ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาครั้งล่าสุดเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา คนไทยส่วนใหญ่จะคิดถึงแต่ผลการแพ้ชนะในการเลือกตั้งระหว่าง Barack Obama จากพรรค Democrat และ Mitt Romney จากพรรค Republican ว่าถ้าใครชนะการเลือกตั้งในครั้งนี้แล้วจะมีผลกระทบอย่างไรต่อเศรษฐกิจไทยเป็นส่วนใหญ่ แต่กลับไม่ได้ให้ความสนใจกับนโยบายที่ทั้งสองพรรคการเมืองใช้ในการหาเสียง
หลังการเลือกตั้งสิ้นสุดลง Obama ก็ได้รับเลือกให้เป็นประธานาธิบดีของอเมริกาเป็นสมัยที่สอง แต่อะไรที่เป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ Obama ชนะการเลือกตั้งในครั้งนี้ได้
สาเหตุสำคัญที่ทำให้ Obamaชนะการเลือกตั้งในครั้งนี้ก็มีอยู่หลายสาเหตุด้วยกัน แต่สาเหตุหนึ่งที่ปฏิเสธไม่ได้เลยทีเดียวก็คือ ผู้หญิง
หลังจากที่พรรค Democrat พ่ายแพ้ให้กับพรรค Republican จากการลงคะแนนของผู้ที่มีสิทธิ์เลือกตั้งที่เป็นผู้หญิงในการเลือกตั้งกลางเทอม (Mid-term election) เมื่อปี 2010 นอกจากนี้ตัวแทนที่เป็นผู้หญิงของพรรค Republican ยังสามารถชนะการเลือกตั้งในครั้งนี้เป็นจำนวนมาก ทำให้พรรค Democrat ต้องหันมาให้ความสนใจในการได้คะแนนเสียงจากผู้หญิง ดังนั้นการเลือกตั้งในครั้งนี้พรรค Democrat จึงให้ความสำคัญกับกลุ่มผู้หญิงที่มีสิทธิ์ลงคะแนนเลือกตั้งมาเป็นอันดับแรก
เพราะต้องการแก้เกมจากการแพ้คะแนนเสียงจากกลุ่มผู้หญิงในการเลือกตั้งกลางเทอมครั้งที่แล้ว ทำให้นโยบายต่างๆ ของ Obama ที่ออกมาส่วนใหญ่เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับผู้หญิง ไม่ว่าจะเป็นนโยบายด้านประกันสุขภาพ การทำแท้ง การข่มขืน ความรุนแรงต่อผู้หญิง และความเท่าเทียมกันระหว่างชายหญิงในที่ทำงาน
ด้วยนโยบายต่างๆ เหล่านี้ทำให้ผู้หญิงกลายเป็นกลุ่มผู้สนับสนุนหลักของObama จนสามารถเอาชนะคู่แข่งอย่าง Romney จากพรรค Republican ไปได้ และผู้หญิงก็ยังได้รับเลือกให้เข้าไปเป็นตัวแทนในสภาคองเกรสเป็นจำนวนมากที่สุดในหน้าประวัติศาสตร์การเมืองของอเมริกาอีกด้วย โดยประกอบไปด้วยวุฒิสภาหญิง 20 คน และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหญิงอีก 77 คน
อย่างเช่น วุฒิสภาหญิง Tammy Baldwin จากวิสคอนซิน ที่เป็นวุฒิสภาหญิงคนแรกที่ออกมาเปิดเผยว่าเธอรักเพศเดียวกัน หรือวุฒิสภาหญิงที่มีเชื้อสายเอเชียนอเมริกันคนแรก Mazie Hirono จากฮาวาย และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหญิง Tammy Duckworth จากอิลลินอยส์ ที่เป็นทหารผ่านศึกหญิงคนแรกที่ได้รับบาดเจ็บจากสงครามอิรัก หรือที่คนไทยส่วนใหญ่รู้จักเธอในฐานะที่เป็นชาวอเมริกันเชื้อสายไทยที่ได้รับเลือกตั้งให้เข้าไปทำงานที่สภาคองเกรส เป็นต้น
