การขยายตัวของเมืองและพื้นที่เศรษฐกิจย่อมมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา โดยเฉพาะพื้นที่ Central Business District หรือ CBD ที่ในปัจจุบัน ได้รับความสนใจและเป็นพื้นที่สำคัญของกรุงเทพฯ เพราะสามารถดึงดูดผู้คน ธุรกิจ และการลงทุน ทำให้พื้นที่แห่งนี้มีมูลค่าและสามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมให้มีการเติบโตอย่างยั่งยืนได้ ตัวอย่างพื้นที่ที่เด่นชัด คือ “พระราม 4 – สีลม” ที่เป็นพื้นที่ CBD สำคัญอีกหนึ่งพื้นที่ ของกรุงเทพฯ ที่ถูกเสริมศักยภาพให้มีความแข็งแกร่งในทุกมิติ ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม พื้นที่สาธารณะพื้นที่สีเขียว สถานศึกษา ระบบขนส่งมวลชน ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และไลฟ์สไตล์รูปแบบต่างๆ เกิดเป็นความโดดเด่น และสร้างความแตกต่างด้วยการเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ที่เป็น “แกนกลาง” หรือ Super Core CBD แห่งแรกของกรุงเทพฯ และหนึ่งเดียวในเมืองไทย โดยมี Dusit Central Park โครงการมิกซ์ยูสชั้นนำระดับโลก เป็นแลนด์มาร์กสำคัญในการขับเคลื่อนศักยภาพและยกระดับพื้นที่แห่งนี้
พื้นที่รอบ ‘พระราม 4 – สีลม’ กับการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดในช่วง 10 ปี
ปัจจุบัน โครงการมิกซ์ยูสในกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีจำนวน 126 โครงการ พื้นที่อาคารรวม 15.31 ล้านตารางเมตร ที่ผ่านมาในปี พ.ศ. 2566 มีโครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จ 110 โครงการ อยู่ระหว่างก่อสร้างอีก 6 โครงการ โดยคาดว่า จะมีโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างต่อเนื่องระหว่างปี 2566 – 2570 รวม 16 โครงการ พื้นที่ประมาณ 3.85 ล้านตารางเมตร ที่น่าสนใจ คือ โซนพื้นที่บริเวณพระราม 4 – สีลม และบริเวณรอบสวนลุมพินี ที่มีการพัฒนาแบบก้าวกระโดดอย่างต่อเนื่อง รายล้อมไปด้วยโรงแรมระดับ 5 ดาว ศูนย์การค้าขนาดใหญ่ ร้านอาหารระดับพรีเมี่ยม สถานเอกอัครราชทูตหลากหลายประเทศ อาคารสำนักงานให้เช่า สวนสาธารณะ สถานพยาบาล และสถานศึกษาชั้นนำระดับประเทศ พร้อมทั้งเชื่อมต่อระบบคมนาคมขนส่ง ทั้ง BTS และ MRT และอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญ คือ กรุงเทพมหานคร ได้ดำเนินการปรับปรุงพื้นที่เพื่อยกระดับสวนลุมฯ ให้เป็นสวนสาธารณะระดับโลก เนื่องในโอกาสครบรอบ 100 ปี ซึ่งจะแล้วเสร็จในปีพ.