กรมพัฒนาธุรกิจการค้า จับมือ แกร็บ เอาใจผู้บริโภคยุคดิจิทัล พร้อมเสิร์ฟเมนูความอร่อยจากร้านอาหาร Thai SELECT และร้านอาหารในกลุ่มธุรกิจแฟรนไชส์ ถึงบ้าน ผ่านบริการ แกร็บฟู้ด มุ่งยกระดับศักยภาพการบริหารจัดการร้านอาหารด้วยเทคโนโลยี พร้อมขยายช่องทางการเข้าถึงร้านอาหารสู่ผู้บริโภคยุคใหม่อย่างครอบคลุม และส่งตรงความสะดวกสบายของบริการส่งอาหารให้กับผู้บริโภคไทย
นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เผยว่า ปัจจุบัน “IoT : Internet of Things” เข้ามามีอิทธิพลต่อชีวิตประจำวัน สังคม และการดำเนินธุรกิจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดิจิทัลจึงกลายเป็นโลกอีกใบที่ผู้บริโภคเข้าไปอยู่อาศัยเป็นจำนวนมาก การซื้อสินค้าและบริการผ่านระบบออนไลน์สามารถครองใจผู้คนได้ทุกเพศทุกวัย ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภคและเกิดเทรนด์ใหม่ๆ ผู้ประกอบธุรกิจจึงต้องเร่งปรับตัวให้ทันต่อพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของผู้บริโภคยุคดิจิทัล
เมื่อทุกธุรกิจมุ่งสู่การช็อปออนไลน์ ธุรกิจกลุ่มโลจิสติกส์ จึงเป็นตัวช่วยตอบสนองความต้องการความสะดวกรวดเร็วที่สามารถผสานเข้ากับดิจิทัลแพลตฟอร์มได้อย่างลงตัวบนแอปพลิเคชันที่สามารถสั่งสินค้าและบริการให้มาส่งถึงหน้าประตูบ้านแค่เพียงปลายนิ้ว ส่งผลให้ผู้ประกอบการธุรกิจ ต้องปรับตัวในการแข่งขันด้านการให้บริการเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้บริโภค
กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ให้ความสำคัญด้านการส่งเสริมผู้ประกอบการนำเทคโนโลยีหรือนวัตกรรมมาช่วยในการบริหารจัดการธุรกิจประสบความสำเร็จได้รวดเร็ว พร้อมเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ทั้งในระดับรากหญ้าและเศรษฐกิจ
โดยในวันนี้ (13 พ.ค. 2562) กรมพัฒนาธุรกิจการค้า และ แกร็บ ประเทศไทย ร่วมกันลงนามความร่วมมือ เพื่อส่งเสริมสนับสนุนประชาสัมพันธ์ร้านอาหารที่ได้รับตราสัญลักษณ์ Thai SELECT และร้านอาหารในกลุ่มธุรกิจแฟรนไชส์ให้เป็นที่รู้จัก โดยอาศัยช่องทางดิจิทัลมาร์เก็ตติ้งช่วยเพิ่มโอกาสการเข้าถึงจากผู้บริโภคทั่วโลกผ่านบริการแกร็บฟู้ด บนแอปพลิเคชัน แกร็บ ซึ่งจะช่วยสร้างโอกาสในการขยายธุรกิจได้อย่างกว้างขวาง และเข้าถึงผู้บริโภคได้อย่างตรงจุดมากขึ้น
นายธรินทร์ ธนียวัน กรรมการผู้จัดการใหญ่ แกร็บ ประเทศไทย กล่าวว่า ในฐานะผู้นำด้านซูเปอร์แอปในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วยบริการตอบรับความต้องการของผู้บริโภคที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น บริการการเดินทางในชีวิตประจำวัน การขนส่งอาหาร แกร็บฟู้ด แกร็บจึงมีความพร้อมในการเข้ามาสนับสนุนและเสริมศักยภาพของผู้ประกอบการไทยให้สามารถเติบโตและเข้าถึงผู้บริโภคได้อย่างครอบคลุมในยุคดิจิทัลนี้ การลงนามบันทึกความร่วมมือครั้งนี้จึงถือเป็นความร่วมมือครั้งสำคัญระหว่างกรมพัฒนาธุรกิจการค้า และแกร็บ ซึ่งมีเป้าหมายร่วมกันในการยกระดับการบริหารจัดการและการบริการของร้านอาหาร Thai SELECT และร้านอาหารในกลุ่มธุรกิจแฟรนไชส์ผ่านการใช้เทคโนโลยีของแกร็บ ซึ่งจะสามารถตอบโจทย์ทั้งผู้ประกอบการ ผู้บริโภค และนักท่องเที่ยวได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาบริการจัดส่งอาหารที่รวดเร็วและสะดวกยิ่งขึ้นผ่านการสั่งอาหารแบบออนดีมานด์ การขยายช่องทางการเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคใหม่ๆ รวมถึงการเพิ่มตัวเลือกร้านอาหารที่หลากหลายและน่าเชื่อถือให้แก่ผู้บริโภค
Thai SELECT เป็นตราสัญลักษณ์ที่กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ สร้างขึ้นมาเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้กับร้านอาหารไทยในต่างประเทศ ซึ่งเป็นที่ยอมรับของชาวต่างชาติ มากว่า 20 ปี และมีร้านอาหาร Thai SELECT ทั่วโลกกว่า 1,300 ร้าน กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้นำโครงการมาต่อยอดส่งเสริมร้านอาหารในประเทศไทยให้ได้รับตราสัญลักษณ์ Thai SELECT และเห็นว่า แกร็บ เป็นช่องทางการตลาดที่สำคัญเพราะสามารถเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคได้ถึง 48 ภาษา เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์ให้ร้านอาหาร Thai SELECT ในประเทศไทยสามารถเข้าถึงนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ ตามแนวคิด “EAT Thai Visit Thai” จึงเป็นที่มาของการลงนามความร่วมมือกันในวันนี้ ในระยะแรกของความร่วมมือ แกร็บฟู้ด จะให้บริการครอบคลุมร้านอาหาร Thai SELECT จำนวน 101 ร้าน และร้านอาหารในกลุ่มธุรกิจแฟรนไชส์ที่ผ่านเกณฑ์การคัดเลือกจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า อีก 22 ร้าน ในกรุงเทพมหานครและเชียงใหม่ เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนร้านอาหารดังกล่าวให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้นผ่านช่องทางดิจิทัล และเพิ่มโอกาสให้แก่ผู้ประกอบการในการเข้าถึงผู้บริโภคด้วยมาตรฐานระดับสากล
“ในยุคที่เทคโนโลยีเข้ามามีส่วนสำคัญในทุกมิติของการใช้ชีวิต ผู้ประกอบธุรกิจต้องทรานส์ฟอร์มตัวเองเพื่อตอบโจทย์ความท้าทายใหม่ๆ ที่ผู้บริโภคต้องการในโลกดิจิทัล การตอบโจทย์เรื่องความรวดเร็วในการจัดส่งและการนำเสนอตัวเลือกที่หลากหลาย จึงกลายเป็นกุญแจแห่งชัยชนะทางการตลาดที่ทุกผู้ประกอบการต้องมีในการนำเสนอสินค้าและบริการที่ตรงใจผู้บริโภคได้แบบเรียลไทม์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ประกอบการร้านอาหาร ที่จำเป็นต้องตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคยุคใหม่ที่ให้ความสำคัญกับความรวดเร็วและความสะดวกสบายเป็นอันดับแรก” อธิบดีกล่าวสรุป