วันเสาร์, พฤศจิกายน 23, 2024
Home > New&Trend > หาดทิพย์สร้างยอดขายปี 2566 โตสูงสุดในรอบ 5 ปี เดินหน้าลงทุนแบบสวนกระแสขยายธุรกิจขวดแก้วด้วยงบกว่า 800 ล้าน

หาดทิพย์สร้างยอดขายปี 2566 โตสูงสุดในรอบ 5 ปี เดินหน้าลงทุนแบบสวนกระแสขยายธุรกิจขวดแก้วด้วยงบกว่า 800 ล้าน

บริษัท หาดทิพย์ จำกัด (มหาชน) หรือ HTC ผู้รับลิขสิทธิ์การผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในเครือโคคา-โคล่าในพื้นที่ 14 จังหวัดภาคใต้ จากเดอะ โคคา-โคล่า คัมปะนี (ประเทศสหรัฐอเมริกา) แถลงผลการดำเนินงานปี 2566 โดยมียอดขายรวม 7,806 ล้านบาท ซึ่งเป็นยอดขายสูงสุดในรอบ 5 ปี และเพิ่มขึ้นจากปี 2565 ถึงร้อยละ13.6 ส่งผลให้มีกำไรสุทธิรวม 598 ล้านบาท เติบโตจากปี 2565 ถึงร้อยละ 38.8 ผู้บริหารมั่นใจธุรกิจจะเติบโตต่อเนื่องในปี 2567 ในอัตราร้อยละ 6-8 พร้อมลงทุนเพิ่ม 800 ล้านบาท เพื่อขยายธุรกิจประเภทขวดแก้ว มุ่งสู่เป้าหมายยอดขาย 15,000 ล้านบาทในปี 2575

โดยในปี 2566 ที่ผ่านมา บริษัทฯ มียอดขายรวมที่ 7,806 ล้านบาท ซึ่งนับเป็นยอดขายที่สูงที่สุดในรอบ 5 ปี หรือสูงกว่าช่วงก่อนที่จะเกิดวิกฤติการระบาดของโรคโควิด-19 ทั้งนี้ บริษัทฯ ประเมินว่ายอดขายที่เติบโตขึ้นเป็นอานิสงส์มาจากการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว โดยเฉพาะในเขตพื้นที่ภาคใต้ที่มีการฟื้นตัวเร็วกว่าภาคอื่นๆ ของประเทศ นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้มีการปรับราคาขายในบางขนาดในช่วงสิงหาคม 2565 และเมษายน 2566 ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์มีราคาเพิ่มขึ้นเฉลี่ยที่ร้อยละ 6 และร้อยละ 1.5 ตามลำดับ

พลตรี พัชร รัตตกุล เปิดเผยว่า “ในปี 2566 ที่ผ่านมา บริษัทฯ ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยได้รับอานิสงส์จากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว จากข้อมูลของกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา พบว่าประเทศไทยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติมากถึงกว่า 28 ล้านคน หรือเติบโตจากปี 2565 ถึงร้อยละ 154 โดยถ้าดูจากสถิติการเข้าพักในโรงแรมและที่พักต่างๆ ของธนาคารแห่งประเทศไทยแล้ว จะพบว่ามีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในเขตพื้นที่ภาคใต้สูงกว่าภูมิภาคอื่นๆ บริษัทฯ จึงใช้กลยุทธ์สร้างการเติบโตของรายได้ ผ่านการกำหนดขนาด รูปแบบผลิตภัณฑ์และช่องทางการจำหน่ายที่สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะในช่องทางธุรกิจ โรงแรม ร้านอาหาร และร้านสะดวกซื้อที่มีการเติบโตของยอดขายสูงจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น ในขณะเดียวกัน บริษัทฯ ก็มีการปรับราคาขายขึ้นเล็กน้อย พร้อมทั้งเร่งเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตควบคู่กันไป ส่งผลให้กำไรสุทธิเติบโตสูงถึงร้อยละ 38.8”

ลงทุนสวนกระแส ทุ่ม 800 ล้านบาท ผลิตขวดแก้วเพื่อความยั่งยืน

สำหรับในปี 2567 พลตรี พัชรฯ มั่นใจว่าหาดทิพย์จะยังคงมียอดขายที่เติบโตขึ้นในอัตราร้อยละ 6-8 เนื่องจากอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในเขตพื้นที่ภาคใต้ยังคงมีแนวโน้มที่สดใส และจากแผนกลยุทธ์ทางธุรกิจที่จะมีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่โดนใจผู้บริโภค โดยเฉพาะในกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มไม่มีน้ำตาล ที่ในปี 2566 มียอดขายเติบโตถึงร้อยละ 31 และยังสามารถเติบโตขึ้นได้อีกมาก เนื่องจากผลิตภัณฑ์ไม่มีน้ำตาลยังคิดเป็นสัดส่วนเพียงร้อยละ 3 ของยอดขายทั้งหมดเท่านั้น นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีการลงทุนรวมอีกประมาณ 800 ล้านบาท เพื่อเพิ่มสายการผลิตของผลิตภัณฑ์ในบรรจุภัณฑ์ชนิดขวดแก้ว ที่โรงงานพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยคาดว่าจะเปิดสายการผลิตได้ก่อนไตรมาส 4 ปีนี้ ทั้งนี้ เพื่อตอบสนองต่อการเติบโตของยอดขายในช่องทางโรงแรม ภัตตาคาร และร้านอาหาร ซึ่งบริษัทฯ มองว่านอกจากจะเป็นการช่วยลดความเสี่ยงเรื่องต้นทุนบรรจุภัณฑ์ในระยะยาวแล้ว ยังสอดคล้องกับเป้าหมายด้านความยั่งยืนของบริษัทฯ อีกด้วย