ศ. 2568 โดยมุ่งพัฒนาพื้นที่ให้เกิดการใช้งานอย่างเต็มศักยภาพให้เป็นมากกว่าสวน แต่เป็นภาพลักษณ์ของประเทศที่สามารถรองรับการจัดกิจกรรมระดับเมืองและระดับชาติได้ พร้อมทั้งส่งเสริมคุณภาพชีวิตของคนกรุงเทพฯ ผ่านกิจกรรมต่างๆ ภายในสวน ทั้งลานกีฬาเอ็กซ์ตรีม สวนผักคนเมือง และพิพิธภัณฑ์ ด้วยปัจจัยเหล่านี้ จึงทำให้พื้นที่รอบ ‘สวนลุมฯ’ โดยเฉพาะด้านพระราม 4 – สีลม เป็นทำเลเดียวที่มีความครบครันรอบด้านและเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญในเชิงธุรกิจและไลฟ์สไตล์ของทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ เทียบเท่าเซ็นทรัล พาร์ค เมืองแมนฮัตตัน มหานครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา หรือ ไฮด์ พาร์ค ในมหานครลอนดอน สหราชอาณาจักร เป็นต้น
พระราม 4 – สีลม กับการเป็น Luxury Hotspot ชั้นนำของกรุงเทพฯ
บนพื้นที่ พระราม 4 – สีลม และบริเวณรอบสวนลุมฯ มีการพัฒนาโครงการต่างๆ มากมาย โดยเฉพาะในช่วง 3 – 5 ปี ที่ผ่านมา การลงทุนพัฒนาพื้นที่โดยรอบได้รับแรงสนับสนุนจากหลากหลายธุรกิจร่วมพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์หลากหลายรูปแบบ โดยเฉพาะโครงการมิกซ์ยูสและโครงการที่อยู่อาศัยระดับลักชัวรี่ จากข้อมูลของ CBRE Residential Transaction ปี พ.ศ. 2566 พบว่า “ที่พักอาศัยในทำเลนี้ มีผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) และอัตราการเติบโตต่อปีแบบทบต้น (CAGR) ที่สูงที่สุด ได้ผลตอบแทนจากการลงทุนถึง 33.46% และอัตราการเติบโตฯ ถึง 13.68% ต่อปี ในขณะที่ทำเลข้างเคียงอย่าง สีลม – สาทร สุขุมวิท พระราม 3 มีผลตอบแทนจากการลงทุนอยู่ที่ประมาณ 25 – 27% และอัตราการเติบโตไม่เกิน 10% เท่านั้น โดยทำเลรอบสวนลุมฯ อัตราค่าเช่าของคอนโดระดับลักชัวรี่ – อัลตร้าลักชัวรี่ต่อเดือนสูงสุดถึง 1,415 บาทต่อตารางเมตร (หรือเกินกว่า 100,000 บาทต่อเดือน สำหรับห้องขนาด 70 ตารางเมตร)”
โดยฝั่งถนนพระราม 4 – สีลม ถือเป็นฝั่งที่น่าจับตามอง ด้วยข้อได้เปรียบในการเป็นจุดเชื่อมต่อการคมนาคม ทั้งรถไฟฟ้า BTS และ MRT มีพื้นที่ของโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพ ที่กำลังอยู่ในระหว่างการพัฒนาและจะแล้วเสร็จเป็นส่วนแรกของโครงการ Dusit Central Park เพื่อยกระดับและสานต่อเจตนารมณ์ของผู้ก่อตั้งในการสืบทอดความเป็นไทยและความดั้งเดิมอันทรงคุณค่า เพื่อสร้างอัตลักษณ์และส่งมอบประสบการณ์ใหม่ระดับอัลตร้าลักชัวรี่ให้กับการใช้ชีวิตของคนไทยและนักท่องเที่ยวทั่วโลก ทั้งนี้ในส่วนของด้านอื่นๆ อย่างด้านที่ติดกับถนนสารสิน หรือ หลังสวน นับเป็นแหล่งรวมของที่อยู่อาศัยระดับลักชัวรี่ ด้านที่เป็นรอยต่อกับถนนวิทยุ เป็นอีกหนึ่งพื้นที่ศักยภาพที่มีการพัฒนาโครงการในรูปแบบต่างๆ อยู่อย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะพื้นที่พาณิชยกรรรม ทั้งอาคารสำนักงาน และศูนย์การค้าและด้านที่เชื่อมกับฝั่งถนนราชดำริ ถึงแม้จะยังไม่มีการขยายตัวของโครงการต่างๆ แต่เป็นทำเลสำคัญ เพราะเป็นที่ตั้งของโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย และคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
