Column: Women in Wonderland
การแช่แข็งไข่เป็นวิธีเก็บรักษาไข่ของผู้หญิงเพื่อไว้ใช้ในอนาคต โดยใช้วิธีแช่แข็ง ซึ่งทำให้สามารถเก็บรักษาไข่ไว้ได้เป็นระยะเวลานาน เป็นทางเลือกใหม่สำหรับผู้หญิงรุ่นใหม่ที่ต้องออกมาทำงานนอกบ้านที่มีการแข่งขันสูง ทำให้เวลาส่วนใหญ่ของผู้หญิงเหล่านี้หมดไปกับการทุ่มเทให้กับการทำงาน และอาจทำให้บางครั้งลืมคิดถึงเรื่องการมีครอบครัว เรื่องนี้สามารถเห็นได้อย่างชัดเจนในสังคมไทยที่ปัจจุบันผู้หญิงจะแต่งงานและมีลูกค่อนข้างช้า ซึ่งการตั้งครรภ์เมื่อมีอายุมากจะส่งผลต่อความแข็งแรงของลูกในครรภ์ด้วย
ไม่ใช่เพียงแต่ผู้หญิงไทยเท่านั้นที่ทุ่มเทเวลาส่วนใหญ่ให้กับการทำงาน แต่ผู้หญิงในอีกหลายๆ ประเทศก็เช่นกันที่ต้องเผชิญกับสถานการณ์แบบนี้
ปัจจุบันที่ประเทศอเมริกา เรื่องการแช่แข็งไข่กลายเป็นหัวข้อยอดนิยมที่กลุ่มผู้หญิงมักจะหยิบยกประเด็นนี้ขึ้นมาพูดคุยและแลกเปลี่ยนความคิดเห็น จนกลายเป็นกระแส Freezing Eggs Party ในประเทศอเมริกาไปเลย
ก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนว่า การที่ผู้หญิงอเมริกันส่วนใหญ่ตัดสินใจที่จะใช้บริการแช่แข็งไข่นั้นก็เพราะ พวกเธอต้องทุ่มเทเวลาส่วนใหญ่ให้กับการทำงาน ทำให้ยังไม่แน่ใจว่าจะได้แต่งงานเมื่ออายุเท่าไหร่ และไม่แน่ใจว่าจะตั้งครรภ์เมื่อตอนอายุเท่าไร การแช่แข็งไข่จึงเป็นทางเลือกที่ดีในการเก็บรักษาไข่ของพวกเธอไว้ในขณะที่ยังอายุน้อยอยู่ เพราะไข่ที่ถูกเก็บไว้เมื่ออายุยังน้อยย่อมมีคุณภาพมากกว่าไข่ในอนาคตที่มีอายุเพิ่มมากขึ้น และการทำงานของอวัยวะต่างๆ ในร่างกายก็แย่ลงกว่าเดิม โดยเฉพาะเมื่อผู้หญิงมีอายุตั้งแต่ 35 ปีขึ้นไป และต้องการตั้งครรภ์ เพราะคุณภาพของไข่และอายุของผู้หญิงเป็นตัวแปรสำคัญต่อสุขภาพของทารกในครรภ์
อย่างไรก็ตาม การแช่แข็งไข่ไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาการต้องการมีลูกแต่ยังไม่พร้อมด้วยสาเหตุต่างๆ แต่วิธีนี้ยังช่วยผู้หญิงที่เป็นมะเร็งตั้งแต่อายุยังน้อยให้สามารถมีลูกได้อีกด้วย เพราะผู้หญิงที่เป็นมะเร็งนั้นอาจจะต้องเข้ารับการรักษาโรคมะเร็งด้วยวิธีการคีโมบำบัด ซึ่งวิธีนี้จะทำให้เกิดอาการข้างเคียง อย่างทำให้หมดประจำเดือน ซึ่งจะทำให้ผู้ป่วยไม่สามารถมีลูกได้ แต่ถ้าพวกเธอเลือกที่จะแช่แข็งไข่ไว้ก่อนที่จะเข้ารับการรักษาโรคมะเร็ง ก็จะทำให้พวกเธอยังมีโอกาสที่จะมีลูกได้ในอนาคต
