Column: From Paris
คนหนึ่งขาว คนหนึ่งดำ ขาวเดินเข้าไปในห้างเพชร เขาแต่งตัวดีให้สมกับคนที่จะมาซื้อเครื่องเพชร สวมแว่นตาดำและเสื้อโค้ตตัวใหญ่ ขาวแจ้งความจำนงแก่พนักงานขายว่าต้องการซื้อแหวนให้ภรรยาเพื่อเป็นการขอโทษ
แล้วดำก็เดินเข้ามาในร้านหลังจากนั้นไม่นาน เขาแต่งกายทะมัดทะแมง สวมแว่นตา หมวกแก๊ป หิ้วกระเป๋าใบใหญ่
พนักงานขายสะดุดตากับรูปลักษณ์ของขาว เพราะวิกผมไม่เข้าที่เข้าทาง จึงส่งสัญญาณให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ซึ่งโทรศัพท์แจ้งตำรวจทันที
ขาวควักปืนออกมา พร้อมกับกล่าวว่า นี่คือการปล้น ดำก็ควักปืนกลออกมาจากกระเป๋าเช่นกัน พร้อมกับสั่งให้ทุกคนนอนคว่ำหน้ากับพื้น และมัดแขนไขว้ไปข้างหลัง ขาวสั่งให้ผู้จัดการร้านเปิดตู้ และรวบรวมเครื่องเพชรได้กว่า 200 ชิ้น มูลค่ากว่า 800 ล้านยูโร
และแล้วเสียงไซเรนของรถตำรวจใกล้เข้ามา ขาวสั่งดำให้ใส่กระสุนปืนกล และถามหาทางออกฉุกเฉิน พร้อมกับจับตัวสตรีซึ่งเป็นผู้จัดการร้าน ถือระเบิดมือจ่อที่คอของเธอ ตำรวจเห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง ดำถือปืนกลดูแลข้างหลัง ทั้งสองออกมาถึงรถมอเตอร์ไซค์ และปล่อยตัวประกันไป ทั้งสองหนีเข้าไปในร้านทำผมสตรีที่ห่างจากที่เกิดเหตุไป 3 กิโลเมตร การล้อมจับดำเนินไปครู่ใหญ่ มีการยิงโต้ตอบประปราย ในที่สุดเมื่อไม่มีทางรอดไปได้ ขาวและดำก็ยอมจำนน
ผู้เป็นฮีโรในเหตุการณ์ครั้งนี้คือช่างทำผม ซึ่งเป็นชายผมขาว เขาถูกข่มขู่จากขาวและดำ ดำนั้นถูกยิงที่แขน ช่างทำผมจึงบอกว่าเคยเป็นทหารเรือมาก่อน รู้จักวิธีหยุดเลือด เขาจึงทำการปฐมพยาบาลให้ดำ ความตึงเครียดจึงลดลง และหาเครื่องดื่มให้ดำเพราะเสียเลือดมาก เขาบอกให้ทั้งสองพูดจาสุภาพหน่อย แต่คำตอบที่ได้รับจากขาวคือ เราจะเรียกคุณว่า ปู่ ก็แล้วกัน พร้อมกับยกต่างหูคู่หนึ่งและปากกาฝังเพชรให้ปู่เป็นการตอบแทนที่ช่วยเหลือ ปู่ทำการเทศนาสั่งสอนราวกับกำลังสอนลูกหลาน เขาบอกขาวและดำว่าไม่มีทางรอดหรอกเพราะตำรวจล้อมไว้หมดแล้ว แถมมีเฮลิคอปเตอร์ตำรวจบินสังเกตการณ์อยู่ด้วย ขอให้มอบตัวเถอะ ทั้งสองปรึกษากัน ดำบอกว่าไม่อยากกลับเข้าคุกอีก
ปู่นำแชมเปญมาเปิด จากประสบการณ์ ปู่พบว่าแชมเปญจะแก้ไขสถานการณ์ได้ดี ปู่บอกจะโทรศัพท์หาตำรวจ พอดีกับเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ปู่บอกตำรวจว่าขาวและดำพร้อมจะมอบตัว ขาวบอกตำรวจว่าปู่แน่มาก ทั้งสองถูกนำตัวไปสำนักงานตำรวจแห่งชาติเพื่อการสอบสวนในขั้นต้น ขาวไม่มีประวัติอาชญากรรมมาก่อน แต่ตำรวจพบว่า ขาวเป็น 1 ใน 2 คนที่ขโมยเครื่องเพชร De Beers ที่ห้างสรรพสินค้าแพรงตองป์ (Printemps) เกือบ 2 ปีก่อนหน้านี้จากการตรวจดีเอ็นเอ และภาพจากกล้องวงจรปิด
นี่ไม่ใช่ภาพยนตร์ แต่เป็นเรื่องที่เกิดจริงเมื่อหลายปีก่อน เป็นการปล้นห้างเพชรการ์ทีเอร์ (Cartier) ในย่านชองป์เซลีเซส์ (Champs-Elysées) มีการล้อมจับเอิกเกริกเป็นเวลาหลายชั่วโมง ทั้งขาวและดำถูกจำคุกมา 3 ปีแล้ว และศาลพิพากษาเมื่อวันที่ 28 กันยายน 2017 ให้ต้องโทษจำคุก 20 ปีและ 15 ปีตามลำดับ
ขาวเป็นเด็กชานกรุงที่การศึกษาล้มเหลว สอบตกมัธยมปลาย 2 ครั้ง ต้องไปทำงานเป็นกรรมกรเหมือนพ่อ ฝันที่จะมีชีวิตที่ดีกว่า เขาชอบดูภาพยนตร์เกี่ยวกับแก๊งสเตอร์และการปล้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาพยนตร์ฮอลลีวูดยิ่งเมื่อได้โรเบิร์ต เดอ นีโร หรืออัล ปาชิโน นำแสดงยิ่งเท่ ประกอบกับผู้ร้ายที่เป็นพระเอกเหล่านี้หนีรอดจากการไล่ล่าของตำรวจ ยิ่งเท่หนักเข้าไปอีก ขาวจึงอยากเลียนแบบ จึงเป็นที่มาของการปล้นครั้งยิ่งใหญ่นี้ ด้วยว่าชะล่าใจว่าปล้นครั้งก่อนประสบความสำเร็จ ตำรวจไม่สามารถคลี่คลายคดีได้
ขาวให้การด้วยความภูมิใจที่เขาสามารถลอกเลียนแบบภาพยนตร์ได้ ในคุกเขากลับมาเรียนหนังสือใหม่ ขณะนี้เรียนกฎหมายอยู่ปี 3
นึกทึ่งทุกครั้งที่ชมภาพยนตร์เกี่ยวกับการปล้น ผู้เขียนบทสามารถวางแผนได้ลึกล้ำอย่างน่าประหลาด ไปเอาความคิดซับซ้อนเหล่านี้มาจากไหน พร้อมกันนั้น อดถามตนเองไม่ได้ว่า ผู้มีแนวโน้มที่จะประกอบอาชญากรจะเลียนแบบไหมเนี่ย ไม่น่าเชื่อว่าจะมีจริง ดังในกรณีของขาวโดยเฉพาะ ขาวฝันอยากมีชีวิตสุขสบายหลังการปล้นเหมือนบรรดาผู้ร้ายที่เป็นพระเอกในภาพยนตร์เรื่องต่างๆ แต่ชีวิตจริงไม่เหมือนในภาพยนตร์ เพราะสุดท้ายแล้วจุดหมายปลายทางของขาวอยู่ที่เรือนจำ