Column: Women in Wonderland
เกือบทุกประเทศในโลกนี้ยอมรับว่าการทำสุหนัตหญิงถือเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนของเด็กและผู้หญิง ซึ่งนี่ถือเป็นรูปแบบหนึ่งในการเลือกปฏิบัติต่อผู้หญิงในสังคม และยังเป็นการแสดงให้เห็นถึงความไม่เท่าเทียมกันในสังคมระหว่างผู้ชายและผู้หญิงมาเป็นเวลานาน การทำสุหนัตหญิงยังไม่ได้ช่วยให้เกิดประโยชน์ใดๆ ต่อสุขภาพของผู้หญิงและเด็ก แต่กลับทำให้เกิดอันตรายอย่างมาก การตัดอวัยวะเพศหญิงนอกจากจะทำให้เนื้อเยื่อบริเวณนั้นเสียหายแล้ว ยังทำให้ร่างกายทำงานผิดปกติอีกด้วย
การทำสุหนัตหญิงหรือการขริบอวัยวะเพศหญิง ภาษาอังกฤษใช้คำว่า Female Genital Mutilation (FGM) หรือ Female Genital Cutting (FGC) เป็นพิธีการที่โหดร้ายและป่าเถื่อนมาก
การทำสุหนัตหญิงเป็นจารีตของชนกลุ่มน้อยในประเทศแถบตะวันออกกลาง ทวีปแอฟริกา และบางประเทศในทวีปเอเชีย ซึ่งพิธีกรรมนี้เป็นวัฒนธรรมที่สืบทอดกันมายาวนานตามความเชื่อ
คนในสมัยก่อนมีความเชื่อว่า อวัยวะเพศหญิงเป็นสิ่งสกปรกและน่าเกลียด จึงควรที่จะตัดทิ้ง นอกจากนี้ผู้หญิงถือว่าเป็นสมบัติของผู้ชาย ผู้หญิงจึงไม่ควรที่จะเกิดอารมณ์ทางเพศจนต้องสำเร็จความใคร่ด้วยตัวเอง ดังนั้นการตัดต้นตอที่ไวต่อความรู้สึกทางเพศออก จะทำให้ผู้หญิงไม่มีความรู้สึกทางเพศใดๆ และยังช่วยให้ผู้หญิงเป็นภรรยาที่จงรักภักดีและอยู่ในโอวาทของสามี ในขณะเดียวกันก็จะเป็นลูกสาวที่เลี้ยงง่าย และเป็นเครื่องช่วยประกันว่าเด็กผู้หญิงคนนี้จะเป็นสาวบริสุทธิ์จนถึงวันแต่งงาน
นอกจากนี้คนโบราณยังเชื่อว่าการขริบอวัยวะเพศหญิงจะช่วยให้เกิดสุขอนามัยที่ดีอีกด้วย เพราะในรุ่นของคนเป็นแม่และญาติๆ ทุกคนต่างก็โดนขริบอวัยวะเพศหญิงกันมาแล้วทั้งนั้น เลยทำให้พวกเขายิ่งเชื่อว่า การขริบอวัยวะเพศหญิงนั้นเป็นเรื่องที่ดี และต้องการสนับสนุนให้ลูกของตัวเองผ่านพิธีการขริบอวัยวะเพศหญิงเช่นเดียวกัน
การทำสุหนัตหญิง คือการตัดอวัยวะเพศหญิงบางส่วนหรือทั้งหมดออก ซึ่งการตัดออกนี้ไม่ได้ช่วยให้ผู้หญิงและเด็กมีสุขอนามัยที่ดีขึ้นเลย องค์การอนามัยโลกได้แบ่งการขริบอวัยวะเพศหญิงออกเป็น 4 ประเภทด้วยกันคือ (1) ตัดเฉพาะบางส่วนหรือทั้งหมดของคลิตอริส (2) ตัดเฉพาะบางส่วนหรือทั้งหมดของคลิตอริสและแคมเล็ก (3) ตัดเฉพาะบางส่วนหรือทั้งหมดของคลิตอริส แคมเล็ก และแคมใหญ่ (4) นอกจากตัดออกแล้ว ยังเย็บปิดช่องคลอดบางส่วนด้วย ให้เหลือเพียงแค่ช่องเล็กๆ สำหรับประจำเดือนและปัสสาวะเท่านั้น
