ไอคอนสยาม อภิมหาโครงการเมืองแห่งการใช้ชีวิตสู่โลกอนาคต สัญลักษณ์แห่งความรุ่งโรจน์ของไทยริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยามูลค่า 54,000 ล้านบาท ประกาศยืนยันวันเปิดไอคอนสยามอย่างเป็นทางการ 9 พฤศจิกายน 2561 นี้ โดยจะเป็นจุดหมายปลายทางแห่งความมหัศจรรย์บนพื้นที่กว่า 750,000 ตารางเมตร ที่พร้อมจะสะกดทั้งโลกให้ต้องหันมองกรุงเทพฯ และประเทศไทย กับมหาปรากฏการณ์งานเปิดสุดยิ่งใหญ่ พร้อมด้วยความแปลกใหม่ของร้านค้าและองค์ประกอบต่างๆ ภายในไอคอนสยามนำเสนอเป็นครั้งแรกในประเทศไทยจำนวนมากมายอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
นายสุพจน์ ชัยวัฒน์ศิริกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไอคอนสยาม จำกัด กล่าวว่า “การเปิดเมืองไอคอนสยามจะเป็นการบุกเบิกการทำธุรกิจในโลกยุคใหม่ที่พลิกโฉมรูปแบบการพัฒนาโครงการที่เป็นจุดหมายปลายทางที่ยิ่งใหญ่ไปอย่างสิ้นเชิง โดยคอนเซ็ปต์ ‘การสร้างประโยชน์ร่วมกันทุกฝ่าย’ หรือ Creating Shared Value และ ‘การร่วมกันรังสรรค์’ หรือ Co-Creation เป็นส่วนประกอบสำคัญที่สุดของไอคอนสยามที่ได้บุกเบิกและทำคอนเซ็ปต์ค้าปลีกรูปแบบใหม่นี้ให้เกิดขึ้นจริงอย่างเป็นรูปธรรมและเต็มรูปแบบ เพื่อสร้างมาตรฐานใหม่ที่ก้าวขึ้นไปอีกขั้นอย่างเต็มภาคภูมิและสร้างประสบการณ์ที่ประทับใจแก่คนไทยและนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก”
นายสุพจน์ กล่าวว่า “ไอคอนสยามคือศูนย์รวมของความมหัศจรรย์อันหลากหลายทั้งศิลปะและวัฒนธรรม ผสมผสานรวมอยู่กับที่สุดของการช้อปปิ้งและความบันเทิง โดยการผนึกกำลังพันธมิตรองค์กรธุรกิจทั้งใหญ่และเล็กทุกขนาดหลากหลายรูปแบบธุรกิจ รวมไปถึงผู้คนจำนวนมากจากนานาสาขาอาชีพที่มีความปรารถนาจะสร้างสถานที่ ที่บอกเล่าหลากหลายเรื่องราวของความภาคภูมิใจในความเป็นไทยผสมกับสิ่งที่ดีในมิติต่างๆ จากทุกมุมโลก ได้มารวมพลังกันสร้างสรรค์สัญลักษณ์ใหม่ซึ่งจะกลายเป็นมหาปรากฏการณ์ การเปิดไอคอนสยามในครั้งนี้จะเป็นการประสานประโยชน์ร่วมกันทุกฝ่าย แผ่กระจายความรุ่งเรืองไปทั่ว ทั้งในระดับชุมชน สังคมและประเทศ”
“เหล่าผู้สร้างสรรค์ที่มีส่วนร่วมในการเนรมิตสิ่งมหัศจรรย์ต่างๆ ในไอคอนสยาม ไม่ว่าจะเป็นร้านค้า นักออกแบบในสาขาต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ ศิลปินจากทั่วประเทศผู้มาร่วมกันสร้างสรรค์ผลงาน ชิ้นเอกต่างๆ ในไอคอนสยาม รวมถึงเพื่อนบ้านที่อาศัยอยู่ในชุมชนโดยรอบและบรรดาธุรกิจริมแม่น้ำเจ้าพระยาคือผู้มีบทบาทสำคัญและเป็นผู้มีส่วนร่วมในการกำหนดองค์ประกอบต่างๆ ของไอคอนสยามทั้งสิ้น ซึ่งเหล่าผู้ร่วมสร้างสรรค์ที่ร่วมแรงร่วมใจกันกับเรา ถือเป็นส่วนสำคัญที่ขาดไม่ได้ของการทำธุรกิจรูปแบบใหม่ในโลกอนาคตเพื่อความเจริญที่ยั่งยืนร่วมกันอย่างที่ไอคอนสยามกำลังทำอยู่” นายสุพจน์ กล่าว
นายสุพจน์ อธิบายเพิ่มเติมว่าไอคอนสยามจะเปิดประตูอภิมหาโครงการเมืองแห่งนี้ด้วยความมหัศจรรย์ที่เป็น ‘ครั้งแรก’ ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประเทศไทยมากมาย อาทิ ไอคอนนิกสโตร์ สุดอลังการจำนวน 14 แบรนด์ และอีกหลากหลายสโตร์จากแบรนด์ที่พรีเมี่ยมที่สุดของโลกมารวมตัวกันอยู่ในที่เดียวอย่างไม่เคยมีมาก่อน โดยแบรนด์ที่เป็นสุดยอดความหรูหราระดับโลกจำนวนหนึ่งจะอยู่ในอาคาร ‘ไอคอนลักซ์’ (ICONLUXE) ซึ่งมีพื้นที่ 25,000 ตารางเมตร ตั้งอยู่ติดริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นอาคารกระจกโครงสร้างไร้เสาที่ยาวที่สุดในโลกรูปทรงคล้ายกระทงแก้วสรรค์สร้างอย่างงดงามให้เป็นสัญลักษณ์ใหม่บนแม่น้ำเจ้าพระยา