“เรามองว่าผลิตภัณฑ์ในบรรจุภัณฑ์ขวดแก้วชนิดคืนขวดยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก โดยเฉพาะในช่องทางโรงแรม ร้านอาหาร และภัตตาคาร ซึ่งมีความเหมาะสมกับบรรจุภัณฑ์ชนิดนี้ เนื่องจากผู้บริโภคดื่มเครื่องดื่มของเราภายในร้าน (on-premise consumption) และเป็นบรรจุภัณฑ์ที่เรามีความสามารถในการแข่งขันสูงกว่าคู่แข่ง นอกจากนี้ การมีธุรกิจขวดแก้วที่แข็งแกร่งจะทำให้เราสามารถบริหารต้นทุนบรรจุภัณฑ์ได้ดียิ่งขึ้นในระยะยาว อีกทั้งยังเป็นการช่วยลดการใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติก ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญสำหรับเป้าหมายด้านความยั่งยืนของเราอีกด้วย” พลตรี พัชรฯ กล่าวเสริม

ปัจจุบันสัดส่วนของแบรนด์ที่สร้างยอดขายให้กับหาดทิพย์แบ่งออกเป็น Coke 69%, Fanta 17%, Sprite 6%, Namtip 3%, Schwepps 3%, Minute Maid 1% และอื่นๆ อีก 1% โดยบรรจุภัณฑ์แบบขวด PET สร้างยอดขายได้ 75% และแบบกระป๋องรองลงมาที่ 19% ด้านงบลงทุนในแต่ละปีนั้น เฉลี่ยอยู่ที่ 200 ล้านบาทต่อปี

สำหรับในระยะยาวนั้น พลตรี พัชรฯ กล่าวว่าบริษัทฯ มุ่งมั่นในการยืนหยัดเป็นผู้นำตลาดเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ในพื้นที่ 14 จังหวัดภาคใต้ โดยตั้งเป้าหมายมียอดขายรวมไม่ต่ำกว่า 15,000 ล้านบาท และมีมูลค่าส่วนแบ่งการตลาดเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮล์อย่างน้อยร้อยละ 35 ภายในปี 2575 ซึ่งปัจจุบันทางหาดทิพย์ได้มีการนำเข้าแบรนด์สินค้าภายใต้เดอะ โคคา-โคล่า คัมปะนี มาจำหน่ายในเมืองไทยทั้งสิ้น 12 แบรนด์ ในอนาคตมีแผนนำแบรนด์อื่นๆ เข้ามาจำหน่ายเพิ่มเติม โดยเฉพาะเครื่องดื่มแอลกอฮอล์พร้อมดื่ม (RTD : Ready to Drink) ซึ่ง โคคา-โคล่า ได้จับมือ “แจ็คเดเนียล” รวมถึงเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์หมวดอื่นๆ เช่น ชา กาแฟพร้อมดื่ม น้ำผลไม้ และ Dairy & Plant Base

นอกจากธุรกิจเครื่องดื่มแล้ว ด้วยจำนวนบุคลากรกว่า 2,500 คน และความแข็งแกร่งในการทำธุรกิจที่ยืนระยะมามากกว่าครึ่งศตวรรษ ที่ผ่านมาทางหาดทิพย์จึงได้ขยายธุรกิจไปยังส่วนต่างๆ เพิ่มเติม ทั้งธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ผู้จัดจำหน่ายและกระจายสินค้าอุปโภคบริโภค และธุรกิจร้านอาหาร แต่ก็ต้องบอกว่าที่ผ่านมาหาดทิพย์ก็เจ็บตัวไปไม่น้อยเหมือนกัน ทำให้ปัจจุบันยังคงไว้เพียงธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อต่อยอดแลนด์แบงก์ใน 14 จังหวัดภาคใต้ที่มีอยู่ในมือ

โดยมีการพัฒนาโครงการบ้านเดี่ยวที่หาดใหญ่ มูลค่าโครงการราวๆ 300 ล้านบาท ระดับราคาขายอยู่ที่ 3-4 ล้านบาท ปัจจุบันกำลังดำเนินการในเฟส 3 ส่วนในอนาคตมีแผนพัฒนาธุรกิจอสังหาฯ อย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังศึกษาความเป็นไปได้ในธุรกิจด้านสิ่งแวดล้อมและรีไซเคิลเพิ่มเติม