พบทางสู่ความสงบ… ชีวิตชุลมุนนัก

 

 

ท่ามกลางความวุ่นวายในชีวิตประจำวัน ดูเหมือนการแสวงหาความสงบจะทำได้ไม่ง่ายนัก

 

อย่างไรก็ตาม นิตยสาร GoodHealth แนะนำว่า ถ้าคุณรู้สึกถึงระดับความเครียดที่พุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ ลองเลือกปฏิบัติตามวิธีต่อไปนี้ดูสักหนึ่งวิธี คุณจะพบกับความสงบได้ไม่ยาก

 

ปัจจุบันการระบายสีรูปภาพไม่ได้เป็นกิจกรรมสำหรับเด็กโดยเฉพาะอีกต่อไป ผู้ใหญ่จำนวนมากหันมาขอยืมกิจกรรมนี้ทำบ้างเพื่อคลายเครียดนั่นเอง

 

ลีนนี ฮอลล์ นักจิตวิทยาคลินิกและผู้บรรยายวิชาการแพทย์วิถีธรรมชาติ อธิบายว่า “การระบายสีรูปภาพทำให้รู้สึกผ่อนคลาย เพราะฝึกให้เรามีสมาธิจดจ่อกับกิจกรรมที่กำลังทำ ทำให้สมองของคุณไม่มีที่ว่างสำหรับความคิดที่ทำให้เครียด”

 

เคท เจมส์ ผู้ฝึกสอนอีกคนหนึ่งเสริมว่า

 

“การมีสมาธิคือการที่จิตใจของคุณจดจ่ออยู่กับภาวะปัจจุบัน และไม่มีอะไรช่วยให้คุณทำอย่างนี้ได้ดีไปกว่าการทำกิจกรรมเชิงสร้างสรรค์”

 

นอกเหนือจากอุปกรณ์ราคาถูก คือดินสอสีและสมุดภาพสำหรับระบายสีแล้ว ฮอลล์แนะนำให้เพิ่มองค์ประกอบในการช่วยสร้างความผ่อนคลายอีกเล็กน้อย ด้วยการอยู่ให้ห่างจากสิ่งที่มีส่วนในการทำลายสมาธิ เช่น โทรทัศน์ หรือคอมพิวเตอร์ และเสริมบรรยากาศด้วยการเปิดเพลงคลอเบาๆ และจุดเทียนหอมกลิ่นที่คุณชื่นชอบเป็นพิเศษ

 

จัสติน มิทเชลล์ เจ้าของบริษัท JM Stand Up Paddle Company กล่าวว่า “Stand Up Paddling (SUP) ช่วยให้ผ่อนคลายได้มาก และคุณมักพบตัวเองหลุดพ้นในลักษณะเดียวกันกับการนั่งสมาธิ”

 

Stand Up Paddling (SUP) เป็นกีฬาทางน้ำที่มีถิ่นกำเนิดในฮาวาย เป็นหนึ่งในวิธีเล่นเซิร์ฟที่ได้รับความนิยมมากในออสเตรเลีย โดยผู้เล่นยืนทรงตัวบนแผ่นเซิร์ฟบอร์ด และใช้ไม้พายเรือพายเพื่อการเคลื่อนที่ไปบนผืนน้ำ

 

มิทเชลล์เสริมอีกว่า “แค่เพียงได้ยืนทรงตัวบนผืนน้ำ สามารถทำให้คุณลืมความวิตกกังวลหรือความกลัดกลุ้มที่เผชิญในชีวิตประจำวันได้ทั้งหมด”

 

การออกกำลังกายช่วยสร้างความสงบ และ SUP ก็เหมาะมาก เพราะไม่ทำให้ร่างกายต้องหักโหมมากเกินไป ดังที่ฮอลล์อธิบายว่า “ขณะออกกำลังกาย ร่างกายหลั่งสารเคมีแห่งความสุขอย่างเซโรโทนินและโดปามีนออกมา ซึ่งสารสื่อประสาทเหล่านี้ไม่เพียงทำให้อารมณ์ดีขึ้นและทำให้รู้สึกดีขึ้น แต่ยังทำหน้าที่ต่อต้านผลที่เกิดจากสารคอร์ติซอลซึ่งเป็นฮอร์โมนความเครียดด้วย”

 

เพื่อให้แน่ใจว่าจะได้ผลตามที่ตั้งใจ แนะนำให้เลือกเงื่อนไขที่เอื้อต่อการสร้างความสุขสงบในจิตใจมาช่วยเสริม เช่น เลือกวันที่คลื่นลมสงบ ทำให้ผืนน้ำค่อนข้างราบเรียบง่ายต่อการทรงตัวและพายไปเรื่อยๆ แนวคิดหลักคือ การหลอมรวมตนเองให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกับสิ่งที่กำลังทำ ไม่หมกมุ่นกับตัวเอง

 

