ปัจจุบันการบริโภค Fast Fashion ทำให้มีเสื้อผ้าจำนวนมากที่ถูกทิ้งจากการซื้อโดยไม่คิดอย่างรอบคอบ หรือถูกทิ้งเพราะชำรุดโดยไม่นำมาซ่อมแซม ซึ่งในที่สุดก็จะกลายเป็นขยะที่ส่งผลต่อดิน น้ำ และอากาศเป็นทอดๆ เทรนด์ Slow Fashion จึงถูกพูดถึงมากขึ้น โดยในประเทศไทยได้มีหลายภาคส่วนที่ออกมารณรงค์ในเรื่องนี้
บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด ในฐานะผู้นำด้านนวัตกรรมเครื่องซักและอบผ้า จึงมุ่งเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนการบริโภคแฟชั่นที่ยั่งยืน ซึ่งหนึ่งในนั้นคือการดูแลให้เสื้อผ้าสวมใส่ได้นานยิ่งขึ้น และการส่งต่อเสื้อผ้าสภาพดีให้คนอื่นๆ ที่ต้องการ เพื่อชีวิตที่ดีขึ้น หรือ Life’s Good สำหรับทุกคน และเพื่อเป็นการตอกย้ำวิสัยทัศน์ด้านความยั่งยืนที่มุ่งสร้างชีวิตที่ดีกว่าสำหรับทุกคน หรือ Better Life for All จึงได้จัดงาน “LG Eco Day” ที่จัดขึ้นเพื่อร่วมจุดประกายและเชิญชวนให้ทุกคนหันมาดูแลโลก โดยในปีนี้จัดขึ้นในธีม ‘Slow Fashion เพื่อชีวิตที่ดีกว่า’ เพื่อส่งเสริมสังคม Zero Waste ผ่านการเสวนาให้ความรู้บนเวที และกิจกรรมเวิร์คช็อป DIY และการดูแลเสื้อผ้าให้สวมใส่ได้ยาวนาน รวมถึงการแลกเปลี่ยนและบริจาคเสื้อผ้าที่มีสภาพดี เพื่อมอบให้ร้านปันกัน เพื่อเปลี่ยนเป็นทุนการศึกษาแก่น้องๆ ที่ขาดโอกาสในมูลนิธิยุวพัฒน์
นายอำนาจ สิงหจันทร์ หัวหน้าฝ่ายการตลาด บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “แอลจีได้ประกาศพันธกิจในการสร้างความยั่งยืน โดยใช้ความเชี่ยวชาญด้านนวัตกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านของเรามายกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับผู้บริโภค และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยในปี 2566 เราเดินหน้าตอกย้ำความตั้งใจดังกล่าวมาตั้งแต่ต้นปี ทั้งการเปิดตัว มารีญา พูลเลิศลาภ ในฐานะแบรนด์แอมบาสเดอร์ปี 2023 ของแอลจี ประเทศไทย ด้วยบทบาทที่โดดเด่นด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมมาอย่างต่อเนื่องของมารีญา จากนั้นในเดือนกรกฎาคม ซึ่งเป็นเดือนเกิดของแอลจี เราได้เปิดตัวแคมเปญ “รักโลกแบบที่สบายใจ” ซึ่งมีภาพยนตร์โฆษณาที่สื่อให้เห็นว่าการดูแลโลกสามารถทำได้ไม่ยาก ด้วยการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ตอบโจทย์เทรนด์ความยั่งยืน สำหรับในวันนี้ เราตอกย้ำพันธกิจด้านความยั่งยืนอีกครั้ง ด้วยการจัดงาน LG Eco Day ขึ้นเป็นครั้งแรก ในธีม ‘Slow Fashion เพื่อชีวิตที่ดีกว่า’ ที่เชิญชวนให้คนรุ่นใหม่ ประชาชน และพนักงาน มาเรียนรู้และสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับการบริโภคแฟชั่นอย่างมีความรับผิดชอบ เพื่อร่วมกันลดปัญหาขยะจากเสื้อผ้าซึ่งเป็นภาระในการกำจัดและส่งผลเสียต่อโลกของเรา”
แอลจี ประเทศไทย นำโดย มร.ซองฮัน จอง ประธานกรรมการบริหาร จัดงาน “LG Eco Day” เพื่อร่วมจุดประกายเรื่องการดูแลสิ่งแวดล้อม และตอกย้ำวิสัยทัศน์ด้านความยั่งยืนที่มุ่งสร้างชีวิตที่ดีกว่าสำหรับทุกคน โดยมีอำนาจ สิงหจันทร์ หัวหน้าฝ่ายการตลาด พร้อมด้วยมารีญา พูลเลิศลาภ แบรนด์แอมบาสเดอร์ปี 2023 ของแอลจี ประเทศไทย และกมลนาถ องค์วรรณดี ผู้ประสานงานเครือข่าย Fashion Revolution Thailand เข้าร่วมงาน
ซึ่งภายในงาน “LG Eco Day” มีการเสวนาแลกเปลี่ยนมุมมองด้านผลกระทบของ Fast Fashion ต่อสิ่งแวดล้อม และการตระหนักรู้ของปัญหา รวมถึงทางแก้ไข โดยมี มารีญา พูลเลิศลาภ แบรนด์แอมบาสเดอร์ของแอลจี ที่ให้ความสำคัญและสนับสนุนการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน และ อุ้ง-กมลนาถ องค์วรรณดี จากเครือข่าย Fashion Revolution Thailand มาร่วมแชร์มุมมองเรื่องการผลักดันเทรนด์ Slow Fashion ในประเทศไทย และการเปลี่ยนความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับเสื้อผ้ามือสอง รวมทั้งมีกิจกรรมเวิร์คช็อป DIY เสื้อผ้าที่มีอยู่เดิมให้สามารถใช้ได้ยาวนาน และมีบูธรับบริจาคเสื้อผ้าสภาพดี ซึ่งแอลจีจะนำไปซักและอบให้สะอาดก่อนส่งต่อให้ร้านปันกัน โดยมูลนิธิยุวพัฒน์ เพื่อนำไปมอบให้ผู้ที่ขาดแคลนต่อไป
