิล วาสลีน เรโซนา/ชัวร์ โอโม เซิร์ฟ ซิฟ ซิกนัล และ กลอริกซ์/โดเมสทอส
ในปี 2553 ยูนิลีเวอร์ได้ประกาศ “แผนการดำเนินชีวิตอย่างยั่งยืน” ซึ่งเป็นหนึ่งในเจตนารมณ์
ที่มีความท้าทายมากที่สุดขององค์กรเพื่อความยั่งยืนของโลกและทรัพยากร ยูนิลีเวอร์ตั้งเป้าว่าภาย
ในปี 2563 บริษัทฯ จะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิต สุขภาพ และความเป็นอยู่ให้แก่ผู้บริโภคกว่า 1 พันล้าน
คน รวมทั้งจะจัดหาวัตถุดิบในการผลิตทั้งหมดที่มาจากแหล่งเพาะปลูกที่ไม่สร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และจะลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากการดำเนินการการผลิต และผลิตภัณฑ์ของ
บริษัทรวมถึงการใช้ผลิตภัณฑ์ยูนิลีเวอร์ของผู้บริโภคลงครึ่งหนึ่ง ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.sustainable-living.unilever.com
สำหรับในประเทศไทย ซึ่งยูนิลีเวอร์ดำเนินการมาถึง 80 ปีแล้ว บริษัทฯ เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าแบรนด์ชั้นนำมากมาย ได้แก่ บรีส โอโม ออลล์ ซันไลต์ คอมฟอร์ท ลักส์ วาสลีน ซิตร้า ซันซิล เคลียร์ โทนี่แอนด์กาย เทรซาเม่ พอนด์ส โดฟ แอ็กซ์ เรโซนา โคลสอัพ คนอร์ วอลล์ส เบสท์ฟู้ดส์
ลิปตัน และอาวียองซ์
ยูนิลีเวอร์ในประเทศไทยมีพนักงานประมาณ 2,700 คน และมียอดขายรวม 40,000 ล้านบาท ในปี 2555 สามารถดูรายละเอียดได้ที่ www.unilever.co.th
สื่อมวลชนติดต่อ อาซิแอม เบอร์สัน-มาร์สเตลเลอร์ โทร 0-2252-9871
วิลาสิณี (แอน) 081-659-6289 สาธิดา (แอ๋ม) 089-791-7111 สุภาวดี (เกตุ) อีเมล์ [email protected]