Home > Cover Story (Page 157)

“กลับมาเถิดวันวาน” สงกรานต์แบบไทยเบฟ

 แสงสีทองของดวงอาทิตย์กำลังทอดยาวลงบนพื้นผิวของแม่น้ำเจ้าพระยา ที่เปรียบเสมือนเส้นเลือดใหญ่ที่หล่อเลี้ยงชีวิตริมสองฝั่งของแม่น้ำมาหลายชั่วอายุคน แต่การนั่งเรือเลียบเลาะแม่น้ำเจ้าพระยาในปัจจุบันอาจจะเห็นวิถีชีวิตแบบดั้งเดิมน้อยลงจนเรียกได้ว่าหายากมากขึ้นทุกที วิถีชีวิตของผู้คนที่ไม่เร่งรีบและดำเนินชีวิตไปตามครรลองด้วยความเรียบง่าย ค่อยๆ ถูกแทนที่ด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัยที่นำความเจริญก้าวหน้ามาเคาะถึงประตูบ้าน ชนิดที่เรียกว่าตั้งตัวกันแทบไม่ทัน  เครื่องไม้เครื่องมืออันทันสมัยซึ่งเป็นตัวช่วยสำคัญในการทำให้ชีวิตง่ายขึ้น ประกอบกับการเปลี่ยนแปลงของสังคมปัจจุบันที่เป็นปัจจัยสำคัญ ที่ส่งให้บรรดาวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณีต่างๆ กำลังถูกปรับเปลี่ยนและถูกกลืนหายไป จนเจนเนอเรชั่นรุ่นใหม่ๆ น้อยคนนักที่จะรู้จัก วิถีแบบดั้งเดิมที่เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ ดังเช่นประเพณีสงกรานต์ที่ดูจะเห็นได้ชัดเจนที่สุด จากเดิมที่เมื่อถึงวันที่ 13 เมษายน ของทุกปี คนไทยมักจะเริ่มต้นปีใหม่ไทยด้วยการเข้าวัดทำบุญตักบาตรรับสิริมงคล รดน้ำขอพรผู้ใหญ่ จากนั้นจึงสาดน้ำเล่นสงกรานต์ด้วยขันเล็กๆ ที่สนุกกันแต่พองาม  ความเปลี่ยนแปลงของประเพณีที่เต็มไปด้วยความดีงาม ทำให้องค์กรภาครัฐหลายหน่วยงานให้ความสนใจที่จะเข้ามาปรับภาพลักษณ์และดึงเอาภาพจำในวันวานกลับคืนมา เพื่อหวังให้เยาวชนรุ่นใหม่ รวมไปถึงนักท่องเที่ยวได้มีโอกาสที่จะเรียนรู้วัฒนธรรมประเพณีที่เคยปฏิบัติกันมาตั้งแต่สมัยปู่ ย่า ตา ทวด ในขณะที่ภาคเอกชนเองมองเห็นโอกาสเหล่านี้ในแง่มุมเชิงธุรกิจ หยิบประเด็นนี้มาทำการตลาดอันอาจจะนำมาซึ่งผลกำไรรวมถึงสร้างภาพลักษณ์เชิงบวกต่อองค์กรในสายตาของผู้บริโภค  ล่าสุดไทยเบฟเจ้าของธุรกิจเครื่องดื่มอันดับต้นๆ ของไทย จับธีมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมมาเป็นตัวชูโรงในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่กำลังจะมาถึงในเดือนหน้า พร้อมแนวความคิดของกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) อย่างฐาปน สิริวัฒนภักดี ที่ว่า “ไทยเบฟ มีปณิธานอันแน่วแน่ที่ต้องการจะบอกเล่าความเป็นไทยไปทั่วโลก พร้อมย้ำแนวคิดเรื่องการท่องเที่ยววิถีไทย ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางของรัฐบาล” โค้งน้ำเจ้าพระยาคือจุดยุทธศาสตร์ที่ไทยเบฟจับมาเป็นจุดขายของงาน Water Festival 2015 เทศกาลวิถีน้ำ วิถีไทย ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 13-15 เมษายน

