แกร็บ ผู้นำซูเปอร์แอปแห่งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประกาศเปิดตัว GrabKitchen (แกร็บคิทเช่น) แห่งแรกในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ณ ตลาดสามย่าน หลังจากประสบความสำเร็จอย่างล้นหลามในประเทศอินโดนีเซีย แกร็บคิทเช่น คือ คลาวด์ คิทเช่น (Cloud Kitchen) หรือครัวกลางที่ได้รวบรวมร้านอาหารและเครื่องดื่มอันหลากหลายมาไว้ในที่เดียวเพื่อช่วยขจัดช่องว่างและข้อจำกัดด้านสถานที่ตั้งของร้านอาหารในพื้นที่ต่างๆ พร้อมทั้งเพิ่มตัวเลือกด้านอาหารที่หลากหลายยิ่งขึ้นผ่านการใช้ฐานข้อมูลของแกร็บฟู้ด
แกร็บคิทเช่นเปิดตัวครั้งแรกในอินโดนีเซียเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา และประสบความสำเร็จอย่างมาก การเปิดตัวแกร็บคิทเช่นในประเทศไทยในวันนี้ทำให้แกร็บฟู้ดเป็นผู้ดำเนินธุรกิจคลาวด์ คิทเช่นที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วย ครัว“อาหารปรุงสด” จำนวน 20 แห่งรวมถึงในเวียดนาม นอกจากนี้ยังเป็นครั้งแรกที่แกร็บฟู้ดขยายการดำเนินการแกร็บคิทเช่นนอกประเทศอินโดนีเซีย ภายในปลายปีพ.ศ.2562 แกร็บฟู้ดจะเป็นผู้ดำเนินเครือข่ายธุรกิจคลาวด์ คิทเช่นที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาค โดยตั้งเป้าเปิด แกร็บคิทเช่นกว่า 50 สาขาใน 5 ประเทศทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พร้อมขึ้นเป็นแพลตฟอร์มให้บริการส่งอาหารระดับภูมิภาคหนึ่งเดียวที่ให้การบริการครอบคลุมมากที่สุด ในปัจจุบัน แกร็บฟู้ดให้บริการอยู่ใน 221 เมือง ใน 6 ประเทศ
แกร็บคิทเช่นนำเสนอเมนูอาหารที่หลากหลายแก่ผู้ใช้บริการในพื้นที่ที่แกร็บคิทเช่นตั้งอยู่โดยการใช้ประโยชน์จากฐานข้อมูลที่ลูกค้าเคยใช้บริการเพื่อขจัดช่องว่างด้านสถานที่ตั้ง ในขณะเดียวกันก็ช่วยลดเวลาในการส่งอาหาร นอกจากนี้ ยังช่วยสนับสนุนโอกาสเติบโตทางธุรกิจของพาร์ทเนอร์ร้านอาหารซึ่งเป็นผู้ประกอบธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลางในการขยายการเข้าถึงผู้บริโภคโดยการใช้เทคโนโลยีและไม่ต้องอาศัยเงินลงทุนจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของค่าเช่า ซึ่งมักจะเป็นค่าใช้จ่ายที่สูงมากอย่างหนึ่งสำหรับผู้ประกอบการร้านอาหารและเครื่องดื่ม
นายธรินทร์ ธนียวัน กรรมการผู้จัดการใหญ่ แกร็บ ประเทศไทย กล่าว “ในฐานะผู้นำตลาดบริการส่งอาหาร เราได้พัฒนากลยุทธ์ร่วมกับพาร์ทเนอร์ร้านค้าอย่างต่อเนื่องเพื่อเติมเต็มระบบอีโคซิสเต็มของแกร็บให้สมบูรณ์ ด้วยเหตุนี้เราจึงพบว่าพาร์ทเนอร์ร้านค้าต้องจัดการกับความท้าทายมากมาย ไม่ว่าจะเป็น การลงทุน ลูกค้าไม่สามารถเข้าถึงเมนูโปรดได้เท่าที่ต้องการ หรือเวลาส่งอาหารที่ยาวนาน