นายสุพจน์กล่าวว่า “เพื่อให้ไอคอนสยามเป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ของประเทศไทยที่นำเสนอความแปลกใหม่อย่างมีอัตลักษณ์ที่โดดเด่น เราจึงได้ทำงานลงลึกในรายละเอียดร่วมกับร้านค้าและผู้ประกอบการกว่า 500 ราย ตั้งแต่สุดยอดแบรนด์ของไทยไปจนถึงลักชัวรี่แบรนด์จากต่างประเทศเพื่อขอให้แต่ละร้านนำเสนอเรื่องราวที่เกี่ยวกับแบรนด์ของตนเอง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวความเป็นมาของแต่ละแบรนด์จนถึงแนวคิดและนวัตกรรมต่างๆ โดยเชื่อมโยงกับแนวการออกแบบร้านให้ไอคอนสยามเป็นโครงการแห่งแรกที่ทำ Story Telling ที่จะสร้างความตื่นตาตื่นใจได้อย่างเพียบพร้อมสมบูรณ์แบบที่สุดเพื่อสร้างประสบการณ์ที่แตกต่างแต่มีคุณค่าให้ผู้บริโภคได้ประทับใจ และเนื่องจากไอคอนสยามได้รับความเชื่อมั่นจากหลายๆ แบรนด์ชื่อดังระดับโลก ทำให้เราได้มีโอกาสช่วยกันคิดสร้างสิ่งพิเศษที่จะเกิดขึ้นภายในร้านของเขาเฉพาะที่ไอคอนสยามเท่านั้น”
นายสุพจน์กล่าวต่อว่า “ในไอคอนสยามจะมีมากกว่า 188 แบรนด์ชั้นนำที่เป็นแบรนด์และคอนเซ็ปต์ใหม่ครั้งแรกในประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งคอนเซ็ปต์ Icons within Icon ซึ่งเราจัดให้ลักชัวรี่แบรนด์มีคฤหาสน์ของตนเองในรูปแบบ Duplex Mansion อยู่ภายในอาคารไอคอนลักซ์ซึ่งจะทำให้สามารถมีสินค้าที่ครบครันแล
ะมีบริการพิเศษอีกด้วย”
นอกจากนั้นยังมีแบรนด์ไลฟ์สไตล์ชื่อดังอีกมากมายมาร่วมกันนำเสนอคอนเซ็ปต์ใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน ไม่ว่าจะเป็น Adidas เปิด Adidas Original Store ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย JD Sports ร้านแฟชั่นกีฬาชื่อดังจากประเทศอังกฤษ เปิดร้านแรกในประเทศไทย และ Nike เปิด Nike Kicks Lounge แห่งแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นำเสนอสินค้าที่แตกต่างจาก Nike Store อื่นๆ
“ALAND ซึ่งเป็นไลฟ์สไตล์คอนเซ็ปต์สโตร์ และ COS เปิดแฟลกชิฟสโตร์แฟชั่นแบรนด์ที่ใหญ่ที่สุดสำหรับทั้งผู้หญิงผู้ชาย รวมถึง นารายา ต่างเตรียมพร้อมที่จะเปิดร้านดูเพล็กซ์ไอคอนนิกสโตร์ของตัวเองที่ไอคอนสยาม ในขณะที่ H&M เตรียมพร้อมเปิดอาคารของตัวเองในรูปแบบ Triplex Store 3 ชั้นสุดอลังการเป็นครั้งแรก และทาคาชิมายะ ห้างสรรพสินค้าระดับตำนานที่ได้รับการยอมรับอย่างสูงจากประเทศญี่ปุ่น ก็จะเปิดสาขาแรกในประเทศไทยที่ไอคอนสยามขนาด 36,000 ตารางเมตร โดยจะนำ 170 แบรนด์ในทุก category รวมถึงอาหารและขนมจากญี่ปุ่นที่ไม่เคยมีจำหน่ายในประเทศไทยมาก่อนมานำเสนอด้วย” นายสุพจน์ กล่าว
