การรักษาสุขภาพให้แข็งแรงอยู่เสมอจะกลายเป็นเรื่องง่ายพอๆ กับการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตและโภชนาการอีกสักเล็กน้อย เพียงเริ่มเดินมาบนเส้นทางของ 50 เคล็ดลับที่นำเสนอต่อไปนี้ โดยตอนที่ 1 จะนำเสนอ 25 ข้อแรก และโปรดติดตาม 25 ข้อสุดท้ายในตอนต่อไป
1. ทดสอบการทรงตัว
ผลการศึกษาของมหาวิทยาลัยเซาเปาโลเผยว่า ในการทดสอบการทรงตัว ผู้มีปัญหาภูมิแพ้ที่เข้าทดสอบทำได้แย่มาก นักวิจัยจึงแนะนำว่า ควรตรวจดูการทรงตัวในผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ด้วย เพื่อป้องกันไม่ให้อาการแย่ลงอีก
2. ออกกำลังกายอาจลดความเสี่ยงมะเร็งเต้านม
การวิจัยของมหาวิทยาลัยนอร์ทแคโรไลนาบ่งชี้ว่า ผู้หญิงวัยหลังหมดประจำเดือนที่ออกกำลังกายสัปดาห์ละ 10 – 19 ชั่วโมง สามารถลดความเสี่ยงจากการเป็นมะเร็งเต้านมได้ถึงร้อยละ 30
3. ลดความดันโลหิตด้วยโยเกิร์ต
สมาคมโรคหัวใจแห่งอเมริกาแนะนำว่า การเพิ่มโยเกิร์ตเข้าไปในมื้ออาหาร อาจช่วยลดความเสี่ยงการเป็นความดันโลหิตสูงของคุณได้
4. กระฉับกระเฉงเข้าไว้ หลีกหนีโรคสมองเสื่อมได้
ผลการศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสาร Stroke ของสมาคมโรคหัวใจแห่งอเมริกากล่าวว่า ผู้สูงอายุที่ยังมีร่างกายแข็งแรงและช่วยเหลือตนเองได้ดี ถ้าหมั่นทำกิจกรรมทางกายภาพอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยลดความเสี่ยงจากการเป็นโรคสมองเสื่อมราวร้อยละ 40 และลดความเสี่ยงจากอาการบาดเจ็บได้ร้อยละ 60
5. โพรไบโอติกส์ต่อสู้กับหวัดได้
วารสาร British Journal of Nutrition ฉบับเดือนตุลาคม 2012 ตีพิมพ์ผลการวิจัยที่ยืนยันว่า ในระหว่างเป็นหวัดและมีปัญหาติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจส่วนบน โพรไบโอติกส์ช่วยทำให้คุณภาพชีวิตที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพของคุณดีขึ้น
6. สังกะสีเป็นฮีโร่
ถ้าคุณเบื่อและรำคาญกับอาการหวัดน้ำมูกไหล สังกะสีช่วยลดความรุนแรงและระยะเวลาของอาการหวัดได้
7. เข้านอนเร็ว ลดน้ำหนักได้
การอดนอนกระตุ้นฮอร์โมนที่ควบคุมความอยากอาหาร ทำให้คุณกินมากขึ้น ถ้าคุณพยายามลดน้ำหนักอยู่ แนะนำว่าให้เข้านอนแต่หัวค่ำ
8. หลับยากไม่ใช่ปัญหา
หากคุณเป็นคนนอนหลับยาก ลองทำตามขั้นตอนเหล่านี้ดู – ออกกำลังกายสม่ำเสมอ เข้านอนเป็นเวลา กินอาหารเย็นให้น้อยลง และก่อนเข้านอนหนึ่งชั่วโมง หรี่ไฟในห้องนอนให้มืดลง
9. ทำหัวใจให้แข็งแรง
ลดความเสี่ยงจากอาการหัวใจวาย ด้วยการกินอาหารเช้าประเภทธัญพืชที่มีกากใยอย่างน้อย 3 กรัม หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม เข้าไปที่ heartfoundation.org.au
10. เชอร์รี่ลดความเสี่ยงโรคเกาต์
ถ้าคุณทุกข์ทรมานจากโรคเกาต์ กินเชอร์รี่สิ นักวิจัยมหาวิทยาลัยบอสตันกล่าวว่า การกินเชอร์รี่ติดต่อกัน 2 วัน จะช่วยลดความเสี่ยงจากการโจมตีของโรคเกาต์ราวร้อยละ 35
11. ยากระตุ้นให้หายซึมยามบ่าย
