“บุรีรัมย์” เนรมิตพื้นที่จัด “พันธุ์บุรีรัมย์” มหกรรมความรู้-ความบันเทิงที่ยิ่งใหญ่ อัดแน่นด้วยองค์ความรู้เกี่ยวกับประโยชน์ของกัญชาทางการแพทย์ในทุกมิติ พร้อมคอนเสิร์ตจากศิลปินชั้นนำ ดีเดย์ 19-21 เม.ย. นี้ ที่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ คาดมีผู้ตบเท้าร่วมงานหลายแสนคนจากทั่วโลก ด้านหน่วยงานทางการแพทย์ต่างออกมาขานรับถึงคุณประโยชน์ในการใช้ทางการแพทย์ เชื่อการขับเคลื่อนเรื่องกัญชาเป็นการทวงคืนพืชสมุนไพรให้กลับคืนมาสู่ประเทศไทย เพราะเป็นสมบัติชาติ
นายธีรวัฒน์ วุฒิคุณ ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ ประธานในการจัดงานเปิดเผยว่า จากการที่พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่7) พุทธศักราช 2562 ได้อนุญาตให้มีการใช้กัญชาเพื่อการแพทย์ ทั้งนี้เพื่อเป็นการให้ความรู้และแนะนำแนวทางปฏิบัติจริงแก่ประชาชนที่มีความจำเป็นต้องใช้กัญชา เพื่อการแพทย์และรักษาอาการของโรคได้อย่างถูกต้องตามที่กฎหมายกำหนด จังหวัดบุรีรัมย์ในฐานะองค์กรของรัฐ ได้ร่วมกับองค์กรภาคประชาชน และภาคเอกชน จัดกิจกรรมให้ความรู้เพื่อการใช้กัญชาอย่างถูกต้องตามหลักการแพทย์ ทั้งการแพทย์แผนไทย และการแพทย์แผนปัจจุบันให้แก่ผู้เจ็บป่วย ผู้ที่มีความสนใจเรื่องสุขภาพ และประชาชนทั่วไปมีความเข้าใจในการใช้กัญชาบนพื้นฐานของความถูกต้องตามกฏหมายอย่างแท้จริง
การจัดงานครั้งนี้มีชื่อว่า “พันธุ์บุรีรัมย์” จัดขึ้นในวันที่ 19-21 เมษายน 2562 บริเวณสนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์ เพื่อให้ความรู้การใช้กัญชาอย่างถูกต้องตามหลักการแพทย์ ทั้งการแพทย์แผนไทย และการแพทย์แผนปัจจุบันโดยถูกต้องตามกฎหมายแก่ประชาชน ภายในงานมีการจัดนิทรรศการให้ประชาชนได้รู้จักกัญชาสายพันธุ์ต่างๆ ทั้งกัญชาสายพันธุ์ไทยและต่างประเทศ, เสวนาวิธีการปลูกกัญชาเพื่อเป็นพืชเศรษฐกิจ, ลงทะเบียนและรับรักษาผู้ป่วยโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย, นิทรรศการอาหารสมุนไพรรักษาโรค, บูธขายสินค้าสมุนไพรไทยและสินค้าเพื่อสุขภาพ พร้อมความบันเทิงครบครันด้วยคอนเสิร์ตยิ่งใหญ่จากศิลปินชั้นนำ คาดว่าจะมีผู้ร่วมงานจากทั่วโลกเดินทางมาร่วมงานครั้งนี้มากกว่า 150,000 คน
“ในอดีตกัญชาไทย ได้ชื่อว่าเป็นกัญชาพันธุ์ดีที่สุดในโลก ถือว่ามีคุณภาพยาสูงที่สุดในโลก แต่ปัจจุบันนานาประเทศได้มีการพัฒนาเรื่องนี้ไปไกลมากแล้ว ในขณะที่คนไทยยังมีข้อกังขาหรือความเข้าใจที่ก้ำกึ่งเกี่ยวกับกัญชาว่าเป็นสิ่งที่ไม่ดี ดังนั้น การจัดงานนี้เป้าหมายหลักของปีนี้ จึงมุ่งเน้นที่จะให้ข้อมูลและองค์ความรู้เกี่ยวกับกัญชาในมิติต่างๆ ที่กว้างขึ้น ทั้งด้านการแพทย์, การนำมาผลิตเป็นอาหาร และความรู้ทางการเกษตรการเพาะปลูกจนถึงขั้นตอนของการแปรรูป เพื่อให้คนที่เข้าร่วมงานได้รับข้อมูลที่ครบถ้วนเกี่ยวกับกัญชาอย่างแท้จริง”
