วันเดอร์ฟรุ๊ต เฟสติวัลระดับโลกโดยคนไทย จัดขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองงานศิลปะ ดนตรี อาหาร และไอเดียสร้างสรรค์ กลับมาอีกครั้งในเดือนธันวาคมนี้ ชูคอนเซ็ปต์ “ป๊อปอัพซิตี้” แนวคิดการสร้างเมืองในอุดมคติตามวิถีความยั่งยืน ด้วยการนำประสบการณ์และการเรียนรู้ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา รังสรรค์เมืองที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และสร้างแรงบันดาลใจให้ทุกคนอยากมีส่วนร่วม
พีท-ประณิธาน พรประภา ผู้ก่อตั้ง วันเดอร์ฟรุ๊ต กล่าวว่า “เราจำลองเมืองที่เราอยากจะเห็นขึ้น เมืองที่จะเชื่อมโยงผู้คนให้มาร่วมแสดงพลังในการสร้างสรรค์สิ่งดีๆ ที่จะส่งผลต่อสังคมและโลกใบนี้ ทีมงานของเรามีความตั้งใจที่จะออกแบบทุกองค์ประกอบพื้นฐานของเมืองด้วยแนวคิดใหม่ๆ ที่ให้แรงบันดาลใจ และมีประสิทธิภาพ ด้วยความมุ่งมั่นที่อยากสร้างพื้นที่ที่ทุกคนสามารถเป็นส่วนหนึ่งของการทำสิ่งดีๆ ร่วมกัน”
ภายใน “ป๊อปอัพซิตี้” ที่วันเดอร์ฟรุ๊ตสร้างขึ้น วันเดอเรอร์จะได้สัมผัสกับประสบการณ์แปลกใหม่ไม่เหมือนใคร ซึ่งไฮไลท์ในเฟสแรกนี้ วันเดอร์ฟรุ๊ต ประกาศการทำงานร่วมกับโปรเจ็ค Musicity ซึ่งก่อตั้งโดย Nick Luscombe กูรูด้านดนตรีและดีเจมากฝีมือจาก BBC 3 ที่ได้จับมือกับเหล่าโปรดิวเซอร์จากค่าย Erased Tapes อาทิ Daniel Brandt & Eternal Something, Douglas Dare, Hatis Noit, Midori Hirano และ Rival Consoles รวมถึงศิลปินไทย ครั้งแรกที่ศิลปินจากโปรเจ็ค Musicity จะมาทำเพลงซาวด์แทร็คให้กับแลนด์มาร์คต่างๆ ของกรุงเทพฯ พร้อมกับนำเพลงที่แต่งไปโชว์กันสดๆ บนเวที เธียเตอร์ สเตจ (Theatre Stage) ในงานปีนี้
ทางฝั่งโซลาร์ สเตจ (Solar Stage) ของศิลปินนักออกแบบ Greg Fleishman ที่กลายเป็นไฮไลท์สปอตในช่วงพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตกของทุกคน เวทีโครงสร้างโมดูลาร์จะกลับมาพร้อมการปรับดีไซน์กันอีกครั้ง เพิ่มพื้นที่ให้ร่มเงา พร้อมให้วันเดอเรอร์ได้ปีนป่ายและนั่งชมการแสดงจากมุมต่างๆ ได้มากขึ้น โดยศิลปินเฟสแรกของโซลาร์ สเตจ ครั้งนี้นำโดย Acid Pauli, Arp Frique & Family, Daddy G (จากวง Massive Attack), Floating Points, Gidge และ Trojan Sound System