ทำไมผู้หญิงถึงกลายเป็นตัวแปรสำคัญในการเลือกตั้งครั้งนี้ ก็เพราะในการเลือกตั้งครั้งนี้ Obama ได้นำเสนอนโยบายที่เกี่ยวกับผู้หญิงและเอื้อประโยชน์ให้กับผู้หญิง ในขณะที่ Romney มีมุมมองที่เกี่ยวกับนโยบายเหล่านี้ในทางตรงกันข้าม ถึงขนาดที่สื่อต่างๆ ในอเมริกาเรียกนโยบายนี้ว่า สงครามของพรรค Republican ต่อผู้หญิง (The Republican war on women)
นโยบายของพรรค Republican ที่ต่อต้านผู้หญิง มีหลักๆ อยู่ด้วยกัน 4 ด้านคือ
1) เรื่องการทำแท้ง พรรค Republican ได้ออกมาแสดงจุดยืนที่ชัดเจนว่า จะไม่อนุญาตให้มารดาที่ตั้งครรภ์มากกว่า 20 สัปดาห์ทำแท้งได้ ซึ่งการไม่อนุญาตให้หมอทำแท้งให้นี้จะส่งผลให้ผู้หญิงตัดสินใจได้ยากมากขึ้น เพราะถ้าต้องการที่จะทำแท้งจะต้องทำก่อนครบ 20 สัปดาห์ ซึ่งในบางครั้งระยะเวลาในการตั้งครรภ์นี้ยังไม่สามารถบอกได้ว่าทารกที่อยู่ในครรภ์มีอะไรผิดปกติหรือไม่ หรือการตั้งครรภ์ครั้งนี้อาจส่งผลกระทบถึงชีวิตของมารดา นอกจากนี้ Republican ยังได้พูดชัดเจนอีกว่า แม้จะเป็นกรณีการถูกข่มขืน ความผิดปกติของทารกในครรภ์ และรวมไปถึงสุขภาพของมารดา ก็ไม่สามารถนำมาเป็นข้อยกเว้นในการขอทำแท้งสำหรับอายุครรภ์ที่เกิน 20 สัปดาห์ได้ ซึ่งกฎหมายนี้ได้เริ่มใช้แล้วใน 8 รัฐ เช่น รัฐ โคลัมเบียและแอริโซนา เป็นต้น
นอกจากนี้ระหว่างการหาเสียง หนึ่งในผู้สมัครของพรรค Republican ในรัฐอินเดียนาได้ออกมาพูดระหว่างการหาเสียงว่า ถ้าหากผู้หญิงโดนข่มขืนแล้วเกิดการตั้งครรภ์ขึ้นมา การตั้งครรภ์นี้ถือว่าเป็นการตั้งครรภ์ที่พระเจ้าประทานมาให้ ดังนั้นผู้หญิงที่ตั้งท้องจากการข่มขืนแล้วมีอายุครรภ์มากกว่า 20 สัปดาห์จึงไม่ได้รับการยกเว้นเป็นกรณีพิเศษให้ทำแท้งได้
2) เรื่องการประกันสุขภาพ พรรค Republican โดยเฉพาะที่รัฐแอริโซนา ได้มีการลดงบประมาณด้านสาธารณสุข ในเรื่องการทำแท้ง การวางแผนครอบครัว และการตรวจหามะเร็ง และบริการในด้านต่างๆ ที่ส่วนใหญ่มีไว้บริการสำหรับผู้หญิงที่มีฐานะยากจน ที่รัฐบาลแอริโซนาจะเป็นผู้จ่ายให้กับโรงพยาบาลต่างๆ การตัดสินใจลดเงินงบประมาณในส่วนนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านการวางแผนครอบครัวนั้น ถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะเรื่องนี้ยังครอบคลุมไปถึงเรื่องการคุมกำเนิด และการป้องกันการตั้งครรภ์เมื่อยังไม่พร้อมอีกด้วย
