วันพุธ, ธันวาคม 4, 2024
Home > PR News > นายกฯ นิวซีแลนด์ นำคณะผู้แทนภาคธุรกิจเยือนประเทศไทย ตอกย้ำความมุ่งมั่นครั้งใหม่ของนิวซีแลนด์

นายกฯ นิวซีแลนด์ นำคณะผู้แทนภาคธุรกิจเยือนประเทศไทย ตอกย้ำความมุ่งมั่นครั้งใหม่ของนิวซีแลนด์

นายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์ คริสโตเฟอร์ ลักซอน ได้เดินทางเยือนประเทศไทยเมื่อวันที่ 17 เมษายน ที่ผ่านมา ด้วยการสนับสนุนจากบริษัท New Zealand Trade and Enterprise (NZTE) เพื่อเป็นผู้นำคณะผู้แทนธุรกิจของนิวซีแลนด์ที่มีความสำคัญเชิงกลยุทธ์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้แก่ประเทศไทย สิงคโปร์ และฟิลิปปินส์ ซึ่งได้ตอกย้ำความมุ่งมั่นครั้งใหม่ของนิวซีแลนด์ในการกระชับความสัมพันธ์กับยกระดับพันธมิตรสำคัญในภูมิภาคผ่านภารกิจระหว่างประเทศครั้งแรกของนิวซีแลนด์และภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

คณะผู้แทนภาคธุรกิจ 24 องค์กรหลักจากนิวซีแลนด์ที่เข้ามาเยือนประเทศไทยร่วมนายกรัฐมนตรีลักซอนในภารกิจนี้ แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมโยงระหว่างนิวซีแลนด์กับประเทศไทยในหลายด้าน ผู้แทนภาคธุรกิจดังกล่าวประกอบด้วยองค์กรบุกเบิกที่ครอบคลุมหลากหลายภาคอุตสาหกรรม โดยแต่ละบริษัทได้นำเสนอนวัตกรรมที่ล้ำหน้า ซึ่งรวมถึงผลิตภัณฑ์และบริการระดับพรีเมี่ยมต่าง ๆ จากนิวซีแลนด์ เพื่อแสดงถึงโอกาสสำหรับความร่วมมือระหว่างนิวซีแลนด์ ประเทศไทย และประเทศอื่น ๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในอนาคต

ผู้แทนภาคธุรกิจที่เข้าร่วมภารกิจของนายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์ ได้แก่:

· AcademyEX

· Air New Zealand

· Auckland Airport

· Веса

· CarbonClick

· Christchurch Airport

· Comvita

· Fonterra

· Federation of Māori Authorities

· HamiltonJet

· Hind Management/Sudima Hotels

· Hiringa Energy

· Massey University

· Morrison

· Neocrete

· NZAero

· NZ Bio Forestry

· New Zealand Food Innovation Network

· NZ INC. Ltd

· Oritain Global Limited

· Plant & Food Research

· Tāwhaki Joint Venture

· Tūaropaki Trust

· UP Education

ภารกิจความร่วมมือดังกล่าว มีจุดมุ่งหมายที่ไม่เพียงจะรักษา แต่ยังส่งเสริมความร่วมมืออย่างต่อเนื่องในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

โดยในระหว่างการเยือนประเทศไทย คณะผู้แทนภาคธุรกิจได้สร้างความสัมพันธ์ใหม่ ๆ และฟื้นฟูความสัมพันธ์ที่มีอยู่แล้วกับเหล่าพันธมิตรและลูกค้าในตลาดไทย พร้อมบรรลุเป้าหมายในการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานที่แข็งแกร่งในภูมิภาค เพื่อให้เกิดประโยชน์ร่วมกันระหว่างนิวซีแลนด์และพันธมิตร

