วันพฤหัสบดี, พฤศจิกายน 21, 2024
Home > Cover Story > ไบโอฟาร์ม จากผู้ด้อยโอกาส สู่ผู้นำยาไทย

ไบโอฟาร์ม จากผู้ด้อยโอกาส สู่ผู้นำยาไทย

 
“เราเป็นผู้ด้อยโอกาสด้านยามาก่อน แต่ตอนนี้เมื่อเราเป็นผู้นำนวัตกรรม ผมมองว่ายาสำคัญต่อประชาชนที่ต้องช่วยกันดูแลความเจ็บป่วยของคนไทย เราเองช่วยกันดูแล โครงการตู้ยา Biopharm เพื่อชุมชน คือหนึ่งในโครงการที่เราได้ทำตอบแทนสังคม และอยากให้คนไทยถึงยาดี ราคาถูกและมีคุณภาพ” คำกล่าวของเศกสุข  เกษมสุวรรณ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท ไบโอฟาร์ม เคมิคอลส์ จำกัด ที่กล่าวในโครงการ จัดตู้ยา พร้อมยาสามัญประจำบ้าน เพื่อมอบให้กับชุมชนและโรงเรียนในต่างจังหวัดที่ขาดแคลน
 
ถือเป็นการแสดงจุดยืนในการให้บริการยาที่มีคุณภาพ และให้อุปกรณ์ยาพื้นฐานเบื้องต้นได้เข้าถึงแหล่งชุมชน 100 ชุมชน พร้อมทั้งเป็นการเผยแพร่แบรนด์ไปยังกลุ่มผู้บริโภคมากขื้น
 
หากย้อนไปเมื่อปี 2517 ไบโอฟาร์มได้เริ่มก่อตั้งธุรกิจ และเริ่มจากการเป็นตัวแทนนำเข้ายาจากต่างประเทศ เพื่อทำการจำหน่ายให้กับกลุ่มโรงพยาบาล หลังจากที่ราคายาต่างประเทศสูงขึ้น ในช่วงสามสิบกว่าปีที่แล้ว บริษัทฯ จึงได้คิดที่จะตั้งโรงงานไบโอแลปขึ้นผลิตยาเอง เพื่อให้ได้ยาที่ราคาถูกลง และมีคุณภาพทัดเทียมกับยาต้นแบบจากต่างประเทศ เป็นที่ยอมรับในระดับโลก
 
ไบโอแลปถือเป็นโรงงานผลิตยาแห่งแรกในประเทศไทยที่ได้มาตรฐาน Pharmaceutical Inspection Co-operation Scheme (PIC/S) ซึ่งหมายถึงการมีหลักเกณฑ์และวิธีการที่ดี ผลิตยาตามข้อกำหนดอนุสัญญาระหว่างประเทศ มาประมาณ 2 ปีแล้ว นอกจากมาตรฐาน GMP โดยได้ผลิตยาทั้งสิ้น 9 กลุ่ม คือ ยาระบบทางเดินอาหาร , ยาผิวหนัง, ยา ตา หู คอ จมูก, ยาต่อมไร้ท่อ, ยาคุมกำเนิด, ยาระบบประสาท และกล้ามเนื้อ ระบบหัวใจและหลอดเลือด, กลุ่มยาทางเดินหายใจ และกลุ่มสุดท้าย ผลิตภัณฑ์อาหารเสริม ที่บริษัทผลิตขึ้นมาเพื่อเสริมความแกร่งให้บริษัทฯ
 
ตลอดระยะเวลากว่า 40 ปี บริษัทฯ มียอดขายติดอันดับ 1 ใน 4 ของอุตสาหกรรมยาภายในประเทศ โดยมีผลิตภัณฑ์จำหน่ายกว่า 100 ตำรับ โดยผ่านช่องทางโรงพยาบาล 60% และผ่านช่องทางร้านขายยา 40% 
 
ท่ามกลางการแข่งขันสูงของตลาดยาเมืองไทย ที่มุ่งเน้นแข่งขันด้านราคาเป็นหลักทั้งบริษัทยาภายในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะยาจากประเทศจีนและอินเดียที่ค่อนข้างได้เปรียบในด้านราคาที่ถูกกว่า ในขณะที่โรงพยาบาลรัฐยังมุ่งเน้นด้านราคาถูกเป็นหลัก จึงถือได้ว่าเป็นอุปสรรคสำคัญในการแข่งขันของบริษัทฯ เนื่องจากบริษัทฯ ผลิตยาที่เน้นคุณภาพเป็นหลักตามมาตรฐาน PIC  
 