เรื่องนี้ถือได้ว่าเป็นเรื่องที่ทั้งสองพรรคการเมืองมีความเห็นตรงข้ามกันอย่างสิ้นเชิง เพราะฝั่ง Democrat มีความเห็นว่า เรื่องการวางแผนครอบครัวเป็นเรื่องที่สำคัญ ดังนั้นเมื่อวันที่ 1 สิงหาคมที่ผ่านมา นโยบาย Affordable Care Act ของรัฐบาล Obama จึงได้ประกาศใช้ในอเมริกา โดยใจความสำคัญของนโยบายนี้คือ ผู้หญิงสามารถไปหาหมอและขอรับคำปรึกษาในเรื่องการวางแผนครอบครัวฟรี ไม่ว่าจะเป็นการตรวจเช็กร่างกาย ยาคุมกำเนิด หรือแม้กระทั่งการตรวจเลือดเพื่อเช็ก HIV ซึ่งรัฐบาลมองว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ เพราะผู้หญิงส่วนใหญ่ไม่ต้องการที่จะเสียเงินไปกับการไปหาหมอเพื่อวางแผนครอบครัว พวกเธอคิดว่าเอาเงินส่วนนี้ไปใช้สำหรับค่าใช้จ่ายในบ้านยังดีกว่าการไปหาหมอ ดังนั้นผู้หญิงหลายๆคนจึงพลาดโอกาสสำคัญในการตรวจร่างกาย โดยเฉพาะการตรวจมะเร็งเต้านม และมะเร็งปากมดลูก ที่มีผู้หญิงเสียชีวิตจากโรคนี้เป็นจำนวนมาก ในขณะที่พรรค Republican นั้นไม่เห็นด้วยกับนโยบายนี้ และต้องการให้ยกเลิกนโยบายนี้โดยเฉพาะเรื่องการให้บริการคุมกำเนิดฟรี
นอกจากนี้ในระหว่างการหาเสียง พรรค Democrat โดยเฉพาะ Obama ได้ออกมาพูดเกี่ยวกับเรื่องการประกันสุขภาพว่า ตัวเขาเองนั้นไม่คิดว่า นักการเมืองคนใดในวอชิงตัน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นผู้ชาย ควรได้รับสิทธิ์ที่จะตัดสินใจในเรื่องของประกันสุขภาพสำหรับผู้หญิง ผู้หญิงสามารถที่จะตัดสินใจในเรื่องเหล่านี้ด้วยตัวของพวกเธอเอง ดังนั้นในการเลือกตั้งครั้งนี้ พรรค Democrat ได้ส่งผู้หญิงเข้าเป็นตัวแทนในการเลือกตั้งในหลายๆ รัฐด้วยกัน ในขณะที่ฝ่าย Republican กลับออกมาพูดว่า ผู้ชายควรจะเป็นคนตัดสินใจในเรื่องนี้สำหรับผู้หญิง
3) เรื่องการได้รับเงินเดือนที่เท่ากันระหว่างผู้หญิงและผู้ชาย ก่อนที่จะมีการเลือกตั้งในครั้งนี้ Obama ได้เสนอกฎหมาย The Paycheck Fairness Act หรือกฎหมายที่ส่งเสริมความเสมอภาคระหว่างชายหญิงในการได้รับเงินเดือนจากการทำงานที่เท่ากัน ก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนว่า ปัจจุบันผู้หญิงที่ทำงานเดียวกันกับผู้ชายหรือมีตำแหน่งเดียวกันกับผู้ชายจะได้รับเงินเดือนน้อยกว่า กล่าวง่ายๆ คือ ถ้าผู้ชายทำงานได้หนึ่งดอลลาร์ต่อชั่วโมง ผู้หญิงก็ได้เงินแค่ 77 เซ็นต์ต่อชั่วโมง ดังนั้นในการผ่านกฎหมายนี้ก็เพื่อที่จะการันตีว่าผู้หญิงจะได้รับเงินเดือนเท่ากับผู้ชายที่ทำงานแบบเดียวกัน หรือถ้าหากผู้หญิงได้รับเงินเดือนที่น้อยกว่าก็สามารถไปเรียกร้องที่หน่วยงานที่รับผิดชอบเรื่องนี้ได้ และถ้าหากตรวจสอบแล้วพบว่า ผู้หญิงได้รับเงินเดือนน้อยกว่าจริงก็จะได้รับเงินชดเชยจากบริษัท
