ในปี 2561 รัฐบาลไทยได้ประกาศใช้นโยบาย ‘ประเทศไทย ๔.๐’ หรือ ‘ไทยแลนด์ 4.0’ พร้อมวิสัยทัศน์ในการพัฒนาประเทศไทยสู่ระบบเศรษฐกิจที่มุ่งเน้นการสร้างคุณค่า ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมและความคิดสร้างสรรค์ ดังนั้น กระทรวงการต่างประเทศของไทยจึงได้เตรียมจัดหาหนังสือเดินทางอิเล็กทรอนิกส์ประเภทเทคโนโลยีขั้นสูงที่มีความปลอดภัยสูงให้กับพลเมืองชาวไทยทั้งหมด 15 ล้านเล่ม โดยมีกลุ่ม DGM Consortium ซึ่งประกอบด้วย Gemalto, บริษัทในเครือ Thales, Data Products Toppan Forms Ltd., และ MultiCert เป็นผู้จัดหา โครงการหนังสือเดินทางอิเล็กทรอนิกส์นี้เป็นโครงการเกี่ยวกับหนังสือเดินทางที่ใหญ่ที่สุดที่กลุ่มได้เซ็นสัญญารับมอบในปี 2562
พลเมืองสัญชาติไทยจะได้ใช้เอกสารเดินทาง ดีไซน์ใหม่ที่มีจำนวน 64 หน้า ประกอบด้วยหน้าปกแบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Cover) ซึ่งเป็นหน้าบันทึกข้อมูลของผู้ถือหนังสือเดินทาง ทำจากโพลีคาร์บอเนต มีลักษณะบางและยืดหยุ่น รวมถึงมีช่องแสดงรูปภาพรูปที่สองของผู้ถือหนังสือเดินทาง และรูปถ่ายสีจริงที่ผ่านกระบวนการบันทึกด้วยรังสียูวี คุณสมบัติด้านความปลอดภัยเหล่านี้ทำให้มาตรฐานด้านความปลอดภัยของหนังสือเดินทางเป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัยขั้นสูงตามที่กำหนดโดยองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) โดยพลเมืองชาวไทยจะได้ประโยชน์จากการใช้ซอฟต์แวร์แบบฝังที่มีความปลอดภัยและประสิทธิภาพสูงสุดที่จะช่วยให้พวกเขาข้ามแดนได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ กลุ่ม DGM Consortium จะติดตั้งระบบออกหนังสือเดินทางอิเล็กทรอนิกส์แบบครบวงจรที่มีความปลอดภัยสูง ซึ่งสอดคล้องกับ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ของไทยอย่างเข้มงวด
ความสามารถในการผลิตหนังสือเดินทางจะเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันอย่างมาก เนื่องจากจะมีศูนย์ผลิตที่มีความปลอดภัยสูงสองแห่งสำหรับรองรับการผลิตหนังสือเดินทางให้กับโครงการดังกล่าว คือศูนย์ผลิตหลักและศูนย์ผลิตที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ห่างไกล ทั้งนี้เพื่อให้ธุรกิจดำเนินไปได้อย่างต่อเนื่องและให้ระบบออกหนังสือเดินทางมีความปลอดภัย นอกจากนี้ Thales ยังจะจัดให้มีการฝึกอบรมอย่างต่อเนื่องและการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้านเทคโนโลยีให้กับผู้เกี่ยวข้องในประเทศเพื่อพัฒนาความเชี่ยวชาญด้านการออกหนังสือเดินทาง โดยใช้ความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีระดับโลกยกระดับทักษะเจ้าหน้าที่ชาวไทยในการเดินหน้าสู่ยุคดิจิทัล
นอกจากหนังสือเดินทางที่ออกแบบใหม่แล้ว พลเมืองผู้ถือสัญชาติไทยยังจะได้ประโยชน์จากระบบลงทะเบียนยื่นขอหนังสือเดินทางที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เนื่องจากโครงการจะทำการปรับปรุงกระบวนการลงทะเบียนที่ศูนย์ดำเนินการ 22 แห่งในประเทศไทย รวมถึงมีแผนขยายศูนย์ให้บริการเพิ่มขึ้นอีก 15 แห่งทั่วทั้งประเทศเพื่อเพิ่มจุดให้บริการสำหรับพลเมืองชาวไทยที่ต้องการขอหนังสือเดินทาง
ในฐานะพันธมิตรผู้มุ่งมั่นต่อภาคอุตสาหกรรมของไทยทั้งงานด้านกลาโหมไปจนถึงการจัดการจราจรทางอากาศและการขนส่งภาคพื้นดินมากว่า 30 ปี และเพื่อให้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของประเทศในปัจจุบัน Thales ได้นำมาซึ่งความเชี่ยวชาญทางเทคโนโลยีในด้านอัตลักษณ์ทางดิจิตอล และการพิสูจน์และระบุบุคคลโดยใช้ชีวมาตรหรือไบโอเมตริกซ์ ซึ่งทำให้เราเป็นพันธมิตรที่ได้รับความไว้วางใจจากกระทรวงการต่างประเทศของไทย เพื่อจัดหาหนังสือเดินทางที่มีความทันสมัยและมีความปลอดภัยสูงให้กับพลเมืองชาวไทย
“ตลอดสามทศวรรษที่ Thales ได้มีส่วนสนับสนุนความมุ่งมั่นของลูกค้าชาวไทยในหลายภาคส่วน เราได้ทุ่มเทให้กับการพัฒนาความสามารถทางอุตสาหกรรมในประเทศร่วมกับพันธมิตรของเราอย่างใกล้ชิด กลุ่มบริษัทของเราได้พัฒนาหนังสือเดินทางอิเล็กทรอนิกส์ที่มีความล้ำหน้ามากที่สุดแบบหนึ่งของโลก ซึ่งได้ช่วยสนับสนุนความพยายามของรัฐบาลมาอย่างต่อเนื่องในการนำระบบไบโอเมตริกซ์มาใช้เพื่อขับเคลื่อนขั้นตอนการข้ามแดนให้มีความรวดเร็วและปลอดภัย วันนี้ เรามีความภาคภูมิใจที่ได้ร่วมงานกับประเทศไทย และช่วยกระทรวงการต่างประเทศของไทยเสริมความแกร่งด้านการป้องกันมาตุภูมิ และยกระดับประสบการณ์การเดินทางให้กับพลเมืองชาวไทย เราตั้งตารอที่จะได้ร่วมงานอย่างใกล้ชิดกับกระทรวงการต่างประเทศของไทยและพันธมิตรของเราในการออกแบบและพัฒนาหนังสือเดินทางอิเล็กทรอนิกส์ที่ดียิ่งขึ้นตามข้อกำหนดและเงื่อนไขรวมทั้งมีความปลอดภัยสูง ซึ่งมีมาตรฐานการรักษาความปลอดภัยที่สูงกว่าข้อกำหนดของ ICAO” Massimo Marinzi ผู้อำนวยการประจำประเทศไทย Thales Thailand