ด้านนายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีสถาบันแพทย์แผนบูรณาการและเวชศาสตร์ชะลอวัย กล่าวว่า กัญชามีการใช้ประโยชน์ในตำรับยาไทยมีปรากฎตั้งแต่สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช แต่ที่ผ่านมาต่างชาติมากำหนดว่าเป็นยาเสพติดต้องทำลาย แต่ในช่วงเวลาที่ไทยมุ่งทำลายต่างชาติกลับมีการศึกษาวิจัยและออกเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ ออกมาขายในราคาแพง การขับเคลื่อนเรื่องกัญชาจึงเป็นการทวงคืนพืชสมุนไพรให้กลับคืนมาสู่ประเทศไทย เพราะเป็นสมบัติชาติเป็นของทุกคน
“มหาวิทยาลัยรังสิตจะเป็นกลไกหนึ่งในการขับเคลื่อนเรื่องนี้ โดยได้ร่วมมือกับสภาเกษตรกรแห่งชาติ เพื่อวิจัยกัญชาสายพันธุ์ต่างๆ ที่มีอยู่ของไทย เพื่อให้ทราบว่ามีสารสำคัญอะไร อย่างไรและประกาศให้ทั่วโลกรับรู้ว่าพันธุ์ไทยมีดีตรงไหน วิจัยตำรับยาไทย 2 ตำรับ คือ ตำรับยาประสะกัญชา และอัมฤตย์โอสถ จะทำให้ตำรับยาไทยโกอินเตอร์ ไประดับนานาชาติให้ได้ นอกจากนี้ เปิดรับกรณีศึกษาผู้ป่วยที่ใช้กัญชาแล้วหายจากโรคทั้งหมดเข้ามาร่วมโครงการวิจัย เพื่อศึกษาให้ทราบว่าท่านมีวิธีการใช้อย่างไร หายอย่างไร และหายจริงหรือไม่แล้วจะประกาศให้ชาวโลกรับรู้” นายปานเทพกล่าว
นายประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์ ประธานสภาเกษตรกรแห่งชาติ กล่าวว่า เมื่อประเทศไทยประกาศให้กัญชาเป็นยาเสพติดและผิดกฎหมายในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา ทำให้สายพันธุ์กัญชาไทยที่เคยดีที่สุดในโลกสูญหายไปมาก แต่เมื่อรัฐบาลชุดนี้เข้าใจ ทำให้กฎหมายคลายล็อค แม้จะไม่ได้ดั่งใจทั้งหมดเพราะรู้ว่ากัญชามีประโยชน์มากกว่านี้ แต่ก็ต้องช่วยในการรักษาพันธุกรรมของกัญชาไทยไว้เพื่อประโยชน์ของประเทศและเชื่อว่ากัญชาจะเป็นพืชเศรษฐกิจตัวใหม่ของไทย
“การจัดงานนี้ของ จ.บุรีรัมย์ จะเป็นจุดเปลี่ยนแปลงที่ใหญ่มากที่กล้าทำเรื่องนี้ เชื่อว่าจะเป็นที่รับรู้ในระดับโลก เพราะต่างชาติรับรู้ดีกว่ากัญชาสายพันธุ์ไทยดีที่สุดในโลก เชื่อว่าในอนาคต จ.บุรีรัมย์จะเป็นศูนย์กลางในเรื่องนี้จะเป็นแคนาบิส เมดิคัล ฮับ ที่มีทั้งการปลูก และสกัดสารสำคัญจากกัญชา มั่นใจว่าประเทศไทยจะทำเรื่องนี้ได้เห็นได้ชัดจากขณะนี้เริ่มมีผู้ป่วยชาวจีนติดต่อเข้ามาเพื่อขอรับการรักษาจากกัญชาบ้างแล้ว หรือแม้แต่เอกชนประเทศแคนาดาก็บอกว่าหากประเทศไทยปลูกจะรับซื้อทั้งหมดเพื่อนำไปผลิตยา” นายประพัฒน์กล่าว
พล.ร.อ.ชาญชัย เจริญสุวรรณ นายกสภาการแพทย์แผนไทย ให้ข้อมูลว่า ในแง่ของการแพทย์แผนไทยมองว่ากัญชาเป็นอาหาร ที่มีการใช้มาแต่โบราณและเกิดประโยชน์ กัญชาเป็นตำรับยาแผนไทยมีการใช้มายาวนาน ปรากฎในคัมภีร์โบราณมากมายที่มีกัญชาเป็นส่วนประกอบ แต่ขาดการพัฒนาตำรับมานานนับตั้งแต่ที่มีการจำกัดให้เป็นยาเสพติดและตำรับหายไปมาก กัญชาคือสมุนไพรธรรมดาที่มีสรรพคุณช่วยในเรื่องกินได้ นอนหลับ อารมณ์ดี ผลที่เกิดขึ้นกับร่างกาย อาจไม่ได้รักษาโรคโดยตรง แต่เป็นการปรับสมดุลร่างกาย ทำให้ร่างกายแข็งแรง ไม่ป่วยนี่คือหลักในการรักษาแบบแผนไทย และกัญชาเป็นภูมิปัญญาและมรดกประเทศที่ไม่มีในชาติอื่นเพราะฉะนั้นทุกคนต้องช่วยกันรักษา