ที่น่าตื่นเต้นอีกอย่างหนึ่งก็คือไอคอนสยามจะนำเสนอสุดยอดประสบการณ์ของการกินดื่มใน 7 บรรยากาศที่แตกต่างกันไปในแต่ละโซน นับตั้งแต่ร้านอาหาร Fine Dining ซึ่งแต่ละร้านมี Terrace ชมวิวแม่น้ำ จนถึงอาหารยอดนิยมของไทยซึ่งหาชิมได้ยาก รวมถึง roof-top bars ที่สามารถดื่มด่ำกับความงดงามของฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาได้อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน อีกทั้งยังมีภัตตาคารชื่อดังจากต่างประเทศ อาทิ Harbour จากไต้หวัน และภัตตาคารอาหารทะเลชื่อดังจากสิงค์โปร์อย่าง Jumbo Seafood ซึ่งเข้ามาเปิดสาขาในประเทศไทยเป็นครั้งแรกอีกด้วย Fitness First คลับเพื่อสุขภาพซึ่งเป็นที่นิยมมากที่สุดของประเทศไทย และมีสาขามากกว่า 29 สาขา ก็จะมาเปิดคลับระดับหรูที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย พร้อมสระว่ายน้ำกลางแจ้ง ซึ่งจะเป็นแฟล็กชิฟที่ให้บริการพิเศษแตกต่างจากสาขาอื่นๆ
นายสุพจน์อัพเดทเพิ่มเติมว่า ได้เตรียมงบประมาณไว้มากกว่า 1,000 ล้านบาท สำหรับการจัดงานเปิดเมืองไอคอนสยามและเชิญผู้สื่อข่าวจากทั่วโลกมาเยี่ยมชม
“ไอคอนสยามจะเป็นอภิมหาโครงการเมืองที่นำเสนอความภาคภูมิใจในความเป็นไทย และเป็นแพลตฟอร์มที่จะช่วยส่งเสริมและผลักดันแบรนด์ไทย สินค้าไทย ศิลปินไทย งานฝีมือไทย และศิลปวัฒนธรรมไทย ให้เป็นที่รู้จักในระดับโลก ด้วยการทุ่มเทลงทุนอย่างเต็มที่เพื่อให้มั่นใจว่าไอคอนสยามจะเป็นที่ชื่นชม และสะกดทุกสายตาโลก ไอคอนสยามได้ร่วมมือกับชุมชนโดยรอบ และกลุ่มธุรกิจริมแม่น้ำเจ้าพระยาทั้งหมดที่จะช่วยกันทำให้แม่น้ำสายนี้เป็น The Next Global Destination ที่จะช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวนับแสนจากทั่วประเทศไทยและทั่วโลก พร้อมกับสร้างมาตรฐานใหม่เหนือความคาดหมายจากพลังของหัวใจไทย” นายสุพจน์กล่าว
ในส่วนอาคารที่พักอาศัยสุดหรู 2 อาคาร ภายในโครงการไอคอนสยาม นายวิสิษฐ์ มาลัยศิริรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ผู้พัฒนาโครงการกล่าวว่า “โครงการหรู ‘แมกโนเลียส์ วอเตอร์ฟรอนท์ เรสซิเดนซ์’ ซึ่งมีความสูง 70 ชั้น ประกอบด้วยห้องพักอาศัยสุดหรู จำนวน 379 ยูนิต ขณะนี้เสร็จสมบูรณ์ไปแล้วกว่า 90% ส่วนโครงการ ‘เดอะ เรสซิเดนซ์ แอท แมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ’ ที่สุดแห่งความหรูหราระดับอุลตร้าลักชัวรี่ ความสูง 52 ชั้น จำนวน 146 ยูนิต ขณะนี้เสร็จสมบูรณ์ไปแล้วกว่า 80% ด้วย ทำเลของโครงการซึ่งเป็นหนึ่งในทำเลริมแม่น้ำที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของประเทศไทย อีกทั้งยังเป็นโครงการเรสซิเดนซ์แห่งแรกของแบรนด์ ‘แมนดาริน โอเรียนเต็ล’ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โครงการนี้จึงถือเป็นหนึ่งในโครงการอสังหาฯชั้นนำของเอเชียอย่างแท้จริง ผู้พักอาศัยสามารถมองเห็นทัศนียภาพริมแม่น้ำอันประเมินค่ามิได้และหาไม่ได้จากที่ใดในโลกและได้รับการดูแลโดยทีมบริหารคุณภาพของกลุ่มโรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล แบรนด์โรงแรมหรูระดับตำนานของโลก”
“ทั้งสองโครงการได้รับการออกแบบและก่อสร้างเน้นคุณภาพในทุกๆ รายละเอียด ห้องชุดภายในสวยงามอลังการ และใช้เทคโนโลยีเพื่อการพักอาศัยที่ล้ำสมัยที่สุดที่มีมาตรฐานทัดเทียมกับโครงการชั้นนำในมหานครต่างๆ ของโลก และยังได้รับรางวัลทั้งในระดับภูมิภาคและในประเทศมาแล้วมากมาย ถือเป็นโครงการห้องชุดริมน้ำระดับพรีเมียมของกรุงเทพฯในสุดยอดอภิมหาทำเลริมน้ำของไอคอนสยาม โดยเราเตรียมที่จะเปิดให้ชมห้องตัวอย่างสุดหรูใหม่ให้ชมเร็วๆ นี้” นายวิสิษฐ์ย้ำ