แกร็บคิทเช่นจะเป็นสิ่งที่แก้ปัญหาให้ผู้ประกอบธุรกิจอาหารต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเจ้าของธุรกิจร้านอาหารขนาดย่อมและขนาดกลางหรือผู้ประกอบการอิสระต่างๆ ให้พวกเขาได้มีโอกาสขยับขยายธุรกิจโดยที่ไม่ต้องคอยกังวลถึงค่าใช้จ่ายด้านการดำเนินการที่สูงลิ่วหรือต้องใช้เม็ดเงินลงทุนมาก และสนับสนุนให้พวกเขาได้สร้างสรรค์เมนูอาหารสุดอร่อยเปี่ยมด้วยคุณภาพกันอย่างเต็มที่ ในส่วนของพาร์ทเนอร์ผู้ขับขี่นั้น โปรเจ็กต์นำร่องในครั้งนี้จะช่วยสร้างออเดอร์อาหารที่มากขึ้น ส่งผลต่อโอกาสด้านรายได้ที่มากขึ้นกว่าเคย”
แกร็บคิทเช่น แห่งแรกในกรุงเทพฯ
แกร็บใช้ข้อมูลในการระบุสถานที่ตั้งเพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคและการให้บริการของพาร์ทเนอร์ร้านอาหาร โดยครัวกลางของแกร็บนี้ตั้งอยู่บนชั้น 2 ของตลาดสามย่าน ซึ่งเชื่อมบริเวณใจกลางของกรุงเทพฯ เข้ากับเขตสำคัญอื่นๆ รวมถึงย่านศูนย์กลางทางธุรกิจอย่างสยาม สีลมและสาทร ครัวกลางแห่งนี้แบ่งเป็นครัวย่อยทั้งหมด 12 ครัวของร้านอาหารชื่อดังทั่วกรุงเทพฯ โดยทุกขั้นตอนการประกอบอาหารในแกร็บคิทเช่นเป็นไปตามมาตรฐานการผลิตอาหารพร้อมการรับรองด้านสุขอนามัย รวมถึงอุปกรณ์เพื่อความปลอดภัยและป้องกันเพลิงไหม้ เพื่อจะมั่นใจได้ว่าอาหารจะไม่เพียงแต่รสชาติดี แต่ยังสะอาดและปลอดภัย แกร็บคิทเช่นเปิดบริการให้ลูกค้าสามารถกดสั่งออเดอร์จากแอปพลิเคชันแกร็บได้ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 8.00 – 22.00 น. ภายในรัศมีส่ง 8 กิโลเมตร
แกร็บคิทเช่น สามย่าน พร้อมเสิร์ฟความอร่อยให้กับลูกค้าด้วยเมนูอาหารมากมายตั้งแต่เช้าตรู่จนถึงช่วงค่ำ โดยได้รวมร้านอาหารโด่งดัง 12 แห่งไว้ด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น บราวน์คาเฟ่ เอลวิสสุกี้ ป.เจริญชัย ไก่ตอน ตำป๊อกป๊อก อองตอง ข้าวซอย ปูไข่ดองของกู เคเคบับ และยังมีร้านอาหารเจ้าดัง 5 ร้านจากเครือเซ็นทรัล เช่น เจ๊เกียง โจ๊กกองปราบ หมูทอดถนนประมวญ ก๋วยเตี๋ยวต้มยำแปดริ้ว โตเกียวโบวล์และตามสั่งสิ้นคิด การรวมร้านอาหารชื่อดังมากมายถึง 12 ที่มาไว้ในที่เดียวจะช่วยให้ผู้บริโภคสามารถเลือกสั่งอาหารจากร้านอาหารต่างๆ ในแกร็บคิทเชนภายในออเดอร์เดียวได้อีกด้วย
เร่งการเติบโตทางธุรกิจให้พาร์ทเนอร์ร้านอาหาร
แกร็บคิทเช่นนำเสนอวิธีใหม่ที่ช่วยเร่งสร้างความเติบโตของธุรกิจได้ด้วยการขจัดความยุ่งยากในการจัดการหน้าร้านอย่างสิ้นเชิง ครัวกลางแห่งนี้ใช้ประกอบอาหารสำหรับส่งโดยเฉพาะ ผู้ประกอบการสามารถเริ่มธุรกิจด้านอาหารได้แทบจะในทันทีโดยไม่ต้องมีสัญญาเช่า โดยแกร็บคิทเช่นได้ติดตั้งระบบแก๊สและระบบน้ำต่างๆ ไว้ให้พร้อมสรรพ ผู้ประกอบธุรกิจอาหารเพียงแค่นำเครื่องครัวและอุปกรณ์ประกอบอาหารต่างๆ เข้ามาและดำเนินธุรกิจของพวกเขาต่อได้อย่างราบรื่นและง่ายดาย ด้วยความกังวลด้านค่าใช้จ่ายและการบริหารจัดการหน้าร้านต่างๆ ที่ลดลง ผู้ประกอบจึงสามารถทุ่มเทความสนใจไปกับการประกอบอาหารและสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจอาหารของตนให้เติบโตต่อไป
