Column: From Paris
เด็กๆ ชอบดูการ์ตูน Tom & Jerry หนูจอมซนกับแมวจอมเบ่ง เรื่องราวไม่มีอะไรมากนอกจากแมวเห็นหนูแล้วอยากตะครุบจับ และแน่นอนหนูต้องวิ่งหนี พร้อมกับหาวิธีการต่างๆ แกล้งแมวเล่น Tom & Jerry เป็นปัญหาเมื่อมีการมองว่าเป็นการ์ตูนที่รุนแรง ไม่สมควรให้เด็กเล็กชม เฮ้อ ก็ว่ากันไป หลานชายใกล้ตัวสองหน่วยนั่งดู Tom & Jerry ไป หัวเราะจนน้ำลายยืดไป โตขึ้นก็ไม่เห็นจะเป็นคนชอบความรุนแรง
ชอบการ์ตูนวอลต์ ดิสนีย์มาก ตัวการ์ตูนน่ารักไม่ว่าจะเรื่องไหน นอกจากดูทางโทรทัศน์แล้ว ยังตามไปดูหนังโรงเรื่องทรามวัยกับไอ้ตูบ คนตั้งชื่อนี่เก่งจริงๆ ซินเดอเรลลาเอย สโนว์ไวท์กับคนแคระทั้งเจ็ด มิคกี้เมาส์ แบมบี้ ……… และพีน็อคคิโอ (Pinocchio)
พีน็อคคิโอเป็นเรื่องราวของชายชราผู้หนึ่งที่ทำตุ๊กตาไม้ที่พูดได้ มีจมูกยาว จมูกนี้จะยาวขึ้นเรื่อยๆ ถ้าโกหก
ผู้สร้างตัวละครเรื่องนี้คือการ์โล กอลโลดี (Carlo Collodi) ซึ่งเป็นนามปากกาของการ์โล ลอเรนซินี (Carlo Lorenzini) เขาเกิดในปี 1826 ที่เมืองฟลอเรนซ์ พ่อแม่ทำงานให้กับขุนนางผู้หนึ่ง โดยพ่อเป็นพ่อครัว ส่วนแม่ทำงานบ้าน เขามีพี่น้องทั้งหมด 9 คน เป็นยุคที่อิตาลียังไม่เป็นประเทศ ถูกยึดครองโดยออสเตรีย ลุงและป้าจึงเป็นผู้เลี้ยงดูเขามา พออายุ 11 ขวบถูกส่งตัวไปฟลอเรนซ์ โดยมีจุดมุ่งหมายที่จะให้เขาบวช ทว่าเมื่อเขาอายุ 16 ปี ก็ออกจากวัด เข้าเรียนศาสนาและปรัชญาที่เมืองฟลอเรนซ์ เรียนไปได้ 3 ปีก็ได้งานทำในร้านหนังสือใหญ่ของฟลอเรนซ์ ซึ่งเป็นผู้พิมพ์หนังสือของฌอง-บาติสต์ นิกโกลินี (Jean-Baptiste Niccolini) ที่เขาชื่นชอบ
อยู่ในวงการหนังสือ การ์โล กอลโลดีจึงรู้จักแวดวงนักเขียน ได้ทำงานเป็นเลขานุการของนักเขียนผู้หนึ่ง ซึ่งชักนำเขาเข้าสู่วงการหนังสือพิมพ์ เขาเข้าร่วมกองบรรณาธิการของ Il Lampione เสียดสีการเมือง ได้รู้จักนักการเมืองและนักเขียน วิจารณ์ดนตรี และมีคอลัมน์ประจำใน La Revue de Florence ซึ่งสนับสนุนการปฏิวัติที่ล้มเหลวซึ่งนำโดยฟรานเชสโก โดเมนิโก แกรัซซี (Francesco Domenico Guerrazzi) เป็นยุคที่ชนรุ่นใหม่ต้องการปลดแอกจากการครอบครองของออสเตรีย แต่ไม่เป็นผลสำเร็จ
ต่อมาการ์โล กอลโลดีเริ่มแปลหนังสือฝรั่งเศสมาเป็นภาษาอิตาเลียนสำหรับนิตยสาร Italia Musicale แล้วทำงานให้กับนิตยสาร L’Arte ก่อนที่จะก่อตั้งนิตยสาร Scaramuccia เกี่ยวการละคร ขณะอายุ 27 ปีการ์โล กอลโลดีเขียนละครเรื่องแรก Gli amici di casa ซึ่งถูกเซ็นเซอร์เป็นเวลา 3 ปีก่อนที่จะได้ทำเป็นละคร แต่ไม่ดังเท่าที่ควร พออายุ 30 ปี เขาจึงใช้นามปากกา การ์โล กอลโลดี เขียนให้กับนิตยสารเสียดสีสังคมและการเมือง La Lente หนังสือไกด์ของเขา Un romanzo in vapore, De Florence à Livourne ขายดี และดังมากจากนิยายเสียดสีสังคมเรื่อง Les mystères de Florence. Scènes sociales แล้วไปทำงานให้คณะละครที่กำลังประสบปัญหา เขานำประสบการณ์ที่ได้รับไปเขียนบางฉากของเรื่อง Pinocchio
