นักวิจัยไทยค้นพบจิ๊กซอว์สำคัญของภาพจิตรกรรมฝาผนังกู่พญาเต่งมาซีที่หายไปจากเมืองมรดกโลกพุกามกว่า 120 ปี ด้วยการวิจัยแบบบูรณาการผสานศาสตร์และการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ พร้อมจับมือกรมโบราณคดีเมียนมาพัฒนาบุคลากรด้านการวิจัย
ดร.เกรียงไกร เกิดศิริ คณะสถาปัตยกรรม มหาวิทยาลัยศิลปากร เปิดเผยว่า คณะนักวิจัยไทยนำโดย ศ.ดร.เสมอชัย พูลสุวรรณ เมธีวิจัยอาวุโส สกว. จากคณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ลงพื้นที่เมืองพุกาม ประเทศเมียนมา เพื่อนำองค์ความรู้หัวข้อ “กู่พญาเต่งมาซีและจิตรกรรมฝาผนัง: การหายไปและการฟื้นฟูความรู้ใหม่อีกครา” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนงานวิจัยชุดโครงการเมธีวิจัยอาวุโส สกว. “พระพุทธศาสนาเถรวาทในบริบทวัฒนธรรมเอเชียอาคเนย์ (คริสต์ศตวรรษที่ 11-ปัจจุบัน)” คืนกลับไปยังดินแดนพุกาม เพื่อกระชับความสัมพันธ์และขยายเครือข่ายการคุ้มครองป้องกันและการพัฒนามรดกวัฒนธรรมในประเทศลุ่มแม่น้ำโขง ประจำปี 2562 ณ เมืองโบราณพุกาม
“เมืองพุกาม” เป็นเมืองโบราณที่เลื่องชื่อด้วยมีสิ่งก่อสร้างทางพุทธศาสนาทั้งเจดีย์และกู่พญาซึ่งมีหน้าที่เป็นวิหารอยู่ในอาคารหลังเดียวกันที่มีอยู่จำนวนมากมายหลายพันองค์จนได้รับสมญาเป็นเมืองแห่งทะเลเจดีย์ เมื่อ 120 ปีที่ผ่านมาจิตรกรรมฝาผนังของกู่พญาเต่งมาซีได้ถูกลักลอบตัดออกจากแหล่งโดยนักแสวงโชคนามว่า ‘โธมัน’ คณะวิจัยได้สร้างสมมติฐานถึงแบบแผนของจิตรกรรมฝาผนังดังกล่าว โดยบูรณาการกับการสำรวจรังวัดตัวอาคารด้วยเทคโนโลยีเลเซอร์สแกนเนอร์สามมิติ รวมถึงตรวจทานจารึกภาษาพม่าโบราณที่เขียนกำกับไว้ โดยทำงานร่วมกับนักวิชาการอาวุโสด้านโบราณคดีและจารึกพม่าจากกรมโบราณคดีเมียนมา ร่วมกับการสอบทานกับพระไตรปิฎกและคัมภีร์พระพุทธศาสนาต่าง ๆ อีกทั้งสอบทวนภาพถ่ายฟิล์มกระจกที่โธมันถ่ายไว้และตีพิมพ์ลงในหนังสือเกี่ยวกับพุกามด้วยอากาศยานไร้คนขับเพื่อสร้างหุ่นจำลองภาพหมอกจุดรูปทรงภายนอกของตัวอาคาร
พร้อมกันนี้นักวิจัยได้ประสานงานเข้าไปศึกษาคลังเก็บรักษาโบราณวัตถุของพิพิธภัณฑ์ชาติพันธุ์วิทยาแห่งนครฮัมบูร์ก ประเทศเยอรมนี ซึ่งเก็บรักษาภาพจิตรกรรมฝาผนังกู่พญาเต่งมาซีไว้และเอกสารที่เกี่ยวเนื่องจากงานจดหมายเหตุของพิพิธภัณฑ์ ผลลัพธ์ของการวิจัยนำมาซึ่งองค์ความรู้ความเข้าใจต่อบริบททางสังคม วัฒนธรรม การเมืองที่สัมพันธ์กับพระพุทธศาสนาในช่วงภายหลังหัวเลี้ยวหัวต่อจากการปฏิรูปศาสนาสำนักมหาวิหารในลังกาเมื่อราวพันกว่าปีที่แล้ว ซึ่งกลายเป็นแบบแผนของพระพุทธศาสนาเถรวาทในเอเชียอาคเนย์รวมถึงประเทศไทย
นอกจากนี้ยังมีการศึกษาภาคสนามขั้นต้นเรื่อง “การเปลี่ยนผ่านจากพยูถึงพุกาม: มิติโครงสร้างเมือง และสถาปัตยกรรม” ซึ่งสถาบันมรดกโลก มหาวิทยาลัยวาเซดะ ประเทศญี่ปุ่น ให้การสนับสนุนนักศึกษาปริญญาเอกกาญจนาภิเษก สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) หรือสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) ในปัจจุบัน เพื่อพัฒนานักวิจัยรุ่นเยาว์สู่ระดับนานาชาติ อีกทั้งส่งเสริมและพัฒนาบุคลากรหน่วยโบราณคดีพุกามด้านการวิจัยในพื้นที่ของตนเอง โดยมุ่งสร้างองค์ความรู้ความเข้าใจว่าวัฒนธรรมพยูส่งอิทธิพลมายังการก่อร่างสร้างอาณาจักรพุกามอย่างไร เพื่อเรียงร้อยเรื่องราวประวัติศาสตร์การตั้งถิ่นฐานของชุมชนในเอเชียอาคเนย์ในยุคต้นหลังจากการรับวัฒนธรรมอินเดียและพุทธศาสนา รวมถึงบริบทเมืองในวัฒนธรรมพยูซึ่งได้รับการยกย่องเป็นมรดกโลกแล้ว และมรดกโลกเมืองพุกามที่เพิ่งได้รับการยกย่องในปีที่ผ่านมา เพื่อให้เห็นมิติความสัมพันธ์ทางสังคม การเมือง วัฒนธรรม และศาสนาที่พัฒนาและส่งอิทธิพลต่อรัฐจารีตทั้งล้านนาและสุโขทัยของไทย
“การกลับไปยังเมืองพุกามครั้งนี้จึงเป็นการนำองค์ความรู้เกี่ยวกับจิตรกรรมฝาผนังย้อนคืนกลับมายังดินแดนต้นธารของความรู้ เป็นจิ๊กซอว์สำคัญในการคลี่คลายความมืดมนคลุมเครือของประวัติศาสตร์เอเชียอาคเนย์ยุคโบราณที่จำกัดด้วยหลักฐานลายลักษณ์ ด้วยการบุกเบิกการวิจัยแบบบูรณาการผสานศาสตร์และการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ รวมทั้งเป็นกลไกสำคัญในการส่งเสริมความสัมพันธ์การทางทูตระหว่างไทยและเมียนมาผ่านมิติทางวัฒนธรรมและการศึกษาวิจัยอีกด้วย”