นอกจากนี้ การนำข้อมูลบนแพลตฟอร์มมาใช้เพื่อเสาะหาร้านอาหารยอดนิยมต่างๆ ทั่วกรุงเทพฯ มารวมในที่เดียวจะช่วยบรรเทาปัญหาให้กับร้านค้าที่เคยประสบข้อจำกัดด้านการให้บริการเนื่องจากระยะทาง อีกทั้งยังช่วยให้ร้านค้าต่างๆ สามารถขยายฐานลูกค้าสู่กลุ่มคนใหม่ๆ และเจาะกลุ่มลูกค้าในยุคดิจิทัลได้มากขึ้น
นายดุลยวิทย์ ขุ่ยอาภัย เจ้าของร้านอองตอง ข้าวซอย พาร์ทเนอร์ร้านอาหารที่นำข้าวซอยซึ่งเป็นอาหารเหนือขนานแท้สู่กรุงเทพฯ ได้กล่าวว่า “เราตื่นเต้นมากเมื่อทราบถึงแนวคิดแกร็บคิทเช่นและตัดสินใจเข้าร่วมด้วยเกือบจะในทันที เรามองว่าโอกาสทางธุรกิจในครั้งนี้จะสร้างประโยชน์ให้กับทั้งสองฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นผู้ประกอบการเองหรือแกร็บ การลงทุนกับแกร็บคิทเช่นถือว่าใช้เงินลงทุนที่ต่ำเมื่อเทียบกับการเปิดร้านใหม่ซึ่งอาศัยค่าใช้จ่ายต่างๆ ในการจัดเตรียมร้านและการดำเนินการ ยิ่งไปกว่านั้น การที่แกร็บเป็นผู้นำในตลาดการส่งอาหาร ประกอบกับความรู้ความเชี่ยวชาญและฐานลูกค้าที่ใหญ่และแข็งแกร่ง ทำให้เราเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่าแกร็บคิทเช่นจะช่วยให้เราได้เรียนรู้ พัฒนาต่อยอดและเพิ่มศักยภาพให้กับธุรกิจของเราให้เติบโตขึ้นได้อีกระดับ พร้อมขยับขยายธุรกิจได้ในอนาคต”
“แกร็บรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่พาร์ทเนอร์ของเราได้ให้ความเชื่อใจและไว้วางใจ เราเชื่อว่าการร่วมมือกันในครั้งนี้จะนำมาซึ่งความสำเร็จและสร้างการเติบโตทางธุรกิจให้กับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ พาร์ทเนอร์ร้านอาหาร ผู้บริโภค และพาร์ทเนอร์ผู้ขับขี่ เมื่อธุรกิจเติบโต แกร็บเองก็เติบโตตามไปด้วย ในขณะที่พาร์ทเนอร์ของเราจะช่วยเติมเต็มอีโคซิสเต็มโดยรวมของแกร็บ ผ่านความชำนาญด้านร้านค้าร้านอาหาร การเสริมกำลังด้านบุคลากร และความทุ่มเท แกร็บเองก็พร้อมที่จะมอบโอกาสดีๆ ให้เป็นการตอบแทน แกร็บคิทเช่นยังเสริมกลยุทธ์ของแกร็บโดยการตอกย้ำวิสัยทัศน์หลักที่มุ่งขับเคลื่อนภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ผ่านการสนันสนุนผู้ประกอบการรายย่อยกว่าล้านราย คลาวด์ คิทเช่น แห่งนี้จะช่วยปูทางให้กับธุรกิจใหม่ พร้อมทั้งสร้างโอกาสทางรายได้ให้แก่พาร์ทเนอร์คนสำคัญของเรา” นายธรินทร์ กล่าวสรุป