Super Core CBD คือ จุดกึ่งกลางเชื่อมย่าน CBD สำคัญ ของกรุงเทพฯ ทั้ง 4 ทิศ
พื้นที่ตั้งของ Dusit Central Park สามารถถ่ายทอดให้เห็นถึงนิยามของการเป็น Super Core CBD ให้เห็นอย่างเด่นชัด ในฐานะ “แกนกลาง” หรือ “จุดกึ่งกลาง” ซึ่งนอกจากจะเป็นจุดสำคัญในการขับเคลื่อนพื้นที่ของสีลมและสาทรแล้ว ยังสามารถเชื่อมย่าน CBD สำคัญของกรุงเทพฯ ทั้ง 4 ทิศ
o ทิศเหนือ – ย่านราชประสงค์ หรือ Ratchaprasong ย่านที่มีความสำคัญและมีความหลากหลายของมิติทางธุรกิจ รายล้อมไปด้วยอาคารสำนักงาน ศูนย์การค้าที่เป็นแหล่งช้อปปิ้งทั้งแบรนด์ไทยและอินเตอร์แบรนด์ ทั้งยังเป็นศูนย์รวมไลฟ์สไตล์ของกรุงเทพฯ ที่ได้รับความนิยมจากทั้งคนไทยและนักท่องเที่ยว มีผู้สัญจรบริเวณโดยรอบย่านนี้มากกว่าปีละ 24 ล้านคน นับเป็นย่านที่มีทราฟฟิกหนาแน่นอันดับต้นๆ ของประเทศ ขณะเดียวกัน ยังเป็นจุดเชื่อมของระบบขนส่ง BTS ที่มียอดผู้ใช้บริการสูงสุดของระบบขนส่งทางรางของประเทศ
o ทิศใต้ – ย่านเจริญกรุง หรือ Charoenkrung แหล่งชุมชนดั้งเดิมที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม เป็นถนนสายแรก และเป็นแหล่งกำเนิดการค้าและพาณิชยกรรม รวมทั้งเป็นที่ตั้งของโรงเรียนเก่าแก่แห่งแรกๆ ของกรุงเทพฯ ปัจจุบันมีการขยายตัวของอาคารสูง อาคารเชิงพาณิชยกรรม รวมทั้งการสนับสนุนจากหน่วยงานภาครัฐ และเอกชน ทำให้ย่านนี้เป็นแหล่งมรดกทางวัฒนธรรมที่ถูกผสมผสานเข้ากับเศรษฐกิจยุคใหม่ได้อย่างลงตัว ทั้งยังเป็นพื้นที่ที่ตั้งของร้านอาหาร พิพิธภัณฑ์ หอศิลป์ และแกลเลอรี่ พร้อมทั้งเป็นสะพานเชื่อมต่อไปยังอีกครึ่งหนึ่งของกรุงเทพฯ อย่างฝั่งธนบุรีอีกด้วย
o ทิศตะวันตก – ย่านเยาวราช หรือ Yaowarat โดยเป็นจุดก่อเกิดวัฒนธรรมไทย – จีนที่โดดเด่น และยังคงกลิ่นอายของวิถีดั้งเดิมเหนือกาลเวลา มีโบราณสถานทั้งวัด ศาลเจ้าต่าง ๆ ตลอดเส้นทาง ประกอบกับการเข้ามาของไลฟ์สไตล์รูปแบบใหม่ ส่งผลให้เกิดการพัฒนาเมืองและเกิดขยายธุรกิจของร้านอาหาร คาเฟ่ สตรีทฟู้ด Art Studio ประกอบกับความสะดวกสบายของระบบขนส่งสาธารณะ MRT ที่เข้าถึงพื้นที่ได้อย่างรวดเร็ว ทำให้เยาวราชเป็นย่านที่มีชีวิตชีวาอยู่ในทุกยุคทุกสมัย และเป็นเสน่ห์ของย่านเก่าที่ตอบโจทย์นักท่องเที่ยวได้อย่างหลากหลายและครอบคลุม
