เพียงหกเดือนหลังจากเข้ารับตำแหน่ง ความนิยมในตัวประธานาธิบดีฟรองซัวส์ โอลลองด์(François Hollande) ก็ลดลงมากอย่างน่าใจหาย สองปีกว่าให้หลัง คะแนนนิยมต่ำกว่าร้อยละ 20 ซึ่งไม่เคยปรากฏมาก่อนในประวัติศาสตร์การเมืองของฝรั่งเศส สืบเนื่องมาจากชาวฝรั่งเศสพบว่าประธานาธิบดีไม่ได้ดำเนินนโยบาย “เปลี่ยนแปลง” ประเทศตามนโยบายหาเสียง แถมประเทศยังรุมเร้าด้วยปัญหาเศรษฐกิจ ไม่มีความเติบโต อัตราคนว่างงานมีแต่เพิ่มขึ้น
แล้วก็ถึงเวลาปรับรัฐบาล ได้นายกรัฐมนตรีคนใหม่และรัฐมนตรีเศรษฐกิจคนใหม่ ซึ่งเป็นหนุ่มวัย 36 ปีชื่อ เอ็มมานูเอล มาครง (Emmanuel Macron) ซึ่งเคยเป็นรองเลขาธิการทำเนียบเอลีเซ (Palais de l’Elysée) เอ็มมานูเอล มาครงมีหน้าที่จัดแผนนโยบายที่จะแก้ปัญหาเศรษฐกิจ หนึ่งในมาตรการคือการอนุญาตให้ร้านค้าเปิดทำการวันอาทิตย์
ในฝรั่งเศสห้ามทำการค้านอกเหนือจากร้านอาหารในวันอาทิตย์ ยกเว้นในย่านวัฒนธรรมและนักท่องเที่ยวต่างชาติ ดังเช่นย่านเลอ มาเรส์ (Le Marais) ซึ่งมีพิพิธภัณฑ์หลายแห่ง เลอ มาเรส์จึงคับคั่งด้วยผู้คนในวันอาทิตย์ มีทั้งชาวปารีสและนักท่องเที่ยว แบร์นารด์ อาร์โนลต์ (Bernard Arnault) ประธานกลุ่ม LVMHมองเห็นหนทางหาเงินเพิ่ม จึงลักไก่เปิดร้านหลุยส์ วุตตง (Louis Vuitton) ถนนชองป์เซลีเซส์ (avenue des Champs-Elysées) ในวันอาทิตย์ จนเกิดการฟ้องร้องเพราะผิดกฎหมาย LVMH อ้างว่าชองป์เซลีเซส์เป็นย่านนักท่องเที่ยวต่างชาติ นับแต่นั้นร้านค้าบนถนนชองป์ลีเซส์ก็เปิดวันอาทิตย์ได้
การทำงานวันอาทิตย์เป็นที่ถกเถียงกันมานานปี มนุษย์ทำงานส่วนหนึ่งเห็นว่า ต้องทำงานหามรุ่งหามค่ำ ไม่มีเวลาจับจ่ายใช้สอย หากให้ร้านค้าเปิดวันอาทิตย์จะดียิ่ง ผู้ประกอบการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งห้างสรรพสินค้าอยากให้เปิดวันอาทิตย์ด้วย ทั้งนี้เพราะนักท่องเที่ยว อันมีนักท่องเที่ยวจีนเป็นหลัก ข้ามไปจับจ่ายใช้สอยที่ลอนดอนหรือเบอร์ลินในวันอาทิตย์ แล้วทำไมจึงจะไม่เปิดวันอาทิตย์เพื่อที่รายได้จะได้ไม่รั่วไหลไปประเทศอื่น
ส่วนพนักงานของห้างสรรพสินค้าและร้านค้าแฟชั่นไม่อยากทำงานเพิ่ม เพราะวันอาทิตย์เป็นวันพักผ่อนและได้อยู่กับครอบครัว บ้างก็ว่าเศรษฐกิจไม่ดี ผู้คนระมัดระวังการจับจ่าย แล้วจะเปิดวันอาทิตย์ไปทำไม ต่างก็มีเหตุผลเฉพาะตัว