ในทศวรรษ 1860 การ์โล กอลโลดีรับราชการในคณะกรรมการเซ็นเซอร์ละคร เป็นโอกาสได้อ่านผลงานร่วมสมัย และทำงานในคณะกรรมการก่อตั้ง Panthéon italien de la littérature
เมื่ออิตาลีสามารถรวมตัวเป็นหนึ่งเดียวในปี 1861 การ์โล กอลโลดีวิจารณ์สังคมบูร์จัวส์ การคอร์รัปชันของนักการเมือง นโยบายภาษีของรัฐบาลฝ่ายขวา ต่อมาในปี 1875 จึงเริ่มเขียนหนังสือสำหรับเด็ก เริ่มจากสำนักพิมพ์แห่งหนึ่งขอให้เขาแปลนิทานของชาร์ลส์ แปโรลต์ (Charles Perrault) กงแตส โดลเนย์ (Comtesse d’Aulnay) และมาร์กีส เดอ โบมงต์ (Marquise de Beaumont) โดยมีเอ็นริโก มัซซานตี (Enrico Mazzanti) เป็นผู้เขียนรูปประกอบ ให้ชื่อหนังสือนิทานนี้ว่า Il raconti della fate
การ์โล กอลโลดีเกษียณในปี 1881 แฟร์นันโด มาร์ตินี (Fernando Martini) สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ขอให้เขาเขียนนิทานสำหรับเด็กในหนังสือชื่อ Giornale di Bambini นิทานเกี่ยวกับหุ่นกระบอกจึงเริ่มเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 1881 – L’Histoire d’une marionnette 15 ตอน ตอนสุดท้ายให้พิน็อคคิโอผูกคอตาย ไม่สมใจผู้อ่านตัวน้อย เขาจึงต้องให้พิน็อคคิโดฟื้น และผจญภัยต่อไปในชุด L’aventure di Pinocchio – การผจญภัยของพิน็อคคิโอ ทั้งหมด 36 ตอนด้วยกัน ตามมาด้วย Storia di un burattino
นิทานของการ์โล กอลโลดีรวมเล่มในปี 1883
ตุ๊กตาไม้ธรรมดาๆ ได้รับพรจากนางฟ้าให้เป็นเด็กผู้ชายที่มีชีวิต จมูกยาว ร้องไห้ หัวเราะ และพูดได้ ถ้าเมื่อไรโกหก จมูกจะยาวขึ้น และหากเรียนไม่ดี หูจะใหญ่เหมือนหูลา
Pinocchio ได้รับการนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์จอใหญ่และภาพยนตร์โทรทัศน์ ลุยจิ โกเมนซินี (Luigi Comencini) นำไปสร้างเป็นซีรีส์ ในปี 1975 จึงเป็นภาพยนตร์ วอลต์ ดิสนีย์ ราชาแห่งการ์ตูน นำไปสร้างเป็นภาพยนตร์การ์ตูนน่ารักน่าเอ็นดู ในปี 2002 โรแบร์โต มาญีนี (Roberto Magnini) และวินเซนโซ เซรามี (Vincenzo Cerami) สร้างเป็นภาพยนตร์ ในปี 2013 เอ็นโซ ดาโล (Enzo D’Alô) สร้างเป็นภาพยนตร์ animation
วอลต์ ดิสนีย์นำเรื่องนี้ไปทำภาพยนตร์การ์ตูนในปี 1940
นิทานเรื่อง Pinocchio ได้รับการแปลเป็นภาษาต่างๆ ถึง 200 ภาษา เป็นหนังสือขายดีเป็นอันดับแรกของอิตาลี รองจาก Divine comédie ของดันเต (Dante)