การทำสุหนัตหญิงจะเริ่มทำให้ตั้งแต่เด็กผู้หญิงมีอายุเพียงแค่ไม่กี่อาทิตย์ หรือทำตอนอายุ 5 ขวบ หรือทำก่อนที่จะเข้าสู่วัยรุ่น ในการทำสุหนัตหญิงนั้น คนที่ทำส่วนใหญ่จะเป็นหมอพื้นบ้านของคนในท้องที่นั้นๆ โดยใช้ใบมีดโกนที่ไม่ผ่านการฆ่าเชื้อตัดกันสดๆ เป็นส่วนใหญ่ หรืออาจจะมีการใช้ยาชาบ้างแต่มีอยู่น้อยมากๆ
การขริบอวัยวะเพศหญิงด้วยวิธีข้างต้นมีความเสี่ยงค่อนข้างสูง เพราะเด็กผู้หญิงที่โดนตัดอวัยวะเพศอาจจะมีอาการตกเลือด (เลือดไหลไม่หยุดข้างใน) เกิดอาการช็อกจากการเจ็บปวดอย่างมาก บาดแผลอาจจะติดเชื้อได้ และอาจจะทำให้ติดเชื้อเอชไอวีหรือเชื้อไวรัสอื่นๆ และสุดท้ายอาจจะเสียชีวิตได้
สาเหตุหลักๆ ที่ยังทำให้มีการทำสุหนัตหญิงอยู่ในทุกวันนี้ก็เพราะยังมีอีกหลายคนที่เข้าใจผิดว่า การทำสุหนัตหญิงนั้นเป็นข้อกำหนดของศาสนาอิสลาม ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริงนั้นในคัมภีร์อัลกุรอานไม่ได้มีการระบุไว้หรือพูดถึงการทำสุหนัตหญิงเลยแม้แต่น้อย
เรื่องการขริบอวัยวะเพศหญิงนี้กลายเป็นประเด็นที่ทั่วโลกให้ความสนใจขึ้นมาเมื่อมีเหตุการณ์ Arab Spring เกิดขึ้นที่ประเทศตูนิเซียในปี 2010 และขยายไปยังประเทศอื่นๆ อย่างเช่นอียิปต์ ลิเบีย ซีเรีย อิรัก ซูดาน และเยเมน เป็นต้น
ที่ประเทศอียิปต์ระหว่างปี 2011–2014 มีผู้หญิงเป็นจำนวนมากออกมาต่อสู้เพื่อเรียกร้องสิทธิของผู้หญิงให้มีมากขึ้นในสังคม และในช่วงเวลานี้เองที่พวกเธอเหล่านี้ถูกข่มขืนจากกลุ่มผู้ชายที่ออกมาชุมนุม
ในช่วงเวลา 4 ปีที่มีการชุมนุม มีผู้หญิงไม่ต่ำกว่า 500 คนที่ถูกข่มขืน และมีผู้หญิงอีกเป็นจำนวนมากที่ถูกล่วงละเมิดทางเพศในลักษณะต่างๆ ในขณะเดียวกันผู้หญิงบางส่วนที่ออกมาร่วมชุมนุมก็ถูกจับไปโดยฝั่งรัฐบาลและถูกบังคับให้ทดสอบความเป็นสาวบริสุทธิ์ (Virginity Test)
ผู้หญิงที่ออกมาชุมนุมได้เปิดเผยว่า พวกเธอได้รับการปฏิบัติเหมือนกับคนชนชั้นสองภายในบ้าน พวกเธอมักจะถูกสามีตบตีและทำร้ายร่างกาย และที่แย่กว่านั้นคือ พวกเธอถูกสามีบังคับขืนใจให้มีเพศสัมพันธ์ด้วยเมื่อพวกเธอไม่เต็มใจที่จะหลับนอนด้วย และเด็กผู้หญิงก็ยังถูกคนในครอบครัวบังคับให้ทำสุหนัตหญิงอีกด้วย
หลังจากเรื่องนี้ได้รับความสนใจจากผู้คนทั่วโลกเมื่อกลางปีที่แล้ว องค์การยูนิเซฟ (UNICEF) ได้เปิดเผยข้อมูลรายงานเกี่ยวกับการทำสุหนัตหญิงเมื่อกลางเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