นโยบายของเอ็มมานูเอล มาครงในเรื่องนี้มีจุดมุ่งหมายในการแก้ปัญหาการว่างงานและกระตุ้นความเติบโตทางเศรษฐกิจ การเปิดการค้าวันอาทิตย์อาจจำต้องจ้างงานเพิ่ม เพื่ออุดรอยโหว่ในกรณีที่ลูกจ้างประจำไม่ต้องการทำงานวันอาทิตย์ อีกทั้งต้องการกำหนดเขตนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะให้มีการเปิดการค้าในวันอาทิตย์
อานน์ อิดัลโก (Anne Hidalgo) นายกเทศมนตรีกรุงปารีส จากพรรคสังคมนิยมมาแปลก ออกมาประกาศไม่เห็นด้วยกับนโยบายของประธานาธิบดีฟรองซัวส์ โอลลองด์ที่เสนอให้ปารีสเป็นเจ้าภาพจัดกีฬาโอลิมปิค เพราะต้องมีงบประมาณในการเตรียมการ ครั้งนี้เช่นกันอานน์ อิดัลโกไม่เห็นด้วยที่จะให้เปิดการค้าในวันอาทิตย์ตามนโยบายใหม่ของรัฐบาล พร้อมกับย้ำว่าการอนุญาติเปิดทำการค้าในวันอาทิตย์เป็นอำนาจของนายกเทศมนตรีกรุงปารีส
อันที่จริงร้านค้าในปารีส 25% เปิดวันอาทิตย์อยู่แล้ว เป็นการค้าประเภทร้านกาแฟ ร้านอาหาร ปั๊มน้ำมัน ร้านหนังสือบางแห่ง เป็นการค้าใน 7 ย่านของปารีส เช่น มงต์มาร์ทร์ (Montmartre) ชองป์เซลีเซส์ (Champs-Elysées) ถนนแซงต์–แจร์แมง (boulevard Saint-Germain) ถนนริโวลี (rue de Rivoli) เป็นต้น ไหนจะพิพิธภัณฑ์ ขนส่งมวลชน ห้างสรรพสินค้าเองได้รับอนุญาตให้เปิดวันอาทิตย์ได้ปีละ 5 อาทิตย์ และสามารถขออนุญาตเพิ่มเติมต่อเทศบาลกรุงปารีส
เทศบาลกรุงปารีสเห็นว่าห้างสรรพสินค้าต้องการเปิดวันอาทิตย์เพราะคิดถึงแต่รายได้ ไม่ได้คำนึงถึงผลกระทบอันพึงจะมีต่อชีวิตและสังคมของลูกจ้าง อีกทั้งเทศบาลต้องทำงานหนักขึ้น ไหนจะต้องเพิ่มการขนส่งมวลชนให้มากขึ้นในวันอาทิตย์ ไหนจะต้องดูแลความปลอดภัย ไหนจะต้องทำความสะอาดพื้นที่…
นักท่องเที่ยวชาวยุโรปจะเดินทางมาปารีสประมาณสี่วัน ส่วนนักท่องเที่ยวจากแดนไกล เช่น ญี่ปุ่น จีน สหรัฐอเมริกา รัสเซีย… จะอยู่ประมาณ 6 วัน ซึ่งนับว่ามากวันเพียงพอสำหรับการจับจ่ายในห้างสรรพสินค้า นักท่องเที่ยว 92% ชอบชอปปิ้งที่ปารีสมากกว่าเมืองอื่นๆ เทศบาลกรุงปารีสไม่เชื่อว่านักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางข้ามไปชอปที่ลอนดอนตอนสุดสัปดาห์ตามคำกล่าวอ้างของรัฐบาลและพรรคฝ่ายขวา
สังเกตว่านับตั้งแต่มีปัญหาเศรษฐกิจ ห้างสรรพสินค้าขออนุญาตเปิดวันอาทิตย์เพิ่มขึ้น แถมมีการจัดโปรโมชั่นมากขึ้น ลดราคาพิเศษสำหรับผู้ถือบัตรเครดิตของห้างที่เรียกว่า vente privée แต่ดูเหมือนว่ายังไม่สามารถเรียกแขกได้มากขึ้นอย่างที่คาดหวัง
