“IVF” เทรดตลาด mai วันแรก! มั่นใจศักยภาพธุรกิจเติบโต พร้อมก้าวสู่ “ศูนย์รักษาผู้มีบุตรยากด้วยมาตรฐานสากล” ของไทย-เอเชีย
บริษัท อินสไปร์ ไอวีเอฟ จำกัด (มหาชน) หรือ “IVF” เริ่มต้นการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) วันแรกในกลุ่มอุตสาหกรรมบริการ (SERVICE) มั่นใจในศักยภาพธุรกิจเติบโต รับดีมานด์ของอุตสาหกรรมรักษาผู้มีบุตรยาก พร้อมขยายธุรกิจสู่การเป็นศูนย์รักษาผู้มีบุตรยากมาตรฐานสากลระดับแนวหน้าของประเทศไทยและเอเชีย เพื่อเสริมความแข็งแกร่งทางการเงินและตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าทั้งในประเทศ-ต่างประเทศ
นางสาวเกศิณี กุลดิลก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อินสไปร์ ไอวีเอฟ จำกัด (มหาชน) หรือ “IVF” เปิดเผยว่า “การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai ถือเป็นก้าวสำคัญของบริษัทฯ ที่จะช่วยเสริมศักยภาพทางธุรกิจและขยายโอกาสในการเติบโตในระยะยาว เงินระดมทุนจำนวน 304 ล้านบาท จะนำไปใช้ในการขยายสาขาทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้อง เช่น ธุรกิจดูแลสุขภาพ (Wellness) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการและโอกาสสร้างรายได้และกำไรอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทฯ มีแผนขยายบริการเพื่อตอบสนองกลุ่มลูกค้าหลักที่กว่า 80-90% เป็นชาวต่างชาติ ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีความต้องการบริการด้านการรักษาภาวะมีบุตรยากสูง โดย IVF ให้บริการ ตั้งแต่การให้คำปรึกษา วางแผนการรักษา ไปจนถึงการใช้เทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ เช่น ICSI และ IUI พร้อมทีมแพทย์และนักวิทยาศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญ
สำหรับธุรกิจของ IVF แบ่งเป็น 2 กลุ่มหลัก ได้แก่
1. การให้บริการรักษาผู้มีบุตรยาก (Fertility) ประกอบด้วยการให้บริการรักษาผู้มีบุตรยากด้วยวิธี ICSI (Intracytoplasmic Sperm Injection) และการให้บริการอื่น ๆ เช่น การตรวจความผิดปกติทางพันธุกรรมของตัวอ่อนก่อนการฝังตัว (PGT) การรักษาภาวะการเจริญพันธุ์ เป็นต้น
2. การให้บริการด้านเวชศาสตร์ป้องกันและฟื้นฟู เป็นศาสตร์การดูแลด้านสุขภาพโดยรวม(Wellness) ช่วยฟื้นฟูความเสื่อมของสุขภาพและปรับสมดุลให้กับร่างกายเพื่อให้กลไกต่าง ๆ ในร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2566
ทั้งนี้ ภายหลังการระดมทุนด้วยการเสนอขายหุ้น IPO จำนวน 130 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 3.10 บาท บริษัทฯ มีทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 220 ล้านบาท คิดเป็นมูลค่าการเสนอขายรวม 403 ล้านบาท และมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO อยู่ที่ 1,364 ล้านบาท อัตราส่วน P/E อยู่ที่ 44.93 เท่า ซึ่งสะท้อนความเชื่อมั่นของนักลงทุนในศักยภาพการเติบโต อย่างไรก็ดี บริษัทฯ ขอขอบคุณนักลงทุน ตลาดหลักทรัพย์ mai สำนักงาน ก.ล.ต. ที่ปรึกษาทางการเงิน และพันธมิตรทุกฝ่ายที่ร่วมสนับสนุนให้การระดมทุนและการเข้าจดทะเบียนครั้งนี้สำเร็จลุล่วง เรามุ่งมั่นที่จะพัฒนาบริษัทฯ อย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างการเติบโตที่แข็งแกร่งและยั่งยืน สู่การเป็น ‘ศูนย์รักษาผู้มีบุตรยากด้วยมาตรฐานสากล ระดับแนวหน้าของประเทศไทยและเอเชีย’ รองรับแนวโน้มการเติบโตของอุตสาหกรรมการรักษาภาวะมีบุตรยากและธุรกิจ Wellness ในอนาคต ซึ่งนอกจากจะเป็นการสนับสนุนศักยภาพในการขยายธุรกิจแล้ว ยังสร้างผลตอบแทนที่ดีให้แก่ผู้ถือหุ้นในระยะยาว” นางสาวเกศิณี กล่าวทิ้งท้าย