นายสุกษม อามระดิษ เลขานุการสมาคมแพทย์แผนไทยแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ในงานที่จะจัดขึ้นสมาคมแพทย์แผนไทยจะนำตำรับตำรายาแผนไทยไปเผยแพร่ในการให้องค์ความรู้กับผู้ร่วมงาน และบางตำรับทุกคนสามารถปรุงใช้เองได้ที่บ้าน ซึ่งการใช้กัญชาในทางการแพทย์แผนไทยเป็นภูมิปัญญาและบางตำรับมีการระบุว่าพระพุทธเจ้าเคยให้พระอานนท์ทำเพื่อแจกจ่ายชาวบ้าน เช่น ตำรับไพศาลี หากมีการส่งเสริมให้กัญชาเป็นสมุนไพรอย่างจริงจังจะช่วยลดดุลการค้าจากการนำเข้ายาที่ปัจจุบันต้องซื้อจากต่างประเทศปีละนับแสนล้านบาทลง
นายเนวิน ชิดชอบ ประธานบริษัทบุรีรัมย์ยูไนเต็ด อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จำกัด กล่าวว่า การจัดงานเป็นการทำตามกฎหมายทุกอย่างแน่นอน โดยมีเป้าหมายต้องการให้คนไทยเข้าใจ และเข้าถึงเกี่ยวกับกัญชา โดยเข้าใจในการนำกัญชามาใช้ประโยชน์ทั้งภูมิปัญญาทางการแพทย์ในการรักษาโรคและโภชนาการของประเทศไทย เพราะประโยชน์ไม่ใช่แค่รักษาแต่ปรุงอาหารเพื่อรักษาสุขภาพให้แข็งแรงไม่ป่วยด้วย รวมถึงเข้าใจข้อกำหนดของกฎหมายต่างๆ การปลูก วิธีการทำยา จะต้องมีความเข้าใจทั้งหมดตั้งแต่การปลูกจนแปรรูป ในการเข้าถึง คนไทยต้องเข้าถึงยากัญชาในโรคที่สามารถใช้รักษาได้ โดยไม่ใช่เป็นการหายจากโรคที่เป็นแต่เกิดโรคหนี้ขึ้นมาใหม่ เพราะต้องใช้เงินจำนวนมากในการซื้อยากัญชามาใช้ จึงต้องเปิดโอกาสให้คนไทยเข้าถึงองค์ความรู้ในการที่ผลิตยาเพื่อใช้เองได้ด้วย หรือหากต้องซื้อจะต้องไม่มีราคาแพง
อีกทั้ง เชื่อว่ากัญชาจะเป็นพืชเปลี่ยนเศรษฐกิจ หากทำให้ถูกต้องและทุกคนเข้าถึงได้ และรับรู้ว่าจะสามารถนำมาต่อยอดเชิงอุตสาหกรรมในการทำเป็นธุรกิจอย่างไร ซึ่งต่างประเทศนำมาผสมเป็นอาหาร เครื่องดื่ม จะเปิดโอกาสให้ทุกคนเข้าถึงการเป็นสตาร์ทอัพ หรือเป็นสินค้าโอทอปที่มีกัญชาเป็นส่วนผสม เช่น ชาไข่มุกกัญชา กาแฟกัญชา หรือสินค้าโอทอปที่เชื่อว่าจะขายดี ไม่ใช่ผลิตแล้วขายไม่ได้อย่างสินค้าโอทอปที่เคยส่งเสริมกัน เพราะมั่นใจว่าการใช้กัญชาปรุงอาหารเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่ม ยกตัวอย่าง เช่น รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา ใช้เวลา 1 ปี หลังจากกฎหมายให้ใช้กัญชาเสรี สร้างรายได้ถึง 3 พันล้านเหรีญสหรัฐต่อปี หากเมืองไทยทำได้จะสร้างรายได้นับแสนล้านบาท โดยที่ทุกคนมีงานทำและมีรายได้ คนไทยจึงต้องสู้เรื่องนี้หากไม่สู้เกรงว่าจะเกิดระบบสัมปทานกัญชาจนทำให้คนไทยเข้าไม่ถึงการใช้ประโยชน์จากกัญชา
“พันธุ์บุรีรัมย์ไม่ใช่สายพันธุ์กัญชา แต่ต้องการให้คนมีแนวคิดแบบคนบุรีรัมย์ คือ กล้าคิดใหม่ และเปลี่ยนแปลงใหม่ เพราะถ้ายังคิดแบบเดิม ทำแบบเดิม ผลที่เกิดขึ้นก็แบบเดิม ที่ผ่านมาผมทำเรื่องการกีฬาทำให้คนบุรีรัมย์มีรายได้มากขึ้น แต่ยังไม่ปลอดหนี้ มั่นใจว่าหากทำให้กัญชาเสรีจริง ชาวบ้านเกษตรกรสามารถปลูกได้ ภายใน 3 ปี คนบุรีรัมย์จะหมดหนี้ การจัดงานจึงต้องการให้ทุกคนเข้าใจและเข้าถึงสิทธิในการปลูกได้ไม่ใช่เป็นการส่งเสริมให้คนไทยเดินสูบกัญชากันอย่างเสรี แต่จะเป็นการรักษาภูมิปัญญาให้เป็นของทุกคนอย่างทั่วถึงและเป็นธรรมสามารถทำเป็นอาชีพและรายได้ให้ทั้งเกษตรกรและสตาร์ทอัพ” นายเนวินกล่าว