แก้อาการสะลึมสะลือหรือง่วงเหงาหาวนอนตอนบ่ายได้ง่ายๆ ด้วยการหยดหัวน้ำมันหอมระเหยที่ผลิตจากเปปเปอร์มินต์ ไธม์ ยูคาลิปตัส จูนิเฟอร์ หรือเบซิล (โหระพา) ลงบนหลังมือ แล้วสูดดมเข้าไป จะช่วยให้สมองแล่น และอาการง่วงซึมหลังอาหารเที่ยงก็หายเป็นปลิดทิ้ง
12. กลั้วปากด้วยน้ำเกลือ
บรรเทาอาการเจ็บแผลในปากได้ด้วยวิธีง่ายๆ กลั้วปากด้วยน้ำเกลืออุ่นๆ ทุกวัน
13. แปรงฟันแล้วต้องขูดลิ้น
แบคทีเรียในปากอาศัยอยู่บนลิ้นของคุณถึงร้อยละ 50 หลังแปรงฟันแล้วอย่าลืมขูดลิ้นให้สะอาด
14. ลดการอักเสบที่ข้อต่อ
นิตยสาร Arthritis Australia เปิดเผยว่า อาหารที่อุดมด้วยกรดไขมันโอเมกา – 3 เช่น น้ำมันปลา เมล็ดต้นแฟล็กซ์ (ลินซีด) และถั่ววอลนัท ช่วยลดอาการอักเสบที่ข้อต่อได้
15. ลดความเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมอง
คุณสามารถลดความเสี่ยงจากโรคหลอดเลือดสมองได้ ด้วยการออกกำลังกายระดับปานกลางอย่างน้อย 30 นาทีทุกวัน อ่านข้อมูลเพิ่มเติมที่ strokefoundation.com.au
16. ดื่มกาแฟแก้ตาแห้ง
กาเฟอีนช่วยเพิ่มความสามารถในการผลิตน้ำตาให้กับนัยน์ตาได้เป็นอย่างมาก จึงช่วยผู้มีปัญหาตาแห้งได้
17. ออกกำลังกายช่วยเด็กโรคสมาธิสั้นได้
ผลการศึกษาพบว่า หลังจากให้เด็กที่เป็นโรคสมาธิสั้นออกกำลังกายแล้ว พวกเขาแก้ปัญหาโจทย์คณิตศาสตร์ได้ดีขึ้น
18. ความลับของแอปเปิล
สารแอนตี้ออกซิแดนท์ในแอปเปิลส่งผลดีต่อสุขภาพปอดอย่างไม่น่าเชื่อ
19. กินของหวานแบบใหม่
ให้เปลี่ยนพฤติกรรมการกินขนมหวานที่อุดมไปด้วยน้ำตาลและไขมันมาเป็นการกินโยเกิร์ตรสธรรมชาติแทน
20. ให้เด็กปลอดภัยไว้ก่อน
ล็อกตู้ในห้องน้ำที่คุณมักใช้เก็บตัวยาต่าง ๆ เสมอ เพราะสาเหตุสำคัญที่สุดที่ทำให้เด็กได้รับสารพิษขณะอยู่ในบ้านคือตัวยาต่างๆ นั่นเอง
21. หลีกเลี่ยงภูมิแพ้ได้ไม่ยาก
ถ้าเกสรดอกไม้ในสวนเป็นต้นเหตุให้คุณเกิดอาการภูมิแพ้ วิธีแก้ง่ายๆ คือ ปลูกต้นไม้ที่เป็นเพศเมียแทนเพศผู้ เพราะต้นไม้เพศเมียไม่ผลิตเรณูที่อยู่ในเกสรดอกไม้
22. แก้อาการร้องโคลิคให้ลูกน้อย
ถ้าลูกน้อยของคุณทุกข์ทรมานกับการร้องโคลิค ให้ลองรักษาด้วยวิธีธรรมชาติที่เรียกว่า homeopathy โดยให้ยา Colocynth, Carbo Veg, Chamomilla หรือ Nux Vomica
23. ทำน้ำหนักลดอย่างคงที่ได้
ผลการศึกษาของโรงพยาบาลเด็กบอสตันกล่าวว่า การกินอาหารที่มีค่าดัชนีน้ำตาล (glycaemic – index) ต่ำ เป็นกลยุทธ์ที่ดีที่สุดในการทำให้น้ำหนักตัวลดลงอย่างคงที่
24. อย่าแตะเครื่องดื่มไดเอท
นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเทกซัสเผยผลการศึกษาในสหรัฐฯ ที่พบว่า ผู้ที่ดื่มเครื่องดื่มประเภทไดเอท มีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 70 เมื่อเทียบกับผู้ที่ไม่ดื่ม
25. อาหารตกพื้น ทิ้งทันที
ให้ลืมกฎอาหารตกพื้นนานไม่เกิน 10 วินาทีแล้วยังเก็บมากินได้ และโยนอาหารนั้นทิ้งทันทีที่หลุดมือลงไปกองอยู่บนพื้น เพราะอาหารตกอยู่บนพื้นนานเพียง 5 วินาที ก็ปนเปื้อนแบคทีเรียระหว่าง 150 – 8,000 แล้ว
ที่มา : นิตยสาร MINDFOOD