เป็นที่ยอมรับกันมานานแล้วว่า การอยู่ในสภาพแวดล้อมของธรรมชาติเป็นหนทางแสวงหาความสงบได้ดีที่สุด ซึ่ง ลารา แชนนอน ผู้ก่อตั้ง Ecochick Adventures กล่าวว่า “ในฐานะที่เป็นมนุษย์ เรามียีนส์ค้นหาสิ่งที่เป็นธรรมชาติติดตัวมา เช่น ความสนใจในต้นไม้ น้ำ และพืช และเราถูกดึงดูดความสนใจโดยอัตโนมัติไปยังสภาพแวดล้อมของธรรมชาติด้วย”

 

เธอยังเสริมว่า “จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกที่สมอง ระบบประสาท และระบบภูมิคุ้มกันของเราจะได้รับผลดีจากการออกไปอยู่กลางแจ้ง เรามีสัมผัสต่อทัศนียภาพที่สวยงามที่ได้รับรู้และมองเห็น ขณะเดียวกัน สัมผัสทางกลิ่นของเราก็ไวต่อกลิ่นหอมหวานที่ทั้งสดชื่นและมีชีวิตชีวา ทั้งหมดนี้ช่วยสร้างสภาวะแห่งความสงบได้เป็นอย่างดี”

 

ข้อดีของการกลับคืนสู่ธรรมชาติคือ คุณสามารถทำได้ในทุกหนแห่งที่มีต้นไม้ ต้นหญ้า ดอกไม้ แม่น้ำ หรือสวนสาธารณะอยู่ใกล้ๆ แค่เพียงได้เดินรอบสวนสาธารณะก็ถือว่าเพียงพอแล้ว ที่ทำให้คุณรู้สึกว่าได้รับประโยชน์ทั้งทางร่างกายและจิตใจจากการอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ ที่สำคัญการทำให้จิตใจสงบนั้นแสนง่าย เพียงล้มตัวลงนอนบนพื้นหญ้าอ่อนนุ่ม แล้วแหงนมองขึ้นไปบนท้องฟ้า และสูดลมหายใจเข้าไปให้เต็มปอดเท่านั้น

 

ดนตรีและการเต้นรำช่วยปรับเปลี่ยนอารมณ์ได้อย่างวิเศษ ฮอลล์กล่าวว่า “การได้ทุ่มเทเวลาไปกับความต้องการทั้งด้านชีวภาพและอารมณ์ โดยไม่ต้องสนใจว่าใครคิดอย่างไรนั้น ถือว่าเป็นการได้ปลดปล่อยตัวเอง การปล่อยผมเป็นการลดความตึงเครียด และทำให้ร่างกายหลั่งสารแห่งความเครียดคอร์ติซอลน้อยลง ทำให้ฮอร์โมนแห่งความสุขเพิ่มสูงขึ้น”

 

มิทเชลล์แนะนำให้เลือกดนตรีหรือเพลงที่เหมาะกับความต้องการในเวลานั้น “ถ้ารู้สึกหดหู่ ให้เลือกเพลงเร้าใจ ที่สำคัญอย่าลืมว่า จริง ๆ แล้วคุณสามารถเต้นรำกับเพลงท่วงทำนองอ่อนหวานได้ เพียงหลับตา และอยู่กับปัจจุบันเท่านั้น คุณจะรู้สึกถึงความสงบได้ หรือเพียงนอนคุดคู้แล้วฟังเพลงท่วงทำนองเนิบนาบ หวานเย็น ก็ช่วยให้จิตใจกระชุ่มกระชวยขึ้นได้”

 

“การทำสวนช่วยสร้างความตระหนักรู้ และกำจัดความคิดที่ทำให้เครียดออกไปได้ในเวลาเดียวกัน” ฮอลล์ชี้แนะ “เราวิวัฒนาการมาจากธรรมชาติ จึงเหมาะกับกิจกรรมที่ทำให้เรารู้สึกเป็นธรรมชาติได้มากที่สุดนี้”

 

ขณะที่แชนนอนให้ความเห็นว่า “แม้คุณไม่ใช่ชาวสวนที่ดี แต่เพียงแค่เน้นการถอนวัชพืชอย่างจริงจัง ก็สามารถดึงความสนใจของคุณไปที่งาน และเบี่ยงเบนคุณให้หลุดพ้นจากความคิดซ้ำซากที่วนเวียนอยู่ในสมองได้”

 

ขณะอยู่ในสวนจึงควรให้ความสนใจกับสภาพแวดล้อมโดยรอบ ใส่ใจกับทุกรายละเอียด ไม่ว่าสีสันหรือกลิ่นหอมรอบตัว สำหรับผู้ที่ไม่มีบ้านหรือที่ดินเป็นของตนเอง แนะนำให้เข้าร่วมกิจกรรมในสวนของชุมชน ซึ่งทำให้ได้รับประโยชน์เพิ่มเติม คือคุณอาจได้เพื่อนใหม่ที่มีจิตใจคล้ายคลึงกัน