o ทิศตะวันออก – ย่านสุขุมวิท หรือ Sukhumvit เป็นอีกหนึ่งย่านที่สำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศ ประกอบด้วย อาคารสำนักงาน ศูนย์การค้า และอาคารสูงจำนวนมาก ทั้งยังเป็นแหล่งที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม โดยมีคนต่างชาติมาอาศัยอย่างหนาแน่น เกิดเป็นแหล่งชุมชนและสร้าง Sub Culture กระจายตัวตามย่านย่อยๆ อาทิ ชุมชนอาหรับ – อินเดียในโซนนานา ชุมชนเกาหลีในโซนอโศก และ ชุมชนญี่ปุ่นในโซนพร้อมพงษ์ นอกจากนี้ ยังเป็นย่านไนท์ไลฟ์ที่มีสถานบันเทิงมากมาย อีกทั้งยังเป็นแหล่งของร้านอาหารนานาชาติ และห้างสรรพสินค้าที่อัดแน่นตลอดทั้งย่าน
ซึ่งการสร้างสรรค์โครงการ Dusit Central Park จะเป็นมากกว่าสร้างย่านธุรกิจและการค้าใหม่แบบเดิมๆ แต่เป็นการเชื่อมให้แต่ละย่านสามารถเชื่อมโยงเข้าถึงกันและเติบโตไปพร้อมกันได้ โดยมีโครงการของเราเป็นตัวเชื่อมสำคัญที่อยู่ตรงกลางทั้ง 4 ทิศ และเป็นการกำหนดจุดยุทธศาสตร์ของพื้นที่ที่จะเป็นย่านธุรกิจชั้นนำไทยในอนาคต หรือที่เรียกว่า Super Core CBD
Dusit Central Park มิกซ์ยูสชั้นนำระดับโลก ศูนย์กลาง Super Core CBD แห่งแรกของกรุงเทพฯ
Dusit Central Park จะนำมาซึ่งบริบทใหม่ๆ ในการใช้ชีวิตและพร้อมสู่การยกระดับพื้นที่ให้กลายเป็นแลนด์มาร์กใหม่ของโลก สมบูรณ์พร้อมด้วยโรงแรม ที่พักอาศัยระดับอัลตร้าลักชัวรี่ ศูนย์การค้า สำนักงาน และพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ 7 ไร่ รายล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก ทั้งโรงพยาบาลชั้นนำ สถานเอกอัครราชทูต สถานศึกษา มาพร้อมวิวของสวนลุมฯ แบบพาโนราม่า ที่สำคัญยังเป็นโครงการมิกซ์ยูสหนึ่งเดียวบนพื้นที่พระราม 4 – สีลม ที่เป็นจุดศูนย์กลางในการเชื่อมต่อทุกการเดินทางสู่ย่าน CBD อื่นๆ อย่างแท้จริง และเหนือกว่าย่านอื่นๆ ด้วยการมีระบบขนส่งมวลชนที่สำคัญทั้งรถไฟฟ้า BTS และ MRT และด้วยวิสัยทัศน์ด้านความยั่งยืน ทางโครงการฯ จึง ได้เตรียมสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อการเดินทางแบบ Low Carbon อย่างไร้รอยต่อ อาทิ Sky walk จากรถไฟฟ้า BTS และ Underground walk จากรถไฟฟ้า MRT ตรงเข้าสู่โครงการฯ และยังเชื่อมไปถึงสวนลุมฯ ตอบโจทย์ทุกความต้องการของผู้ใช้บริการ และตอกย้ำนิยาม “Here for Bangkok” เพื่อเติมเต็มไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของคนกรุงเทพฯ อย่างครบวงจร และถ่ายทอดให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ที่จะพัฒนาโครงการที่ดีที่สุดเพื่อคนกรุงเทพฯ
“ด้วยหลากหลายปัจจัยที่กล่าวมา คาดว่าเมื่อโครงการ Dusit Central Park ซึ่งจะทยอยเปิดให้บริการส่วนแรกด้วยโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพ ในเดือนกันยายน จะทำให้ทำเลแห่งนี้ฉายภาพที่เด่นชัดในการเป็น Super Core CBD ที่เป็นจะศูนย์กลางการใช้ชีวิตและศูนย์รวมไลฟ์สไตล์ ที่ครบวงจรและสมบูรณ์พร้อมแห่งแรกของกรุงเทพฯ และหนึ่งเดียวในเมืองไทย”