แต่กฎหมายนี้ได้ถูกปฏิเสธจากวุฒิสมาชิกของพรรค Republican ที่รวมตัวกันไม่ให้กฎหมายนี้ผ่าน โดยให้คำอธิบายเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า นโยบายนี้ไม่น่าจะสามารถแก้ปัญหาเรื่องนี้ได้ ดังนั้น พรรค Republican จึงมีมติไม่ให้กฎหมายนี้ผ่าน การปฏิเสธในครั้งนี้ทำให้ประชาชนโดยเฉพาะผู้หญิง มองว่าพรรค Republican ไม่สนับสนุนและให้โอกาสผู้หญิงให้ได้รับสิทธิที่เท่าเทียมกับผู้ชายในที่ทำงาน โดยเฉพาะเรื่องช่องว่างของรายได้ระหว่างชายหญิง
4) เรื่องความรุนแรงต่อผู้หญิง ก่อนการเลือกตั้งครั้งนี้จะเกิดขึ้น รัฐบาล Obama ได้เคยเสนอให้แก้ไขกฎหมายความรุนแรงต่อผู้หญิง ซึ่งในกฎหมายนี้ไม่ได้ครอบคลุมไปถึงคนที่รักเพศเดียวกัน นักเรียน คนที่อพยพมาอยู่ที่อเมริกา หรือผู้หญิงที่ต้องพึ่งพาสามีของตัวเอง เพราะไม่สามารถเลี้ยงดูตัวเองได้ ในการเสนอให้มีการแก้ไขกฎหมายในครั้งนี้ พรรค Republican ก็ยกมือไม่เห็นด้วยเช่นกัน
ในระหว่างการอภิปรายหาเสียงเลือกตั้งที่รัฐฟลอริดาระหว่าง Bill Nelson จากพรรค Democrat และ Connie Mack ตัวแทนจากพรรค Republican ซึ่งเป็นหนึ่งในวุฒิสภาที่ยกมือไม่เห็นด้วยในการแก้ไขกฎหมายความรุนแรงต่อผู้หญิง ได้ถูกถามคำถามเกี่ยวกับเรื่องการแก้ไขกฎหมาย แต่ปรากฏว่า Mack ได้เปลี่ยนไปพูดถึงเรื่องของเศรษฐกิจแทน นอกจากนี้ Mack ยังคงมีทีท่าลังเลอย่างเห็นได้ชัดเจนในการที่จะให้สัญญาว่าจะสนับสนุนการแก้ไขกฎหมายความรุนแรงต่อผู้หญิงในอนาคต เรื่องนี้ทำให้พรรค Republican ถูกมองว่าเป็นพรรคที่ไม่สนับสนุนนโยบายที่เกี่ยวกับผู้หญิงมากยิ่งขึ้น
ดังนั้น การที่พรรค Republican แสดงให้เห็นว่าพรรคมีจุดยืนที่ไม่สนับสนุนนโยบายที่เกี่ยวข้องกับผู้หญิง ในขณะที่พรรค Democrat สนับสนุนนโยบายและออกกฎหมายที่เอื้อประโยชน์ให้กับผู้หญิงในด้านต่างๆ ทำให้ผู้หญิงที่มีสิทธิ์ลงคะแนนเลือกตั้งได้ต่างก็เทใจให้กับ Obama
การเลือกตั้งครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า นโยบายที่แต่ละพรรคนำออกมาหาเสียงนั้นมีความสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่ Obama นำเสนอนโยบายที่เกี่ยวข้องกับผู้หญิง เนื่องจากทุกวันนี้ผู้หญิงเริ่มมีบทบาทมากขึ้นในสังคม และการที่มีนโยบายออกมาเพื่อให้ผู้หญิงได้รับสิทธิที่ดีขึ้นในสังคม จึงไม่เป็นที่น่าแปลกใจสักเท่าไหร่ที่ผู้หญิงส่วนใหญ่จะพร้อมใจกันเลือก Obama เป็นประธานาธิบดีต่ออีกหนึ่งสมัย
เรื่อง ศศิภัทรา ศิริวาโท