ด้านเดอะ ควอรี่ (The Quarry) จุดรวมตัวของคอดนตรีสายลึก เตรียมต้อนรับการกลับมาของ Craig Richards ศิลปินเพลงอันเดอร์กราวน์ระดับตำนาน เจ้าของโปรเจ็ค “Collisions” ที่เขาได้คัดเลือกศิลปินที่มีแนวเพลงโดดเด่นเฉพาะตัว สะท้อนภาพวงการเพลงอันเดอร์กราวน์ในปัจจุบัน นอกจากนี้ วันเดอร์ฟรุ๊ตยังประกาศความพิเศษของเวที เดอะ ควอรี่ ในปีนี้ที่จะขยายเวลาให้ได้เต้นกันตั้งแต่กลางวัน แฟนเพลงอันเดอร์กราวน์ เตรียมพบกับ Binh, Bobby, Craig Richards, DOTT, Felix Dickinson, Nick The Record, Powder, Sonja Moonear และ Willow
ฟอร์บิดเดน ฟรุ๊ต (Forbidden Fruit) โครงสร้างไม้ไผ่ดีไซน์สวยงาม พร้อมเปิดฟลอร์เต้นรำให้เหล่าวันเดอเรอร์ได้ปล่อยลีลาเป็นตัวของตัวเองอย่างเต็มที่ วันเดอร์ฟรุ๊ต เตรียมยกพื้นที่ให้กับเหล่าศิลปินจากค่าย Ed Banger Records นำโดย Breakbot & Irfane, Busy P, Myd และ Yasmin และอย่าพลาดการอุ่นเครื่องปาร์ตี้กับบีทเพลงสนุกๆ จาก Colleen ‘Cosmo’ Murphy
และอีกสุดยอดความทรงจำที่ทุกคนพูดถึงจากปีที่แล้ว เวที โพลิกอน (Polygon) กับระบบซาวน์แบบ 360 องศาหนึ่งเดียวของโลก จะกลับมาพร้อมเทคโนโลยีวิช่วลแบบไฮเดฟและระบบเสียงรอบทิศทาง กับไลน์อัพศิลปิน-ดีเจแนวอิเล็คทรอนิกส์แบบจัดเต็ม อาทิ Alban Endlos, Alejandro Castelli, Dandara, Holed Coin, Kusht, Luis Rosenberg, Martha Van Straaten, Matanza, Miret, Reple, Sainte Vie, Spaniol, Timboletti และ Xique-Xique เป็นต้น
นอกเหนือจากประสบการณ์ทางดนตรีที่อัดแน่นแล้ว ยังมีโปรแกรม Scratch Talks ที่วันเดอร์ฟรุ๊ตได้เชิญเหล่าผู้นำทางความคิดจากทั่วโลก มาแชร์เรื่องราวสร้างแรงบันดาลใจและจุดประกายไอเดียใหม่ๆ ให้กับเหล่าวันเดอเรอร์ โดยในปีนี้ก็ยังคงจัดขึ้นใน Eco Pavilion ภายใต้ธีมหัวข้อ LIVE, LOVE และ WONDER
และสำหรับผู้ที่ต้องการปรับสมดุลให้กับร่างกายและจิตใจ Wonderness คือพื้นที่ที่จะเปิดโอกาสให้วันเดอเรอร์ได้สำรวจและค้นพบตนเอง ผ่านการทำเวิร์คช็อป กิจกรรม และการรักษาในรูปแบบต่างๆ เช่น การฝึกโยคะ การฟื้นฟูร่างกายและจิตใจด้วยเสียง (sound bath) พิธีกรรมแบบชาแมน (shamanic ceremony) เป็นต้น โดยในปีนี้ จะมีกิจกรรมที่นำเอาภูมิปัญญาไทยเข้ามาผสมผสาน ให้วันเดอเรอร์ได้รับพลัง พร้อมฟื้นฟูร่างกายและจิตใจตามวิถีดั้งเดิมที่ถูกนำมาตีความและนำเสนอในรูปแบบใหม่
วันเดอร์ฟรุ๊ตยังคงเดินหน้าเตรียมกิจกรรมและประสบการณ์อีกมากมาย ซึ่งจะประกาศออกมาให้ทราบในเฟสถัดไป
#Wonderfruit2019 จะจัดขึ้นในวันที่ 12-16 ธันวาคม ณ เดอะฟิลด์ แอท สยามคันทรีคลับ พัทยา ราคาบัตรเฟสแรก จำหน่ายในราคาเริ่มต้นที่ 5,900 บาท สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับงาน ราคาบัตรและที่พักประเภทต่างๆ ได้ที่เว็บไซต์วันเดอร์ฟรุ๊ต