จากอุปสรรคการแข่งขันด้านราคา ทำให้บริษัทต้องเปลี่ยนทิศทางการตลาดโดยมุ่งขยายกำลังสินค้าเข้าไปในตลาดร้านขายยาและขยายไลน์กลุ่มอาหารเสริมมากขึ้น เพื่อหวังเจาะกลุ่มลูกค้า หรือ end user มากขึ้น จากเดิมที่เน้นผลิตยาเพื่อเจาะตลาดโรงพยาบาล ซึ่งคาดว่าจะปรับสัดส่วนยอดขายของโรงพยาบาลและร้านขายยา เป็น  50  : 50  ในอนาคต
 
ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ก็มุ่งเน้นการสร้างแบรนด์มากขึ้น และเพิ่มกลยุทธ์การตลาดเข้าสู่กลุ่มลูกค้า เพิ่มสินค้าใหม่สร้างการเติบโตให้กับบริษัท โดยตั้งเป้าว่าในแต่ละปีจะออกสินค้าใหม่ 5-7 รายการ แบ่งเป็นกลุ่มยาที่จำหน่ายในโรงพยาบาลปีละ 3 รายการ และสินค้าที่จำหน่ายช่องทางโมเดิร์นเทรดอีก 4 ตัว ซึ่งอาจจะเป็นยาหรืออาหารเสริมก็ได้ และแม้ว่าตลาดยาในโรงพยาบาลจะทรงตัวและมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่องก็ตาม แต่บริษัทก็ยังให้ความสำคัญกับลูกค้ากลุ่มนี้อยู่
 
จากผลกระทบด้านนโยบายการจัดซื้อยาของหน่วยงานราชการที่จำกัดหรือลดจำนวนลงในปีนี้ บริษัทฯ  ตั้งเป้าโตประมาณ10% และตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 1,000 กว่าล้านบาท ในขณะที่อีก 5 ปีข้างหน้า หรือก่อนปี 2020 บริษัทตั้งเป้าไว้ที่ 2,000 ล้านบาท พร้อมการเปิดตัวผลิตภัณฑ์อาหารเสริมให้มากกว่า 20 แบรนด์ และคาดว่ารายได้จะเติบโตขึ้น 30% ต่อปีในแต่ละกลุ่มสินค้า 
 
ปัจจุบันบริษัทฯ มีสัดส่วนการขายในประเทศ 85% และต่างประเทศ 15% ทั้งนี้การทำตลาดต่างประเทศ บริษัทฯ ได้ส่งผลิตภัณฑ์ยาไปในกลุ่มประเทศอาเซียน อาทิ สิงคโปร์ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ รวมถึงกลุ่มประเทศ CLMV ยกเว้นบรูไน เนื่องจากบรูไนเป็นประเทศที่มีรายได้เฉลี่ยต่อหัวประชากรสูงมาก จึงนิยมยาต้นแบบมากกว่ายาชื่อสามัญ อีกทั้งบริษัทฯ ยังได้ส่งยาไปประเทศญี่ปุ่น ออสเตรเลีย และเยอรมนีอีกด้วย
 
ขณะที่การผลิตเน้นคุณภาพยาเป็นหลัก ถือได้ว่าเป็นจุดแข็งของบริษัทฯ ที่สะท้อนออกมาว่า เป็นบริษัทฯ คนไทยรายเดียวและรายแรกที่ได้รับมาตรฐานการผลิตยาระดับโลก EU GMP (PIC/S) รวมทั้งรางวัล อย.ควอลิตี้ อวอร์ด ถึง  5 ครั้ง ในช่วงเวลา 7 ปี
 
ท่ามกลางการแข่งขันของบริษัทยาทั้งในและต่างชาติ โดยเฉพาะจีนกับอินเดีย ที่กำลังมาแรงด้วยราคาที่ถูก  และมุ่งหวังเจาะกลุ่มลูกค้าในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไบโอฟาร์ม บริษัทยาคนไทยคงต้องออกแรงดิ้นสุดแรง พร้อมขายจุดแข็ง คุณภาพยาดี มีคุณภาพ เหมือนปรัชญาการทำงานของบริษัทที่ว่า “Better  Product for Better Life”