ในส่วนหนึ่งของภารกิจการมาเยือนในครั้งนี้ มีการลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) หลักร่วมกันสองฉบับ ต่อหน้านายกรัฐมนตรีลักซอน และนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีของประเทศไทย ดังนี้:

o บริษัท NZAero ของนิวซีแลนด์ ได้ลงนามข้อตกลงมูลค่าหลายล้านดอลลาร์กับอุตสาหกรรมการบินไทย เพื่อจัดหาชิ้นส่วนและขยายขีดความสามารถ MRO ให้กับกองทัพอากาศไทย โดยข้อตกลงนี้คาดว่าจะเพิ่มมูลค่าชิ้นส่วนและการส่งออกการบำรุงรักษาไปยังประเทศไทยเพิมเป็นสามเท่า และสร้างงานหลายสิบตำแหน่งในนิวซีแลนด์

o มหาวิทยาลัยแมสซีย์ และสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ ได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจแบบไม่ผูกมัด เพื่อความร่วมมือในการแลกเปลี่ยนครูและนักศึกษา การแบ่งปันข้อมูล และด้านการศึกษาอื่น ๆ โดยMOU นี้จะใช้เพื่อสนับสนุนการประชุมเชิงปฏิบัติการในเดือนมิถุนายน 2567 ซึ่งมหาวิทยาลัยแมสซีย์ จะฝึกอบรมครูไทย 140 คนในการพัฒนาการมีส่วนร่วมในการเรียนรู้ภาษาอังกฤษให้ดียิ่งขึ้น

คริสโตเฟอร์ ลักซอน นายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์ กล่าวว่า “ผมรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เป็นผู้นำภารกิจนี้มาสู่ประเทศไทย สิงคโปร์ และฟิลิปปินส์ ควบคู่ไปกับคณะผู้แทนภาคธุรกิจจากนิวซีแลนด์ ซึ่งถือเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนความเป็นสากลและความหลากหลายที่สะท้อนให้ทุกคนเห็นผ่านภูมิทัศน์ธุรกิจของนิวซีแลนด์ และเรามุ่งมั่นที่จะเสริมสร้างและกระชับความสัมพันธ์ระหว่างเรากับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างเต็มที่ต่อไป”

ฯพณฯ โจนาธาน คิงส์ เอกอัครราชทูตนิวซีแลนด์ประจำประเทศไทย กล่าวว่า “ผมรู้สึกยินดีอย่างยิ่งที่ได้ต้อนรับคณะนักธุรกิจจากนิวซีแลนด์ที่เดินทางมาพร้อมกับภารกิจของนายกรัฐมนตรีที่ประเทศไทยเมื่อวานนี้ เนื่องจากประเทศไทยเป็นพันธมิตรที่ใกล้ชิดกับนิวซีแลนด์ เราจึงมั่นใจว่าการเยือนครั้งนี้จะปูทางไปสู่การค้า การลงทุน และการแบ่งปันความรู้ในหลากหลายภาคส่วน เรามุ่งหวังที่จะส่งเสริมความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น เน้นย้ำถึงโอกาสที่เพิ่มขึ้นสำหรับการทำงานร่วมกันเพื่อให้ทั้สองประเทศเติบโตไปพร้อม ๆ กันในอนาคต”

ไซมอน วัตต์ รัฐมนตรีกระทรวงการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังนิวซีแลนด์ กล่าวว่า “นวัตกรรมด้านสภาพภูมิอากาศยังคงเป็นประเด็นสำคัญเชิงกลยุทธ์สำหรับนิวซีแลนด์ เราต้องการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับเทคโนโลยีที่เป็นนวัตกรรมผ่านผู้แทนภาคธุรกิจต่าง ๆ และเน้นย้ำถึงศักยภาพที่เพียงพอของเราสำหรับพลังงานหมุนเวียน ซึ่งสามารถตอบสนองความต้องการในประเทศไทย สิงคโปร์ และฟิลิปปินส์ เราหวังว่าจะเสริมสร้างความร่วมมือของเราในด้านความยั่งยืนและความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจอื่น ๆ ไปด้วยกัน”