Read More

สัปดาห์หนังสือแห่งชาติ “เด็กดี?” ในยุคดิจิตอล อีโคโนมี

 หากอัตราการรู้หนังสือรวมถึงปริมาณหนังสือที่ผู้คนในสังคมอ่านเฉลี่ยในแต่ละปี จะเป็นส่วนหนึ่งของดัชนีและมาตรวัดความจำเริญเติบโตทางสติปัญญาของสังคมนั้นๆ ได้บ้าง ความพยายามที่จะสร้างเสริมให้เกิดวัฒนธรรมการอ่านผ่านกิจกรรมสัปดาห์หนังสือแห่งชาติซึ่งดำเนินมาเป็นปีที่ 43 ในครั้งนี้ ก็คงเป็นภาพสะท้อนวิวัฒนาการของสังคมไทยได้อย่างชัดเจนไม่น้อย ภายใต้วัตถุประสงค์เพื่อเป็นการรณรงค์ส่งเสริมให้คนไทยตั้งแต่เด็ก เยาวชน ตลอดจนผู้ใหญ่ทุกอาชีพเห็นถึงความสำคัญของการอ่าน และอ่านหนังสืออย่างต่อเนื่อง ส่งเสริมให้พ่อแม่ ผู้ปกครอง ครู และบรรณารักษ์รู้เทคนิควิธีการส่งเสริมการอ่านแก่เด็กและเยาวชนอย่างเหมาะสมและได้ผล รวมถึงเพื่อเปิดโอกาสให้คนไทยได้เห็นหนังสือจากนานาชาติ เป็นการเปิดโลกทัศน์ให้เห็นถึงการพัฒนาและเติบโตของโลกหนังสือของต่างประเทศ และในทางกลับกันเปิดโอกาสให้ชาวต่างชาติได้เห็นหนังสือไทย และสร้างโอกาสให้นักเขียนและสำนักพิมพ์ของไทยได้ขายลิขสิทธิ์สู่ต่างประเทศ ขณะเดียวกันก็ส่งเสริมให้สำนักพิมพ์ในประเทศไทยเกิดความตื่นตัวปรับปรุงพัฒนาการผลิตหนังสือให้มีคุณภาพ มีความหลากหลายที่เป็นประโยชน์ต่อผู้อ่าน และการพัฒนาประเทศในทุกด้าน ตลอดจนเรียนรู้และปฏิบัติตามกฎหมายลิขสิทธิ์อย่างถูกต้องนี้ ดูเหมือนกิจกรรมสัปดาห์หนังสือแห่งชาติจะเป็นประหนึ่งประตูบานใหญ่ที่เปิดออกไปสู่โลกกว้าง หากแต่ในความเป็นจริงและความเป็นไปแห่งยุคสมัย ที่หลายฝ่ายกำลังพูดถึง ดิจิตอล อีโคโนมี วันละหลายเวลา และช่องห่างความแตกต่างระหว่างการอ่านและการดู ตีบแคบจนหลายฝ่ายเข้าใจคลาดเคลื่อน บางทีคุณค่าความหมายของสัปดาห์หนังสือแห่งชาติในปีนี้ อาจเป็นความท้าทายครั้งใหม่ที่มีความแหลมคมอย่างยิ่ง โปสเตอร์ประชาสัมพันธ์การจัดงานที่นอกจากจะมีข้อความรายละเอียดชื่องานและกำหนดเวลา สถานที่จัดงานแล้ว ยังปรากฏข้อความ “เด็กดี?” ให้ต้องไขปริศนา ที่ต้องเกิดจากการอ่านที่ไม่ใช่การดู ได้อย่างแยบคายและลงตัว ขณะที่ในพื้นที่การจัดงานนอกจากจะประกอบด้วยนิทรรศการและเวทีเสวนาในหัวข้อที่หลากหลายแล้ว นิทรรศการภายใต้หัวข้อ “เพราะเป็นเด็กจึงเจ็บปวด” เป็นประหนึ่งการยั่วแย้งและย้อนแยงให้ผู้เข้าชมงานต้องตระหนักถึงคุณค่าของการอ่านเพิ่มขึ้นอีก “เพราะเป็นเด็กจึงเจ็บปวด” เป็นนิทรรศการที่ได้รับการสนับสนุนการจัดจากกรมส่งเสริมวัฒนธรรม และกรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม โดยเป็นนิทรรศการที่นำเสนอตัวอย่างบางส่วนของหนังสือและถ้อยคำที่สะท้อนความจริงของวัยเด็ก ช่วยเปิดโลก กระตุ้นจินตนาการ ทลายกรงขัง และเป็นแรงขับให้เด็กจำนวนมากได้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ด้วยหนทางแห่งปัญญามาแล้วหลายยุคสมัย โดยหวังว่าจะเป็นการเปิดหน้าต่างสู่โลกกว้างให้กับเด็กๆ ที่ได้เข้าชม และในขณะเดียวกันก็เป็นกระจกสะท้อนผู้ใหญ่บางท่านที่อาจยังไม่รู้ตัวว่าตนเป็นส่วนหนึ่งที่สร้างความเจ็บปวดให้กับเด็ก “การเรียนรู้ที่สำคัญในวัยเด็ก ถ้อยคำที่นำพาเด็กไปสู่การมีสติปัญญาอย่างเข้มแข็ง