วิธีการแช่แข็งไข่นั้น เริ่มจากแพทย์จะฉีดกระตุ้นไข่ในรังไข่ของผู้หญิงให้ตกไข่มากขึ้นกว่าปกติ เพื่อที่แพทย์จะได้ทำการเก็บไข่ได้เป็นจำนวนมากต่อการเก็บหนึ่งครั้ง เมื่อไข่สมบูรณ์เต็มที่แล้ว แพทย์ก็จะทำการเก็บไข่ออกมาทางช่องคลอด แล้วนำไข่เหล่านี้ไปแช่ไว้ในไนโตรเจนเหลว และต้องแช่ไว้ภายในถังเก็บที่มีอุณหภูมิอยู่ที่ -196 องศา ซึ่งจะทำให้เกิดการเย็นตัวลงอย่างรวดเร็วและหยุดปฏิกิริยาทุกอย่างของเซลล์ไข่ไว้
วิธีนี้จะทำให้สามารถเก็บรักษาไข่ของผู้หญิงเอาไว้ได้เป็นเวลาหลายปี ค่าใช้จ่ายในการเก็บไข่หนึ่งครั้งอยู่ที่ประมาณ 10,000 เหรียญอเมริกา (ประมาณ 326,000 บาท) และยังต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษาไข่ที่แช่แข็งไว้อีกด้วย ซึ่งมีราคาอยู่ที่ประมาณ 500 เหรียญอเมริกาต่อปี (ประมาณ 17,000 บาท)
สำหรับการแช่แข็งไข่นี้ อายุของผู้หญิงไม่ใช่ตัวแปรสำคัญเพียงอย่างเดียวต่อคุณภาพของไข่ แต่สภาพแวดล้อมที่ผู้หญิงคนนั้นพบเจอในช่วงเวลาตกไข่ต่างหากที่สำคัญกว่า อย่างเช่นว่าพวกเธอมีความเครียดมากน้อยแค่ไหนในแต่ละวัน กินอาหารครบทั้ง 5 หมู่หรือไม่ มีอาการหดหู่ และนอนไม่หลับบ่อยแค่ไหน ปัจจัยต่างๆ เหล่านี้จะทำให้ร่างกายผลิตสารบางอย่างออกมารบกวนการทำงานของฮอร์โมน และจะส่งผลให้คุณภาพของไข่ลดลง
ดังนั้นแม้ว่าคุณจะตัดสินใจแช่แข็งไข่ไว้ตั้งแต่ตอนอายุ 20 ปี แต่ในช่วงเวลานั้นคุณกลับมีสุขภาพที่ไม่ดี มีการพักผ่อนไม่เพียงพอ และมีความเครียดสูง ก็จะทำให้ไข่ของคุณที่ถูกเก็บออกมามีคุณภาพน้อยกว่าผู้หญิงที่มีอายุมากกว่า แต่ดูแลสุขภาพกายและใจเป็นอย่างดี
คนต่างชาติมีประโยคพูดอยู่ประโยคหนึ่งว่า “Youth does not always equal better health” หมายความว่า การที่คุณอายุยังน้อยไม่ได้หมายความว่าคุณมีสุขภาพดีกว่า ซึ่งเรื่องนี้มีการศึกษาและทำวิจัยอย่างจริงจังโดย Epigenetics ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่ทำการศึกษาเรื่องการเปลี่ยนแปลงการแสดงออกของยีนในสิ่งมีชีวิต พวกเขาพบว่า ความเครียด อาหารที่รับประทาน การนอนหลับและอารมณ์ เป็น 4 ปัจจัยสำคัญที่จะทำให้สุขภาพดีและชะลอความแก่ก่อนวัยอันควร
ถึงแม้ว่าการแช่แข็งไข่จะเป็นการซื้อเวลาที่ต้องการตั้งครรภ์ออกไปสำหรับผู้ที่มีอายุน้อยและยังไม่พร้อมตั้งครรภ์ แต่ผู้ที่ต้องการแช่แข็งไข่ก็ต้องเข้าใจด้วยเช่นกันว่า การนำไข่ที่แช่แข็งไว้มาใช้ในอนาคตนั้น โอกาสที่จะประสบความสำเร็จในการตั้งครรภ์นั้นค่อนข้างต่ำมาก ประมาณ 2–12% ซึ่งนั่นหมายความว่า ถึงแม้ว่าคุณจะแช่แข็งไข่เก็บไว้เป็นจำนวนมากตั้งแต่อายุยังน้อยก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะตั้งครรภ์ได้อย่างแน่นอนในอนาคต
