Column: well-being
การที่บรรพบุรุษของเราอยากอาหารรสหวานนั้นมีเหตุผลที่ดีรองรับ เพราะเป็นสัญญาณของแหล่งพลังงานแห่งชีวิตที่ยั่งยืน “น้ำตาลเป็นหนึ่งในอาหารหลักสำคัญที่สุดที่เราอยากกิน” นิโคล อะวีนา นักประสาทวิทยาศาสตร์และผู้เขียนร่วมหนังสือ Why Diet Fail ให้เหตุผล “มันช่วยกระตุ้นการเชื่อมต่อของเซลล์สมองที่เสริมให้เราต้องการกินน้ำตาลอยู่เรื่อยๆ”
แต่ทุกวันนี้ ความอยากน้ำตาลของเรามักลงเอยที่การทำให้ร่างกายของเราเสียหายอย่างรุนแรง
การจะควบคุมความรู้สึกอยากของหวาน และเพื่อลดน้ำหนักตัวในกระบวนการดังกล่าวนั้น คุณต้องระมัดระวังการกินน้ำตาลทุกประเภทเข้าไปในร่างกาย โดยเฉพาะน้ำตาลที่ไม่ได้อยู่ในอาหารตามธรรมชาติ การทำอย่างนี้จะง่ายขึ้นถ้าคุณเข้าใจเหตุผลว่า ทำไมคุณจึงอยากน้ำตาลและเข้าใจว่า ร่างกายของคุณมีปฏิกิริยาตอบสนองอย่างไรเมื่อคุณกินน้ำตาลน้อยลง
หนังสือ Sugar Detox อธิบายว่า คุณสามารถลดปริมาณน้ำตาลได้ดีเพียงใดขึ้นกับขนาดของนิสัยการกินน้ำตาลของคุณเอง ผลการวิจัยเมื่อไม่นานมานี้ระบุว่า คนที่กินน้ำตาลปริมาณมาก คือกินน้ำตาลส่วนเกินโดยเฉลี่ยวันละ 721 แคลอรี จะมีอาการเหมือนคนที่พยายามถอนตัวจากการเลิกยาเสพติดที่รวมถึงอาการกระวนกระวาย พักผ่อนไม่พอ และซึมเศร้า
แต่อย่าได้กังวล คุณสามารถคาดหมายอาการเหล่านี้ได้หลังจากเลิกนิสัยการกินน้ำตาลปริมาณมาก ซึ่งจะเป็นอยู่ราว 1 สัปดาห์ ในเวลาเดียวกัน คุณจะรู้สึกได้ถึงผลข้างเคียงเชิงบวกจากการงดน้ำตาลที่เกิดขึ้นทันทีที่คุณเริ่มลดปริมาณน้ำตาลที่กินในแต่ละวัน ได้แก่
หัวใจทำงานดีขึ้น
เจ. ไดนิโคลอันโตนิโอ นักวิทยาศาสตร์เชี่ยวชาญการวิจัยด้านหลอดเลือดและหัวใจประจำสถาบันโรคหัวใจเซนต์ลุคส์แห่งอเมริกากลาง กล่าวถึงผลการวิจัยว่า เมื่อกินน้ำตาลน้อยลง ความเสี่ยงจากการเสียชีวิตที่เกี่ยวข้องกับหัวใจจะลดลง 3 เท่า
“การกินน้ำตาลส่วนเกินจะทำให้ระดับอินซูลินสูงขึ้น ซึ่งกระตุ้นการทำงานของระบบประสาทอัตโนมัติ ทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้น และอัตราการเต้นของหัวใจเพิ่มขึ้น”
หลังลดน้ำตาลภายใน 2–3 สัปดาห์ “คุณอาจคาดหมายว่า ไขมันเลวหรือแอลดีแอลจะลดลงราวร้อยละ 10 และไขมันไตรกลีเซอไรด์อาจลดลงร้อยละ 20–30 รวมทั้งความดันโลหิตก็จะลดลงในทิศทางที่ดีขึ้น” ไดนิโคลอันโตนิโอสรุป
ไม่ต้องง้อครีมแก้สิวอีกแล้ว
ลาก่อน สิววัยกลางคน !
