การบุกธุรกิจนอนออยล์อย่างจริงจังของ ปตท. ในช่วงหลายปีจนรั้งตำแหน่งผู้นำแซงคู่แข่ง กลายเป็นบทพิสูจน์ทั้งในแง่รายได้ กำไร และความอยู่รอด ท่ามกลางสถานการณ์ราคาน้ำมันที่ลดต่ำลงต่อเนื่อง ล่าสุด ปตท. เดินหน้าผลักดันสัดส่วนรายได้จากธุรกิจนอนออยล์เทียบกับธุรกิจค้าปลีกน้ำมัน ไม่ใช่ 50:50 แต่จะเพิ่มเป็น 60:40 ภายใน 1-2 ปีข้างหน้า
ตามแผนยุทธศาสตร์ของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) จากงบลงทุนหน่วยธุรกิจน้ำมันระยะ 5 ปี (ปี 2559-2563) ประมาณ 2 หมื่นล้านบาท จะใช้ขยายและปรับปรุงสถานีบริการน้ำมัน 8,000 ล้านบาท ธุรกิจค้าปลีก 2,000 ล้านบาท ธุรกิจก๊าซหุงต้ม (LPG) 2,500 ล้านบาท ที่เหลือ 7,500 ล้านบาท ใช้ในโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ลงทุนคลังน้ำมันและระบบท่อต่างๆ
ทั้งนี้ กลุ่มธุรกิจเสริมในสถานีบริการน้ำมันไม่ใช่น้ำมัน หรือนอนออยล์ (non-oil) ซึ่งอยู่ในกลุ่มธุรกิจค้าปลีกน้ำมันจะเน้นแผนขยายแฟรนไชส์ร้านคาเฟ่อเมซอนเพิ่มขึ้นจากปัจจุบัน 1,400 สาขา เป็น 2,100 สาขา โดยหันมาเปิดร้านคาเฟ่อเมซอนนอกปั๊มน้ำมันมากขึ้นและขยายสาขาในต่างประเทศ ซึ่งจะไปพร้อมๆ กับการขยายปั๊มน้ำมันจากปัจจุบัน 40 สาขา เพิ่มขึ้นเป็น 400 สาขาในอีก 5 ปีข้างหน้า รวมทั้งตั้งบริษัทลูกดูแลการขยายแฟรนไชส์คาเฟ่ อเมซอนในต่างประเทศเพิ่มขึ้น
ขณะเดียวกัน ปตท. เตรียมซื้อแฟรนไชส์อาหารเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันที่ซื้อมาสเตอร์แฟรนไชส์ไก่ทอด “เท็กซัส ชิคเก้น (Texas Chicken)” และแด๊ดดี้โด (Daddy Dough) มาแล้ว โดยจะขยายสาขาร้านเท็กซัส ชิคเก้น จากปัจจุบัน 2 แห่ง เป็น 40 แห่ง และแด๊ดดี้โดจาก 7 แห่ง เป็น 50 แห่ง ส่วนร้านเพิร์ลลี่ทีจะเพิ่มขึ้นจาก 180 สาขา เป็น 500 สาขาในอีก 5 ปีข้างหน้า
พัชรา อนามบุตร ผู้จัดการฝ่ายธุรกิจค้าปลีก บมจ. ปตท.กล่าวว่า ในปี 2559 ปตท. จะขยายสาขาร้านค้าในปั๊ม ปตท. ตามแนวตะเข็บจังหวัดชายแดนติดกับเพื่อนบ้าน เพื่อรองรับกับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) และพัฒนาพื้นที่ค้าปลีกให้เช่าในปั๊มมากขึ้น ทั้งปั๊มทั่วไปและปั๊มแบบพาร์ค 20 กว่าแห่ง ซึ่งขณะนี้มีปั๊ม ปตท. ทั่วประเทศประมาณ 1,200 แห่ง เป็นของบริษัท 200 กว่าแห่ง และดีลเลอร์ 1,000 แห่ง