มารีญา พูลเลิศลาภ แบรนด์แอมบาสเดอร์ปี 2023 ของแอลจี ประเทศไทย กล่าวว่า “ทุกคนสามารถช่วยดูแลโลกได้ไม่ยากด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมง่ายๆ ในชีวิตประจำวัน แต่สร้างความเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่เพื่อโลกได้ เริ่มจากเสื้อผ้าที่เราใส่ ถ้าดูแลด้วยเครื่องซักและอบผ้าของแอลจีที่ช่วยถนอมเนื้อผ้า ก็จะสวมใส่ได้ยาวนานขึ้นและช่วยลดปัญหาขยะจาก Fast Fashion ในสิ่งแวดล้อมลง”
ในขณะที่ อุ้ง-กมลนาถ องค์วรรณดี กล่าวว่าเสื้อผ้าที่เป็น Fast Fashion มาจากวัสดุราคาถูกซึ่งส่วนใหญ่เป็นเส้นใยสังเคราะห์ มีการกดค่าแรง เพื่อผลิตให้ได้จำนวนเยอะที่สุด เพราะฉะนั้น Fast Fashion จึงสามารถทำราคาให้ถูกและจูงใจคนซื้อได้แต่คุณภาพอาจไม่ดีนัก ที่สำคัญกลับสร้างผลกระทบเชิงลบต่อสังคมอย่างหยั่งลึก ทั้งสิ่งแวดล้อมและแรงงาน ซึ่งคุณอุ้งแนะนำว่า ในการเลือกซื้อเสื้อผ้า ควรซื้อให้น้อยลงแต่ซื้อให้ดีขึ้น และถนอมผ้าเพื่อการใช้งานที่ยาวนานขึ้น
ผู้บริหารแอลจี และมารีญา ร่วมบริจาคเสื้อผ้าสภาพดี ซึ่งจะนำไปซักและอบให้สะอาดก่อนส่งต่อให้ร้านปันกัน โดยมูลนิธิยุวพัฒน์ เพื่อนำไปมอบให้ผู้ที่ขาดแคลน
ภายในงาน ผู้เชี่ยวชาญของแอลจียังให้ความรู้เรื่องการดูแลเสื้อผ้าให้มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน ด้วยโซลูชันการถนอมผ้าของแอลจีที่มีนวัตกรรมก้าวล้ำ อาทิ เทคโนโลยี AI DDTM ช่วยทำความสะอาดผ้าได้อย่างล้ำลึกและอ่อนโยน โดยนำ AI มาช่วยวิเคราะห์ข้อมูลอย่างรอบด้าน เพื่อเลือกรูปแบบการซักที่เหมาะสมกับน้ำหนักและเนื้อผ้าแต่ละชนิด และตู้ถนอมผ้า LG Styler ที่มีเทคโนโลยี TrueSteamTM สามารถอบผ้าได้อย่างอ่อนโยนและดูแลผ้าให้นุ่มฟู ไม่ทำลายเนื้อผ้า พร้อมโปรแกรม Sanitary ที่ทำความสะอาดได้อย่างล้ำลึก โดยขจัดสารก่อภูมิแพ้และแบคทีเรียในเสื้อผ้าหรือของใช้ต่างๆ ได้ถึง 99.9 เปอร์เซ็นต์ ทำให้เสื้อผ้าสะอาดและสามารถนำไปแลกเปลี่ยนหรือบริจาคต่อได้อย่างมั่นใจ
สำหรับเครื่องซักผ้าของแอลจี ถือเป็นเบอร์ 1 ในตลาดแบบ Absolute No.1 ในไทยมาอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้บรรจุภัณฑ์ต่างๆ ของผลิตภัณฑ์แอลจี อย่างกล่องกระดาษยังสามารถนำกลับไปรีไซเคิลได้ 100% ผ้าที่ใช้ทำลำโพงมาจากผ้ารีไซเคิล นอกจากนั้นส่วนที่เป็นพลาสติกยังนำไปรีไซเคิลได้เกิน 70% อีกด้วย
ทั้งนี้งาน LG Eco Day เป็นกิจกรรมที่แอลจี ประเทศไทย ตั้งใจที่จะจัดขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี ภายใต้ธีมที่แตกต่างกันไป แต่มีหัวใจสำคัญคือการร่วมจุดประกายเรื่องความยั่งยืนในสังคม โดยมีนวัตกรรมของแอลจีมาเป็นตัวช่วยสำคัญในการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อม และช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตให้ดียิ่งขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าแอลจีจะเดินหน้านำเสนอแคมเปญและกิจกรรมดีๆ ให้แก่ผู้บริโภคชาวไทยอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี และในทุกปี
พนักงานแอลจีร่วมกันบริจาคเสื้อผ้าสภาพดี ซึ่งแอลจีจะนำไปซักและอบให้สะอาดก่อนส่งต่อให้ร้านปันกัน โดยมูลนิธิยุวพัฒน์ เพื่อนำไปมอบให้ผู้ที่ขาดแคลน
ผู้บริหารและพนักงานแอลจี ร่วมกิจกรรมเวิร์คช็อป DIY เสื้อผ้าที่มีอยู่เดิมให้สามารถใช้ได้ยาวนาน ตามแนวคิด Slow Fashion