ในรายงานกล่าวว่า มีเด็กและผู้หญิงที่ตกเป็นเหยื่อของการทำสุหนัตหญิงเป็นจำนวนมาก มีผู้หญิงและเด็กมากกว่า 70 ล้านคนที่ทำสุหนัตหญิง ในจำนวนนี้ 44 ล้านคนของเด็กและผู้หญิงที่ตกเป็นเหยื่อจะถูกทำสุหนัตหญิงตอนอายุ 14 ปีหรือน้อยกว่านี้ และทุกวันนี้มีผู้หญิงและเด็กมากกว่า 200 ล้านคนที่เคยผ่านการทำสุหนัตหญิงมาแล้ว
ผู้หญิงและเด็กส่วนใหญ่ที่ถูกขริบอวัยวะเพศจะอาศัยอยู่ในประเทศอียิปต์ เอธิโอเปีย และอินโดนีเซีย อย่างที่อินโดนีเซีย ถึงแม้ว่าการทำสุหนัตหญิงจะกลายเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมายตั้งแต่ปี 2006 แต่ทุกวันนี้ก็ยังมีคนบางกลุ่มที่อาศัยอยู่ในเขตชนบทยังทำสุหนัตหญิงกันอยู่
องค์การยูนิเซฟยังได้รายงานเพิ่มเติมว่า มีผู้หญิงและเด็กจำนวนมากที่อาศัยอยู่ในประเทศโซมาเลีย กินี จิบูตี และเซียร์ราลีโอน ถูกทำสุหนัตหญิงแบบที่มีการตัดทั้งหมดของคลิตอริสและเย็บช่องคลอดบางส่วนด้วย อย่างที่ประเทศโซมาเลีย ผู้หญิงและเด็กมากกว่า 98% ของประเทศนี้จะถูกทำสุหนัตหญิงในแบบนี้ และส่วนใหญ่จะถูกทำสุหนัตก่อนอายุ 5 ปี ในขณะที่ในประเทศเยเมน เด็กผู้หญิงมากกว่า 85% จะต้องทำสุหนัตหญิงตั้งแต่อาทิตย์แรกที่พวกเธอเกิดมาเลย
องค์การยูนิเซฟเปิดเผยว่าตัวเลขที่กล่าวมาข้างต้นนี้มาจาก 30 ประเทศที่ยังมีการทำสุหนัตหญิงและยังมีการเก็บข้อมูลสถิติในเรื่องนี้จากการสำรวจข้อมูลพื้นฐานของครัวเรือน แต่ก็ยังคงมีอีกหลายประเทศ อย่างเช่นประเทศอินเดีย มาเลเซีย โอมาน ซาอุดีอาระเบีย และอาหรับเอมิเรตส์ เป็นต้น ที่ยังคงมีการทำสุหนัตหญิงอยู่ แต่ไม่มีการเก็บข้อมูลใดๆ ทั้งสิ้น หรืออย่างบางพื้นที่ในทวีปออสเตรเลีย ทวีปอเมริกาเหนือ และทวีปยุโรป จะมีผู้คนที่อพยพจากประเทศที่ยังคงมีการทำสุหนัตหญิงย้ายเข้าไปอยู่ในทวีปเหล่านี้เป็นจำนวนมาก และในทวีปเหล่านี้ก็ไม่มีการเก็บข้อมูลเกี่ยวกับการทำสุหนัตหญิงเลย
ในขณะเดียวกันองค์การยูนิเซฟก็ได้เปิดเผยเพิ่มเติมว่า มีอีกหลายประเทศที่จำนวนผู้หญิงและเด็กในการทำสุหนัตหญิงลดลง อย่างเช่นเคนยาและไลบีเรีย เป็นต้น อย่างที่เคนยา จำนวนผู้หญิงและเด็กที่ทำสุหนัตหญิงลดลงจาก 38% ในปี 2008 เหลือเพียงแค่ 21% ในปี 2014 และจำนวนเด็กหญิงที่ทำสุหนัตหญิงตั้งแต่อายุ 14 ปีลงมา ก็เหลือเพียง 11% เท่านั้น