ปัจจุบันรายได้ธุรกิจค้าปลีกกว่า 70% มาจากร้านเซเว่นอีเลฟเว่นที่ได้สิทธิ์แฟรนไชส์มากกว่า 1,000 สาขา รองลงมาคือรายได้พื้นที่เช่าและธุรกิจค้าปลีกตัวอื่นๆ โดยบริษัทกำลังศึกษาแบรนด์ร้านอาหารใหม่ๆ เพื่อเป็นแม็กเน็ตดึงความสนใจของคู่ค้า เพราะแบรนด์เท็กซัสชิคเก้นตามสัญญาจะไม่ผูกติดกับปั๊มน้ำมัน เน้นการเปิดร้านในศูนย์การค้าและคอมมูนิตี้มอลล์ สัดส่วนกว่า 80% อีก 20% จะเปิดในสถานีบริการตามจุดพักรถขนาดใหญ่
ส่วนบริษัท ปตท. บริหารธุรกิจค้าปลีก จำกัด หรือ PTTRM ซึ่ง ปตท. จัดตั้งขึ้นมาบริหารธุรกิจค้าปลีกในกลุ่มปั๊มน้ำมัน “เจ็ท” และร้านค้าสะดวกซื้อ “จิฟฟี่” หลังลุยต่อยอดจากแบรนด์ “จิฟฟี่” เพิ่มโมเดลมินิซูเปอร์มาร์เกต จิฟฟี่ ซูเปอร์เฟรชมาร์เก็ตและจิฟฟี่ พลัส ซูเปอร์มาร์เก็ต สร้างร้านอาหาร จิฟฟี่ คิทเช่น จิฟฟี่ บิสโทร สร้างแบรนด์ร้านชานมไข่มุก Prealy Tea ซึ่งซื้อลิขสิทธิ์มาจากไต้หวัน รวมทั้งจับมือกับ เค.อี. แลนด์ ชิมลางการเข้าสู่แนวรบธุรกิจคอมมูนิตี้มอลล์
ปี 2558 บริษัทลุยธุรกิจร้านสะดวกซื้อเซกเมนต์ใหม่ ภายใต้ชื่อ “จอย (Joy)” คอนเซ็ปต์คาเฟ่คอนวีเนียนสโตร์ จำหน่ายสินค้าและเพิ่มโซนร้านกาแฟคาเฟ่อเมซอน ชานมไข่มุกเพิร์ลลี่ที โซนเบเกอรี่ โซนบิวตี้ รวมถึงโซน Price Point หรือสินค้าราคาเดียวเหมือนร้านไดโซะโดยกำหนดราคาเดียว 50 บาทต่อชิ้น ซึ่งถือเป็นจุดขายที่สร้างความแตกต่างจากคอนวีเนียนสโตร์ทั่วไป เหมือนย่อคอมมูนิตี้มอลล์ขนาดเล็กลงมาให้เหมาะกับชุมชน
แม้การขยายสาขา JOY ไม่เป็นไปตามแผนเดิม เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัว ทำให้ต้องทบทวนเป้าหมายอีกครั้ง จากปัจจุบันเปิดแล้ว 4 สาขา คาดว่า ปี 2559 น่าจะเปิดเพิ่ม 30 สาขา
นอกจากนี้ ผุดรีเทลโมเดลใหม่ที่ไม่มีสถานีบริการน้ำมันอยู่ในพื้นที่ ลักษณะจุดบริการพักรถสำหรับผู้ที่เดินทางไปยังต่างจังหวัด ภายใต้ชื่อ “จีฟฟี่ เรส แอเรีย” เปิดสมรภูมิใหม่ที่คู่แข่งทั้งบางจากและพีทีเร่งเปิดตัวตามด้วย
