วันพุธ, ธันวาคม 4, 2024
Home > New&Trend > “เดนทิสเต้” ประกาศต่อสัญญา “ลิซ่า BLACKPINK” ตั้งเป้ายอดขายเติบโตเพิ่มขึ้น พร้อมจัดใหญ่ Exclusive Fan Meet ในปี 2023

“เดนทิสเต้” ประกาศต่อสัญญา “ลิซ่า BLACKPINK” ตั้งเป้ายอดขายเติบโตเพิ่มขึ้น พร้อมจัดใหญ่ Exclusive Fan Meet ในปี 2023

“เดนทิสเต้” ประกาศต่อสัญญา “ลิซ่า BLACKPINK” ตั้งเป้ายอดขายเติบโตเพิ่มขึ้น พร้อมจัดใหญ่ Exclusive Fan Meet ใน Quarter1 ของปี 2023

หากพูดถึงแบรนด์เดนทิสเต้ (DENTISTE’) นับว่าเป็นที่รู้จักกันดีในตลาดคอนซูเมอร์ที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก ในปีที่ผ่านมาได้ ลิซ่า BLACKPINK มาเป็น Brand Ambassador ช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์เป็นอย่างมาก ทำให้ยอดขายเติบโตราว 15% แม้อยู่ในช่วงสถานการณ์การระบาดของโควิด-19

เภสัชกร ดร.แสงสุข พิทยานุกุล กรรมการผู้จัดการ ผู้นำเข้าและผู้จำหน่ายผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปากระดับพรีเมี่ยมเดนทิสเต้ (DENTISTE’) พร้อมด้วย ศุภาพิชญ์ พิทยานุกุล ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด และ ศิวกร พิทยานุกุล ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายกลยุทธ์ เปิดเผยว่า ปีหน้าเป็นอีกก้าวสำคัญของเดนทิสเต้กับการต่อสัญญากับศิลปินตัวท็อประดับโลกอย่าง ลิซ่า – ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า BLACKPINK ในการเป็น Brand Ambassador ให้กับเดนทิสเต้อีกครั้ง พร้อมกับโปรเจกต์ใหม่ ๆ ที่จะเกิดขึ้นอีกมากมาย

มากไปกว่าเรื่องยอดขายและความแข่งแกร่งของแบรนแล้วนั้น เดนทิสเต้ยังอยากสนับสนุนให้เด็กไทยประสบความสำเร็จในเวทีระดับโลก สวยมั่นใจแบบ Lisa อีกด้วย ซึ่งแคมเปญนี้จะเกิดขึ้นในเดือนพฤศจิกายนเป็นกิจกรรม การประกวด ร้อง เต้น เล่นดนตรี เพื่อให้กับเด็กไทย ที่มีความฝันเหมือนลิซ่าได้มาโชว์ความสามารถและกล้าที่จะออกตามหาความฝันของตัวเอง ผู้ชนะในแคมเปญนี้จะได้พบกับ ลิซ่า BLACKPINK ตัวจริงเสียงจริงในเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า พร้อมรับเงินรางวัลอีกมากมาย โดยแคมเปญนี้ได้ล้อไปกับภาพยนตร์โฆษณาของเดนทิสเต้ที่เพิ่งเปิดตัวไป

นอกจากนี้จะได้พบกับลิซ่า ในฐานะ Brand Ambassador ยาสีฟันสูตรใหม่ที่ Hi-end และจะเปิดตัวในปีหน้า พร้อมกับกิจกรรม Meet & Greet Lisa x DENTISTE’ แฟน ๆ ที่ตั้งตารอเจอลิซ่ารับรองว่างานนี้ได้ใกล้ชิดแบบไม่มีที่ไหนมาก่อน เพราะจัดเป็น Exclusive Private Fan meet โดยงานนี้จะจัดขึ้นเพื่อแฟน ๆ ของ DENTISTE’ โดยเฉพาะ

สำหรับการต่อสัญญาในครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากมีหลายแบรนด์ที่ติดต่อลิซ่าให้เป็น Brand Ambassador แต่มีไม่ถึง 10 แบรนด์ ที่ลิซ่าเลือก ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ เดนทิสเต้ อีกทั้งลิซ่าใช้ผลิตภัณฑ์ของเดนทิสเต้อยู่แล้ว และเคยร่วมงานกันในแคมเปญก่อนหน้า จึงทำให้ทุกอย่างออกมาลงตัว