สาเหตุที่ทำให้เคนยาสามารถลดจำนวนผู้หญิงและเด็กที่ทำสุหนัตหญิงลงได้ก็เพราะในปี 2011 รัฐบาลเคนยาประกาศว่า การทำสุหนัตหญิงถือเป็นเรื่องผิดกฎหมายในเคนยา
และต่อมาในปี 2013 รัฐบาลเคนยาได้มีการจัดตั้งคณะกรรมการขึ้นมาดูแลเรื่องนี้โดยเฉพาะ แต่ก็ไม่สามารถที่จะปฏิเสธได้ว่ายังคงมีคนบางกลุ่มที่อาศัยอยู่ในชนบท และไม่ได้สนใจหรือรับรู้เกี่ยวกับกฎหมายและบทลงโทษของรัฐบาล ดังนั้นคนเหล่านี้จึงยังคงทำสุหนัตหญิงกันอยู่
และเมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว มีนักเรียนหญิงที่กำลังศึกษาอยู่ในระดับประถมศึกษามากกว่า 1,000 คนต้องเสียชีวิตหลังจากที่ทำสุหนัตหญิงแบบที่มีการตัดทั้งหมดของคลิตอริสและเย็บช่องคลอดบางส่วน ซึ่งเรื่องนี้ทำให้รัฐบาลเคนยาตื่นตัวมากขึ้นในการลดจำนวนผู้หญิงและเด็กที่ทำสุหนัต ด้วยการประกาศให้ผู้คนในชนบทรับรู้เกี่ยวกับกฎหมายมากขึ้น และมีบทลงโทษสำหรับผู้ที่ฝ่าฝืนรุนแรงขึ้น
นอกจากนี้หลายองค์กรทั้งในและต่างประเทศได้ให้ความเห็นเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า นอกจากการที่รัฐบาลจะออกกฎหมายห้ามแล้ว รัฐบาลควรสนับสนุนให้หมอในโรงพยาบาลหรือตามสถานีอนามัย มีความรู้เกี่ยวกับกฎหมายเรื่องห้ามทำสุหนัตหญิง และการดูแลรักษาเยียวยาจิตใจของผู้หญิงและเด็กที่ผ่านการทำสุหนัตหญิงมา
และสำหรับประเทศที่การทำสุหนัตหญิงไม่ใช่เรื่องผิดกฎหมายนั้น หมอควรจะให้ความรู้เกี่ยวกับการทำสุหนัตหญิงที่ถูกวิธีและมีความปลอดภัยแก่ผู้ปกครองที่ต้องการให้บุตรหลานทำสุหนัต ขณะเดียวกันหมอควรจะเป็นผู้รับทำสุหนัตหญิงทั้งในโรงพยาบาลและที่บ้านถ้าหากมีเครื่องมือพร้อม เพื่อเป็นการลดอัตราการเสียชีวิต และเมื่อหมอเป็นคนทำก็จะไม่ทำให้การทำสุหนัตหญิงนั้นไปทำลายเนื้อเยื่อๆ ต่างบริเวณใกล้เคียง และคนที่ทำก็ไม่ต้องเผชิญความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสกับการทำสุหนัตหญิงโดยที่ไม่มียาชาและใช้เพียงแค่ใบมีดโกน
ถ้าหากทุกประเทศที่ยังคงมีจารีตการทำสุหนัตหญิงได้ตระหนักถึงเรื่องนี้อย่างจริงจัง ก็จะทำให้จำนวนผู้หญิงและเด็กผู้หญิงที่ทำสุหนัตลดลงได้ เพียงแต่รัฐบาลของประเทศนั้นต้องใส่ใจในการแก้ปัญหาเรื่องนี้จริงจังเหมือนรัฐบาลประเทศเคนยา ที่แม้จะไม่ประสบความสำเร็จในทันที แต่ก็มีความก้าวหน้าให้เห็น และในที่สุดจารีตนี้ก็จะหายไปจากสังคม
Photo Credit: https://pixabay.com/en/stop-fear-violence-against-women-1131142/)