ปลายปี 2558 PTTRM ฉีกแนวคู่แข่งในธุรกิจน้ำมัน เผยโฉม “ร้านก๋วยเตี๋ยวเรือ ใจดี” จับพฤติกรรมผู้บริโภคในยุคปัจจุบันที่ต้องการความรวดเร็ว อาหารปรุงสดใหม่ และเป็นอาหารคู่คนไทยมานาน สามารถเจาะลูกค้าทุกกลุ่ม
จักรกฤช จารุจินดา กรรมการผู้จัดการ PTTRM กล่าวว่า ปตท. เห็นโอกาสทางธุรกิจร้านอาหารที่มีมูลค่าสูง เม็ดเงินราว 375,000-385,000 ล้านบาท และมีอัตราเติบโตต่อเนื่อง โดยนำร่องเปิดร้านก๋วยเตี๋ยวเรือ ใจดี 2 สาขาในปั๊ม ปตท. จิฟฟี่ ปทุมธานี ลำลูกกา 4 (จรมา) และวงแหวนตะวันตก สามโคก (ขาออก) งบลงทุน 1.5 ล้านบาทต่อสาขา รวมทั้งตั้งเป้าปี 2559 ขยายเพิ่มอีก 10 สาขา และภายในปี 2560 จะพัฒนาเป็นธุรกิจแฟรนไชส์
สำหรับก๋วยเตี๋ยวเรือ ใจดี PTTRM ชูจุดขายที่รสชาติจัดจ้าน น้ำซุปเข้มข้น มีเมนูหมู เนื้อ หมูตุ๋นและเนื้อตุ๋น รวมทั้งเพิ่มเมนูขนมจีนแกงไก่ สูตรโบราณ ราคา 25-40 บาท ลูกชิ้นปิ้ง ขนมถ้วย และน้ำสมุนไพร
หากดูยุทธศาสตร์ของ ปตท. ทั้งบริษัทแม่และ PTTRM สามารถวางกรอบการขยายกลุ่มนอนออยล์แบบครบสูตร ขยายธุรกิจทั้งในและนอกสถานีบริการ มีทั้งกลุ่มร้านค้าปลีก ร้านอาหาร ร้านกาแฟและเครื่องดื่ม ร้านเบเกอรี่ สร้างแบรนด์ของตัวเอง ทั้งคาเฟ่อเมซอน เพิร์ลลี่ที แด๊ดดี้โด สินค้าเฮาส์แบรนด์ มาจนถึงร้านก๋วยเตี๋ยวเรือ “ใจดี” บวกกับดึงคู่ค้าเข้ามาเติมเต็ม ซึ่งสามารถเจาะกลุ่มลูกค้าอย่างหลากหลาย เพื่อสร้างทราฟฟิกการเข้ามาใช้บริการในสถานีบริการน้ำมันหรือในจุดพักรถอย่าง จิฟฟี่ เรส แอเรีย
แน่นอนว่า คู่แข่งในธุรกิจน้ำมันกำลังเร่งลงทุนกลุ่มนอนออยล์ โดยเฉพาะสงครามแย่งชิงเบอร์ 2 ในตลาดระหว่างบางจาก เอสโซ่ และล่าสุด “พีทีจี” เจ้าของแบรนด์ปั๊มน้ำมัน “พีที” ซึ่งประกาศทุ่มเม็ดเงินกว่า 10,000 ล้านบาท พลิกโฉมธุรกิจครั้งใหญ่และตั้งเป้าชิงเบอร์ 2 ในตลาดให้ได้ เพราะถ้านับจำนวนปั๊มพีที ณ สิ้นปี 2558 มีอยู่ 1,200 แห่ง ถือว่ารองจาก ปตท. ที่มีปั๊ม ปตท. และปตท.-จิฟฟี่ รวมกันราว 1,600 แห่ง และแซงหน้า “บางจาก” ที่มีประมาณ 1,000 แห่ง โดยเดินหน้ารุกกลุ่มนอนออยล์ ทั้งร้านสะดวกซื้อ Max Mart และร้านกาแฟพันธุ์ไทย ซึ่งจะเปิดสาขาทั้งในปั๊มน้ำมันและตามทำเลต่างๆ เช่น ห้างสรรพสินค้า มหาวิทยาลัย
รูปเกมเช่นนี้ “บางจาก” ต้องพลิกกลยุทธ์ครั้งใหญ่แน่