Column: FROM PARIS
Petit Palais เป็นอาคารที่สร้างขึ้นเพื่อรองรับงานเอ็กซ์โปนานาชาติปี 1900 ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์ Musée des beaux-arts de la Ville de Paris ขึ้นกับเมืองปารีส ในฤดูร้อนปี 2019 จัดนิทรรศการ Paris romantique 1815-1848 ปารีสโรแมนติก
ระหว่างปี 1815-1848 อันเป็นช่วงที่นโปเลอง (Napoléon) หมดอำนาจจนถึงช่วงปฏิวัติปี 1848
Paris romantique 1815-1848 สะท้อนกรุงปารีสระหว่างปี 1815-1848 ทั้งด้านสังคม ศิลปะ และความคิดอ่าน
นิทรรศการนี้นำผลงานกว่า 600 ชิ้นมาแสดง มีทั้งภาพเขียน ประติมากรรม เครื่องเรือน objets d’art สะท้อนความเคลื่อนไหวด้านศิลปะ วัฒนธรรม และการเมืองในยุคนั้น เริ่มจากพระราชวังตุยเลอรีส์ (Tuileries) ซึ่งเป็นพระราชวังที่กษัตริย์หลุยส์ 18 และชาร์ลส์ ที่ 10 ประทับระหว่างปี 1815-1830 และหลุยส์-ฟิลิป ระหว่างปี 1830-1848 ปาเลส์-รัวยาล (Palais-Royal) โรงละคร Nouvelle-Athènes วิหาร Notre-Dame de Paris ของ Victor Hugo ย่าน Grands Boulevards des théâtres ย่าน Quartier latin
Salon du Louvre เป็นสถานที่จัดนิทรรศการศิลป์ มีผลงานของจิตรกร Géricault Jean-Dominiques, Ingres, Paul Delaroche, Chassriau และ Eugène Delacroix ยุคต้นกระแส romantisme ประติมากรอย่าง Jehan Duseigneur เป็นต้น นักเขียนดังในครึ่งแรกของศตวรรษที่ 19 มี Honoré de Balzac, Victor Hugo, Alfred de Musset Théophile Gautier… ซึ่งพบปะกันสม่ำเสมอ พูดคุยเกี่ยวกับศิลปะ ดนตรี วรรณกรรม จนถึงความบันดาลใจที่ได้รับ
ความชื่นชอบศิลปะที่ย้อนไปถึงยุคกลาง อันเห็นได้จากสถาปัตยกรรมของวิหาร Notre-Dame de Paris ซึ่งหลังการปฏิวัติทรุดโทรมมาก ลูกศร-flèche ที่เป็นผลงานของ Viollet-le-Duc ซึ่งถูกไฟไหม้เมื่อวันที่ 15 เมษายน 2019 และแล้ววิกตอร์ อูโก ก็เขียนหนังสือชื่อ Notre-Dame de Paris ในปี 1831 ทำให้ผู้คนหันมาสนใจโบราณสถานแห่งนี้ นิทรรศการนำภาพเขียนเกี่ยวกับตัวละครในหนังสือเล่มนี้ ทั้งไอ้ค่อม Quasimodo และสาวสวย Esmeralda ต่อมาในปี 1834 นักเขียน Prosper Mérimée ได้รับแต่งตั้งเป็นผู้ตรวจการโบราณสถาน จึงต้องเดินทางไปทั่วฝรั่งเศสจนถึงปี 1860 เพื่อจัดทำบัญชีโบราณสถานทั้งมวล ซึ่งมีถึง 43,600 แห่งด้วยกัน
เครื่องแต่งกายของยุคโรแมนติกก็นำมาแสดงด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหนุ่มเจ้าสำราญที่เรียกว่า dandy รวมทั้งเสื้อผ้าสตรี ส่วนประกอบแฟชั่นทั้งหญิงและชาย เครื่องประดับ
ความเป็นไปของถนนชองป์เซลีเซส์ (avenue des Champs-Elysées) ที่ชาวปารีสไปเดินเล่น ด้านหนึ่งเป็นประตูชัย (Arc de Triomphe) ซึ่งนโปเลองที่ 1 ให้สร้างเพื่อรำลึกถึงชัยชนะของกองทัพอันทรงพลัง ซึ่งมาแล้วเสร็จในยุคหลุยส์-ฟิลิป อีกด้านหนึ่งของชองป์เซลีเซส์ หลุยส์-ฟิลิปให้ตั้งเสาหินจากลุกซอร์ อันเป็นของขวัญจากกษัตริย์ของอียิปต์กลางจตุรัส Place de la Concorde
ด้านดนตรี ได้นำภาพเขียนของนักแต่งเพลงชื่อดังในยุคนั้น Hector Berlioz และ Liszt มาแสดงใกล้กับเปียโน Pleyel ที่ทั้งสองเคยเล่น นอกจากนั้นยังมีโน้ตดนตรี
ยุคโรแมนติกเป็นยุคที่มีการถากถางความฟุ่มเฟือยหรูหรา และเขียนภาพ caricature ไม่เว้นแม้แต่กษัตริย์หลุยส์-ฟิลิป และเป็นยุคที่การเมืองระส่ำระสาย ช่วงที่เรียกว่า les Trois Glorieuses กล่าวคือวันที่ 27, 28 และ 29 กรกฎาคม 1830 เกิดการลุกฮือขับไล่กษัตริย์ชาร์ลส์ที่ 10 แทนที่ด้วยหลุยส์-ฟิลิป เริ่มมีการใช้ธงสามสีที่เรียกว่า tricolor เป็นธงประจำชาติ แต่แล้วสถาบันกษัตริย์เดือนกรกฎาคมก็ไปไม่รอด จึงล่มสลายในวันที่ 22-24กุมภาพันธ์ 1848 และเป็นจุดเริ่มต้นของสาธารณะที่สอง
การปฏิวัติเดือนกุมภาพันธ์ได้จำลองบนภาพเขียนเช่นกัน Le gamin de Paris aux Tuileries เป็นเด็กชายนำประชาชนไปเผาทำลายพระราชวังตุยเลอรีส์ เป็นภาพเดียวกับเด็กชายชื่อ Gavroche ที่ถูกยิงตายในเรื่อง Notre-Dame de Paris ของ Victor Hugo
ปาเลส์-รัวยาล (Palais-Royal) แต่เดิมเรียก Palais-Cardinal เพราะสร้างโดยคาร์ดินัล ริเชอลิเออ (Cardinal Richelieu) ซึ่งถวายแด่กษัตริย์หลุยส์ที่ 13 ต่อมาเป็นที่ประทับของหลุยส์ 14 และฟิลิป ดอร์เลอองส์ (Philippe d’Orléans) ปาเลส์-รัวยาลทรุดโทรมไปตามกาลเวลา กลายเป็นแหล่งบันเทิง การค้าและหญิงบริการ กว่าจะมาเป็นอย่างที่เห็นในปัจจุบัน
Les Grands Boulevards และบริเวณใกล้เคียงมีชีวิตครึกครื้น มีแต่ความบันเทิง การละครและการแสดงต่างๆ
การปฏิวัติเดือนกุมภาพันธ์ทำให้ les Trois Glorieuses ยุคโรแมนติกสิ้นสุดลง
Paris romantique 1815-1848, les salons littéraires ที่ Musée de la vie romantique เป็นนิทรรศการคู่ขนานกับนิทรรศการ Paris romantique 1815-1848 ที่ Petit Palais แต่เน้นเรื่องวรรณกรรม