สิวคือการอักเสบอย่างเป็นระบบ และคุณรู้หรือไม่ ว่าน้ำตาลก็คือภาวะอักเสบ
ผลการศึกษาใน American Journal of Clinical Nutrition พบว่า เมื่อให้กลุ่มตัวอย่างดื่มเครื่องดื่มกระป๋องที่ไม่ผสมโซดาขนาด 12 ออนซ์วันละ 1 กระป๋องนาน 3 สัปดาห์ ระดับการอักเสบของพวกเขาเพิ่มขึ้นราวร้อยละ 87 ผลการวิจัยแนะนำให้หยุดเครื่องดื่มที่มีโซดาและเครื่องดื่มรสหวานอื่นๆ ไม่อย่างนั้นแล้วคุณอาจต้องพึ่งครีมรองพื้นราคาแพงหูฉี่เพื่อปกปิดรอยสิวที่ปะทุขึ้นเต็มหน้าก็ได้
พ้นจากภัยโรคเบาหวาน
โรเบิร์ต ลัสทิก ผู้เขียนหนังสือ Fat Chance: Beating the Odds Against Sugar, Processed Food, Obesity and Disease กล่าวว่า การกินน้ำตาลส่วนเกินปริมาณมากๆ ทำให้เกิดภาวะไขมันสะสมรอบๆ ตับ ไขมันสะสมเหล่านี้ทำให้เกิดภาวะดื้อต่ออินซูลิน และทำลายการทำงานของตับอ่อน ซึ่งตามปกติแล้วเป็นอวัยวะที่สร้างฮอร์โมนอินซูลิน
ลัสทิกศึกษาการบริโภคน้ำตาลใน 175 ประเทศและพบว่า การกินน้ำตาลเกิน 150 แคลอรีมีแนวโน้มจะพัฒนาเป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 สูงขึ้น 11 เท่า เมื่อเทียบกับการกินโปรตีนหรือไขมันเกิน 150 แคลอรี จึงแนะนำให้เปลี่ยนจากการกินกราโนลาที่เต็มไปด้วยรสหวานของน้ำตาลมาเป็นถั่วเปลือกแข็งสักหนึ่งกำมือจะดีกว่า
ไม่ต้องฝืนยิ้มอีกต่อไป
ผลการศึกษาของมหาวิทยาลัยโคลัมเบียระบุว่า ผู้หญิงที่กินอาหารที่อุดมด้วยน้ำตาลและธัญพืชขัดขาว มีแนวโน้มจะรู้สึกไม่สบายตัว กระวนกระวาย และอารมณ์แปรปรวนมากกว่า และทันทีที่คุณสามารถลดปริมาณน้ำตาลที่บริโภคทีละมากๆ ได้ คุณจะรู้สึกสบายตัวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ไม่ต้องฝืนปั้นหน้ายิ้มทั้งที่ไม่สบายตัวจะแย่อีกต่อไป
นอนหลับดีขึ้น
ลัสทิกกล่าว่า หลังอาหารเที่ยงที่คุณกินน้ำตาลในปริมาณสูง ทำให้คุณรู้สึกง่วงเหงาหาวนอน และอยากหลับในทันทีก่อนการประชุมภาคบ่ายจะเริ่มด้วยซ้ำ แต่น้ำตาลส่วนเกินยังกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนความเครียด คือคอร์ติซอล ออกมาด้วย ซึ่งรบกวนการนอนของคุณเมื่อถึงเวลานอน ลัสทิกยืนยันว่า ให้ลดปริมาณน้ำตาลที่กิน แล้วคุณจะตื่นตัวไม่ง่วงซึมตอนกลางวันอีกแล้ว นอกจากนี้ เมื่อถึงเวลานอน คุณก็จะนอนหลับได้ดีด้วย
ความจำดีขึ้น
คุณปวดหัวกับอาการสมองตื้อของตัวเองใช่ไหม
อาจชี้นิ้วโทษไปที่น้ำตาลก็ได้
การศึกษาในสัตว์ที่มหาวิทยาลัยยูซีแอลเอพบว่า การกินน้ำตาลปริมาณมากติดต่อกันเป็นเวลานาน อาจมีผลในการทำลายการสื่อสารระหว่างเซลล์สมองของคุณ ดังนั้น เมื่อคุณหมายตาจะกินมัฟฟินแสนอร่อยของร้านโปรดในระหว่างการประชุมช่วงเช้า ให้เตือนตัวเองว่า คุณอาจเฉียบแหลมกว่านี้ก็ได้ถ้างดน้ำตาล
ลดน้ำหนักได้ 10ปอนด์
เอลิซ พาวเวลล์ นักวิจัยระดับปริญญาเอกแห่งมหาวิทยาลัยนอร์ทแคโรไลนา กล่าวว่า คุณอาจแทนที่อาหารที่อุดมไปด้วยพลังงานจากน้ำตาล เช่น กินอัลมอนด์หนึ่งกำมือแทนกราโนลารสหวานอร่อยหนึ่งแท่ง ผลคือ คุณไม่ต้องกินพลังงานปริมาณมากอีกต่อไป เธอยังระบุว่า การลดปริมาณน้ำตาลที่กินในแต่ละวันให้ได้ 200 แคลอรี จะช่วยให้คุณลดน้ำหนักตัวได้ถึง 10 ปอนด์ใน 5–6 เดือน
เป็นตัวเลขที่ช่างหอมหวานเสียนี่กระไร !