Uber ร่วมกับ มูลนิธิ เมาไม่ขับ รวมพลังช่วยลดจำนวนผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุซึ่งมีสาเหตุมาจากการเมาแล้วขับขี่ยานพาหนะในช่วงเทศกาลที่จะถึงนี้
ประเทศไทยมีสถิติผู้เสียชีวิตบนท้องถนนที่มีสาเหตุมาจากการดื่มแอลกอฮอล์มากที่สุดเป็นอันดับสองของโลก จากการรายงานขององค์การอนามัยโลก หรือ WHO พบว่าร้อยละ 26 ของการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนนเกิดจากการเมาแล้วขับทั้งสิ้น ซึ่งเป็นการสูญเสียชีวิตจำนวนมากที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นในแต่ละปี โดยช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุพบว่าเป็นช่วงกลางคืนโดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ในขณะที่เดินทางกลับบ้านหลังจากดื่มสังสรรค์ ในขณะที่รถขนส่งสาธารณะได้หยุดให้บริการ หรือมีการให้บริการในช่วงเวลาที่จำกัด และจำนวนรถแท็กซี่ที่มีให้บริการมีจำนวนไม่มากในช่วงกลางดึก
การร่วมมือครั้งนี้จะนำเทคโนโลยีเครื่องวัดระดับแอลกอฮอล์แบบดิจิตัลสู่แหล่งท่องเที่ยวยามราตรีในย่านทองหล่อระหว่างเดือนธันวาคมและมกราคมปีหน้า ควบคู่กับวิธีลดการเมาแล้วขับได้ทันที เนื่องจาก Uber จะให้บริการส่งผู้โดยสารกลับบ้านโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายด้วย โดยประเทศไทยจะเป็นประเทศที่สามในโลกที่เริ่มใช้จุดบริการนี้ ถัดจากประเทศแคนาดาและเวียดนาม
เมื่อชาวกรุงเทพฯ ที่ออกไปร่วมงานเลี้ยงงานสังสรรค์ต้องการที่จะกลับบ้าน เขาสามารถตรวจสอบปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกายได้โดยการใช้หลอดเป่าลมเข้าไปที่เครื่องวัดระดับแอลกอฮอล์แบบดิจิตัลที่จุดให้บริการ หลังจากนั้นเครื่องจะแจ้งปริมาณแอลกอฮอล์ที่ตรวจพบว่ามีปริมาณมากหรือน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนด ซึ่งจะเป็นการตรวจสอบระดับแอลกอฮอล์ที่เสมือนกับการตรวจของเจ้าหน้าที่เพื่อหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นจากการเมาแล้วขับขี่ยานพาหนะ หากพบว่าปริมาณที่ตรวจพบเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด Uber ร่วมกับ มูลนิธิเมาไม่ขับ จะเชื่อมต่อผู้ที่ใช้เครื่องเข้ากับบริการเรียกรถของอูเบอร์ ให้ผู้ที่ตรวจระดับแอลกอฮอล์เกินกำหนด กลับบ้านได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายในวงเงินค่าโดยสารสูงสุด 200 บาท ซึ่งบริการนี้สามารถใช้ได้ทั้งผู้ที่ใช้งาน Uber เป็นประจำ และผู้ที่เริ่มใช้งานใหม่
Uber เชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่า ความร่วมมือครั้งนี้ จะมีส่วนช่วยสร้างความตระหนักให้กับผู้ที่ดื่มสังสรรค์ในช่วงเทศกาลเป็นอย่างมาก และช่วยให้เกิดความรับผิดชอบต่อสังคม โดยไม่ขับรถในขณะมึนเมา
นายชาน พาร์ค ผู้จัดการทั่วไป ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ Uber กล่าวในงานแถลงข่าวครั้งนี้ว่า “มีหลายชีวิตที่ต้องสูญเสียไปจากคนที่เมาแล้วขับ แต่จากหลายๆ ประเทศที่เราให้บริการ เราเห็นอย่างชัดเจนว่า หากผู้ที่ต้องการเดินทางสามารถเรียกรถเพื่อให้ไปส่งยังจุดหมายที่ต้องการเพียงแค่แตะปุ่ม แลมีรถที่สะดวก ปลอดภัย มารับได้อย่างรวดเร็ว บริการแบบนี้มีส่วนช่วยหยุดปัญหาดังกล่าวได้ ภายใต้ความร่วมมือกับมูลนิธิเมาไม่ขับ กองบังคับการตำรวจจราจร และผู้ประกอบการในย่านทองหล่อครั้งนี้ เราอยากรณรงค์ให้พี่น้องชาวกรุงเทพมหานครและผู้ที่มาเยือนเกิดความรับผิดชอบและใช้ประโยชน์จากทางเลือกใหม่อย่างเทคโนโลยีบริการรับส่ง เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงการเมาแล้วขับในช่วงเทศกาลที่กำลังจะมาถึง”
“เราขอชื่นชมในความมุ่งมั่นระหว่าง Uber กับ มูลนิธิเมาไม่ขับ ในการสนับสนุนนโยบายที่สำคัญของเรา นั่นคือการลดจำนวนอุบัติเหตุจากการเมาแล้วขับขี่ยานพาหนะในกรุงเทพมหานคร เทคโนโลยีตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ในเลือดโดยวิธีเป่าลมหายใจจะมีส่วนช่วยให้ผู้ที่ดื่มเกิดความตระหนักถึงอันตรายจากการมีปริมาณแอลกอฮอล์เกินกว่าระดับที่กฎหมายกำหนด อันจะนำไปสู่การเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนได้ ซึ่งเทคโนโลยีนี้จะทำให้ผู้ดื่มทราบถึงระดับแอลกอฮอล์ได้ก่อนที่จะเข้าไปนั่งหลังพวงมาลัย การเพิ่มทางเลือกในการเดินทางให้แก่ผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์ เช่น Uber จะทำให้ผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและตัดสินใจเลือกการเดินทางที่เหมาะสมเพื่อลดอัตราการเสียชีวิตที่เกิดจากการเมาแล้วขับในทุกครั้งที่มีการดื่มสังสรรค์” พ.ต.อ.ศุภชัชจ์ เปี่ยมมนัส ผู้กำกับการกองกำกับการ 5 กองบังคับการตำรวจจราจร กล่าว