Read More

ประเมินมอเตอร์โชว์ 2015 เศรษฐกิจไทย ฟื้นหรือฟุบ?

 มหกรรมยานยนต์ช่วงต้นปี “บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ 2015 ครั้งที่ 36” ได้รับความสนใจจากผู้คนทั่วไปในสังคมไทยไม่น้อย ไม่เฉพาะในมิติที่เกี่ยวเนื่องกับการอวดโฉมยนตรกรรมภายใต้แนวคิด “Art of Auto” และการแข่งขันในการช่วงชิงกำลังซื้อของบรรดาค่ายรถยนต์แต่ละค่ายเท่านั้น หากแต่กิจกรรมระดับชาติที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีครั้งนี้ กำลังเป็นอีกส่วนหนึ่งของดัชนี และมาตรวัดที่จะช่วยสะท้อนสถานการณ์ทางเศรษฐกิจไทยว่ากำลังอยู่ในช่วงฟื้นตัว ตามคำประกาศของภาครัฐหรือกำลังถอยหลังทยอยฟุบอย่างที่ประชาชนทั่วไปรู้สึกกัน การคาดหมายยอดจองรถยนต์ภายในงาน ที่ทางฝ่ายผู้จัดงานประเมินไว้เบื้องต้นที่ 40,000 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาเล็กน้อย ถือเป็นการประเมินที่พยายามยืนอยู่บนพื้นฐานของข้อเท็จจริงที่น่าสนใจอย่างยิ่ง โดยเฉพาะภายใต้สถานการณ์ที่อุตสาหกรรมยานยนต์ไทยดูจะซบเซา แม้ว่าค่ายรถยนต์พยายามจะแข่งขันและกระตุ้นกำลังซื้อในตลาดก็ตาม ข้อสังเกตที่พบเห็นได้ในช่วงก่อนการแสดงงานมอเตอร์โชว์ปีนี้ อยู่ที่การระดมประชาสัมพันธ์และโหมโฆษณาจากค่ายรถยนต์หลากหลาย ในลักษณะที่ระบุว่า ซื้อรถเงื่อนไขเดียวกับมอเตอร์โชว์ แต่ดูเหมือนการกระตุ้นให้ตัดสินใจซื้อก่อนงานแสดงมอเตอร์โชว์จะไม่ค่อยได้ผลนัก แม้จะมีส่วนลดสูงถึงระดับ 5 หมื่นถึง 1 แสนบาทก็ตาม ซึ่งสะท้อนความไม่มั่นใจของผู้บริโภคได้ในระดับหนึ่ง แต่หากประเมินในแง่ดี ในมิติที่เป็นเพียงการประวิงเวลาและพิจารณาเงื่อนไขภายในงานก่อนการตัดสินใจ กำลังซื้อที่รอคอยจังหวะอยู่นี้ ก็อาจช่วยให้ตัวเลขการจองรถยนต์ภายในงานสามารถบรรลุเป้าหมายที่คาดการณ์ได้ไม่ยาก “ทุกค่ายรถยนต์ ก็ต้องพยายามต่อสู้ดิ้นรนไม่มีใครยอมแพ้ แม้ว่าสถานการณ์เศรษฐกิจจะดีไม่ดีอย่างไร ก็คงไม่มีใครถอนตัวหรือหยุดความเคลื่อนไหวจากการแข่งขันนี้ได้” ปราจิน เอี่ยมลำเนา ประธานกรรมการ บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ในฐานะประธานจัดงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่