นอกจากนี้สูตินรีแพทย์ในอเมริกาได้ให้ความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการแช่แข็งไข่ไว้ว่า ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่ผู้หญิงต้องการตั้งครรภ์ แม้จะอายุมากแล้วก็ตาม แพทย์ก็ยังแนะนำให้ใช้วิธีการตามธรรมชาติก่อน เพราะไข่ที่ผลิตออกมาจากรังไข่ในแต่ละเดือนนั้นย่อมดีกว่าไข่ที่ถูกแช่แข็งไว้ และการนำไข่ที่แช่แข็งไว้มาปฏิสนธิกับตัวอสุจิข้างนอกนั้นมีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จน้อยมาก
ดังนั้นผู้หญิงที่มีอายุค่อนข้างเยอะแต่มีสุขภาพร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ก็อาจจะมีโอกาสตั้งครรภ์ที่สูงมากกว่าเมื่อเทียบกับการเลือกใช้ไข่ที่แช่แข็งไว้ และแน่นอนว่า ถ้าพวกเธอสามารถตั้งครรภ์ได้ตามวิธีทางธรรมชาติ ไข่ที่แช่แข็งไว้ก็จะไม่ได้ถูกนำมาใช้ ดังนั้นในอเมริกาจึงมีไข่แช่แข็งเป็นจำนวนมากที่ไม่ได้ถูกนำมาใช้ ถึงแม้ผู้หญิงเหล่านี้จะต้องเสียค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูงในการแช่แข็งไข่ก็ตาม
ที่กล่าวมาข้างต้นคือข้อดีและข้อเสียของการแช่แข็งไข่ ผู้หญิงที่ตัดสินใจทำการแช่แข็งไข่จึงควรคิดให้ละเอียดรอบคอบ
ในอเมริกา ผู้หญิงที่อยู่ในช่วงวัยทำงานส่วนใหญ่ตัดสินใจแช่แข็งไข่ของตัวเองเก็บไว้ เพราะช่วงเวลานี้เรียกได้ว่าเป็นเวลาทองในการทำงานเพื่อสร้างเนื้อสร้างตัว จากการสำรวจความต่างของเงินเดือนของผู้ชายและผู้หญิง (Gender Pay Gap) ในบริษัทต่างๆ พบว่า ผู้หญิงและผู้ชายที่เพิ่งจบจากมหาวิทยาลัย (อยู่ในช่วงอายุ 20 ต้นๆ) จะได้รับเงินเดือนที่เท่ากันเมื่อพวกเขาทำงานในตำแหน่งหน้าที่เดียวกัน แต่เมื่อพวกเขาเข้าสู่ช่วงอายุ 30 ปี ที่หลายๆ คนเริ่มแต่งงานมีครอบครัวแล้ว และมีความก้าวหน้าในหน้าที่การงานมากขึ้น ผู้ชายกลับได้รับเงินเดือนมากกว่าผู้หญิง ถึงแม้ว่าพวกเขาจะทำงานในตำแหน่งเดียวกันก็ตาม
เรื่องความต่างของเงินเดือนน่าจะเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ผู้หญิงหลายคนตัดสินใจให้ความสนใจกับการทำงานมากกว่าการมีครอบครัว และเลือกที่จะแช่แข็งไข่เก็บไว้ใช้ในอนาคต
เรื่องการแช่แข็งไข่กลายเป็นประเด็นที่ทำให้มีการพูดถึงกันอย่างแพร่หลายอีกหลายเท่า เมื่อสองบริษัทใหญ่ที่เป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีในประเทศอเมริกาอย่าง Apple และ Facebook ได้ออกมาเปิดเผยถึงนโยบายใหม่ของบริษัทที่จะช่วยให้ผู้หญิงทุ่มเทความสนใจไปกับงาน และไม่ต้องเป็นกังวลเรื่องการมีครอบครัว