การได้ลิซ่ามาร่วมงานอีกครั้ง เดนทิสเต้ตั้งเป้ายอดขายที่จะเติบโตเพิ่มขึ้นอีก 10% จากการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่และการทำการตลาดอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทำให้แบรนด์แข็งแกร่งของแบรนด์ขึ้น และเดนทิสเต้พร้อมขยายช่องทางการสั่งซื้อสินค้าในเว็บไซต์ Amazon ของอเมริกา ถือเป็นการเปิดตลาดใหม่ “No.1 Premium Niche in America” รวมถึงแพลนตั้งสำนักงานที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ

ในปีที่ผ่านมาเดนทิสเต้เป็นแบรนด์ที่แข็งแกร่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ผลิตภัณฑ์ทุกตัวของเดนทิสเต้ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีไม่เฉพาะในประเทศไทยแต่อีกหลายหลายประเทศทั่วโลก รวมถึงได้รับการยอมรับจากทันตแพทย์ในเรื่องของคุณภาพ

สำหรับกลยุทธ์การตลาดต่อจากนี้ เดนทิสเต้มุ่งเจาะกลุ่มลูกค้าใหม่ ๆ โดยต้องยอมรับว่าเดนทิสเต้ เป็นตลาดเฉพาะกลุ่มที่พรีเมี่ยม แม้ว่าตอนนี้จะเป็นอันดับหนึ่งในกลุ่มพรีเมี่ยม แต่ยังมีความสามารถขยายไปได้อีกเยอะ จึงมุ่งเน้นไปที่เด็กและคนรุ่นใหม่ รวมถึงทำงานร่วมกับทันตแพทย์ทั่วประเทศอย่างใกล้ชิด การได้ ลิซ่า มาเป็นผู้ส่งต่อ Message สำคัญ ๆ ช่วยสร้างความน่าสนใจและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้น

หากพูดถึงแบรนด์ เดนเทิสเต้ ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมสุขภาพช่องปากมาโดยตลอด ได้พัฒนา ผลิตภัณฑ์ให้ครอบคลุมทั้งเรื่องฟันผุ กลิ่นปาก รวมถึงเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้บริโภค ในปีหน้าจะได้พบกับนวัตกรรมใหม่ ๆ เช่น ยาสีฟันเม็ด เมื่อซื้อแปรงสีฟันเดนทิสเต้ทุกชิ้นจะได้รับยาสีฟันเม็ดฟรีหนึ่งเม็ด ซึ่งถือว่าเป็นนวัตกรรมใหม่ ที่สะดวกต่อการใช้งาน สามรถควบคุมปริมาณฟลูออไรด์ในการใช้แต่ละครั้งได้ตามที่ทันตแพทย์ยอมรับและแนะนำ, น้ำยาบ้วนปากที่สามารถแปรงฟันได้, เจลสำหรับเคลือบฟัน ลดการสึกของเคลือบฟันชั้นนอก พิเศษไปกว่านั้นคือการเปิดตัวยาสีฟันหลอดละ 1,000 เหรียญ หรือประมาณ 36,000 บาท และอื่น ๆ อีกมากมาย

นอกจากนี้ที่ผ่านมา เดนทิสเต้ทำการตลาดภายใต้แนวคิด People Marketing ที่ไม่ใช่ทำเพื่อเพิ่มยอดขาย แต่มีจุดประสงค์คืนกำไรและสิ่งดี ๆ สู่สังคม และยังคงดำเนินงานภายใต้แนวคิดนี้ต่อไป เช่น การทำงานร่วมกับมหาวิทยาลัยโรงพยาบาลของรัฐเพื่อที่จะช่วยลดอัตราการฟันผุ ที่ส่งผลทำให้มีกลิ่นปาก เนื่องจากปัจจุบันคนไทยฟันผุถึงมาก 98.5%, โครงการส่งเสริมและสนับสนุนให้เด็กและเยาวชนไทยประสบความสำเร็จโดยมีลิซ่าเป็นต้นแบบ และยังมีโครงการแจกยาสีฟันชนิดเจลเคลือบฟันให้กับทันตกว่า 1 ล้านหลอดในปี 2021-2022 และในปี 2022 – 2023 จะแจกเพิ่มอีก 1-2 ล้านหลอด โดยสามารถไปรับ DENTISTE’ Anticavity Max Fluoride ได้ฟรีที่คลินิกทั่วประเทศ เพียงแจ้งว่ามารับยาสีฟันลิซ่า

ปัจจุบันเดนทิสเต้มีส่วนแบ่งการตลาด 7% เนื่องจากเป็นแบรนด์ที่ Hi-end ในขณะที่ส่วนแบ่งในตลาด Hi-end อยู่ที่ 85%

ใส่ความเห็น