เมื่อกลางเดือนตุลาคมปีที่แล้ว Apple และ Facebook ได้ประกาศว่า บริษัทของพวกเขาจะจ่ายเงินให้กับพนักงานที่เป็นผู้หญิงและต้องการทำการแช่แข็งไข่ไว้ Apple ได้ประกาศออกมาแล้วว่า จะจ่ายเงินให้กับลูกจ้างหญิงที่ทำการแช่แข็งไข่ไม่เกิน 20,000 เหรียญอเมริกา (ประมาณ 652,000 บาท) ซึ่งเป็นเงินที่บริษัทจะจ่ายให้ต่างหาก ไม่ได้รวมอยู่กับสวัสดิการการรักษาพยาบาลตามปกติ และไม่เกี่ยวกับการจ่ายเงินให้เป็นเวลา 4 สัปดาห์ก่อนที่จะคลอดบุตรและพักฟื้นหลังคลอดอีก 18 สัปดาห์
นโยบายนี้ของ Apple เริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เดือนมกราคมของปีนี้ ในขณะที่ Facebook ไม่ได้บอกว่าจะช่วยจ่ายมากที่สุดเท่าไหร่สำหรับการแช่แข็งไข่ แต่บริษัทจะจ่ายเงินเพิ่มให้อีก 4,000 เหรียญอเมริกา (ประมาณ 131,000 บาท) สำหรับคนที่เพิ่งคลอดลูก และอนุญาตให้ลาหลังคลอดบุตรได้เป็นเวลา 4 เดือน ทั้งผู้ชายและผู้หญิง
ทั้งสองบริษัทคาดหวังว่า นโยบายใหม่นี้จะดึงดูดให้ผู้หญิงเป็นจำนวนมากสนใจที่จะทำงานกับบริษัทของตน ในขณะเดียวกัน งานในสายงานด้านเทคโนโลยีถูกมองว่าเป็นงานของผู้ชาย (Male-dominated workplace) โดยเฉพาะในตำแหน่งของผู้จัดการหรือหัวหน้างานที่ล้วนแต่ตกเป็นของผู้ชาย ดังนั้นนโยบายนี้น่าจะทำให้ผู้หญิงหันมาทุ่มเทให้กับการทำงานให้กับบริษัทมากกว่าสนใจเรื่องการมีครอบครัว และการที่ผู้หญิงหันมาสนใจการทำงานมากขึ้น ก็น่าจะทำให้ผู้หญิงมีโอกาสมากขึ้นในการเลื่อนตำแหน่งขึ้นไปเป็นผู้จัดการ
การแช่แข็งไข่จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้หญิงที่ยังไม่พร้อมจะแต่งงาน และต้องการทุ่มเทเวลาส่วนใหญ่ให้กับงานก่อน ซึ่งการแช่แข็งไข่จะช่วยให้พวกเธอยังมีโอกาสในการตั้งครรภ์ได้อยู่ ถึงแม้ว่าพวกเธอจะอายุมากขึ้นแล้วก็ตาม
ไข่ที่ถูกเก็บออกมาแล้วจะถูกนำไปแช่ไว้ในไนโตรเจนเหลวและจะต้องแช่ไว้ภายในถังเก็บที่มีอุณภูมิอยู่ที่ -196 องศา
ตัวอย่างตารางการพบแพทย์เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนที่แพทย์จะทำการเก็บไข่เพื่อนำไปแช่แข็ง
ค่าใช้จ่ายในการเก็บไข่อยู่ที่ครั้งละ 10,000 เหรียญอเมริกา และค่าเก็บรักษาอีก 500 เหรียญอเมริกาต่อปี
Apple และ Facebook เป็นสองบริษัทที่มีนโยบายจะจ่ายเงินค่าแช่แข็งไข่ให้กับลูกจ้างผู้หญิง