Read More

ปิดฉาก “ลาดหญ้า” เซ็นทรัลซุ่มบิ๊กโปรเจกต์

 6 เมษายน 2558  ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน สาขาลาดหญ้า จะเปิดทำการเป็นวันสุดท้าย ก่อนปิดฉากอย่างเป็นทางการ แต่เซ็นทรัลกรุ๊ปในฐานะเจ้าของที่ดินผืนใหญ่บริเวณนั้นเตรียมโปรเจกต์ลงทุนธุรกิจใหม่รับโครงการสถานีรถไฟฟ้าอีก 2 เส้นทาง ได้แก่ โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ตั้งอยู่บนถนนสมเด็จพระเจ้าตากสิน และโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดง ช่วงหัวลำโพง-มหาชัย ตามแนวเส้นทางรถไฟสายวงเวียนใหญ่-มหาชัย ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ซึ่งคาดว่าจะพลิกโฉมทำเลครั้งใหญ่ การปิดสาขาลาดหญ้าจึงเป็นเพียงเกมคั่นเวลารอจังหวะและลดการขาดทุนจากธุรกิจค้าปลีกที่อยู่ในภาวะซบเซา เพราะสภาพทำเลที่เปลี่ยนแปลงไป รวมถึงสงครามค้าปลีกย่านฝั่งธนบุรีได้ย้ายจุดยุทธศาสตร์สู่แนวรบด้านเจริญนครและริมฝั่งเจ้าพระยา  ที่สำคัญ ลาดหญ้าถือเป็นสมรภูมิค้าปลีกย่านวงเวียนใหญ่ที่กลุ่มเซ็นทรัลยึดหลักปักฐานมานานเกือบ 40 ปี ตั้งแต่ยุค 3 พี่น้อง ได้แก่ สัมฤทธิ์, วันชัย และ สุทธิพร จิราธิวัฒน์ บุกเบิกธุรกิจห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล เริ่มจากสาขาวังบูรพา ราชประสงค์ สีลม ชิดลม จนกระทั่งมาเปิดห้างเซ็นทรัลสาขาลาดหญ้า ในปี 2524  ก่อนปรับโฉมและเปลี่ยนแบรนด์เป็นห้างสรรพสินค้าโรบินสัน สาขาลาดหญ้า เมื่อปี 2540  เวลานั้น ไม่ว่าจะเป็น “เซ็นทรัล” หรือ

Read More

“ทศ จิราธิวัฒน์” จัดทัพออนไลน์ อนาคตใหม่ “เซ็นทรัล”

 หลังจากกลุ่ม “เซ็นทรัล” รุกยุทธศาสตร์ใหม่ ควบรวมกิจการ “ออฟฟิศเมท” และปรับโครงสร้างองค์กร ยกเครื่องกลุ่มธุรกิจค้าปลีก ซึ่งถือเป็นการปฏิวัติใหญ่ภายใต้แนวคิด “The Next Chapter of Central Group” และล่าสุด การแถลงข่าวประจำปี 2558  “CEO  Challenge” ทศ จิราธิวัฒน์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท กลุ่มเซ็นทรัล จำกัด ประกาศเป้าหมายขั้นต่อไปกับการสร้างอาณาจักร “ธุรกิจออนไลน์” ซึ่งจะเป็นอนาคตใหม่ของธุรกิจค้าปลีกในเครือทั้งหมด  25 มีนาคม 2558  “เซ็นทรัลออนไลน์กรุ๊ป” จะเปิดตัวเว็บไซต์โฉมใหม่อย่างเป็นทางการ พร้อมๆ กับพันธมิตรรายใหญ่ที่จะเป็นผู้นำเสนอสินค้าผ่านออนไลน์ จำนวนมากกว่า 100,000 รายการ    ทศระบุว่าธุรกิจออนไลน์มีความสำคัญในยุคปัจจุบัน ด้วยเทคโนโลยีและพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ช่องทางออนไลน์จึงกลายเป็นอีกหนึ่งธุรกิจของการค้าที่มีโอกาสเติบโตอย่างมาก ด้วยตัวสินค้าและแบรนด์ของเซ็นทรัลที่มีอยู่จำนวนมากมาย ทำให้ลูกค้ามีทางเลือกในการซื้อสินค้าผ่านออนไลน์ได้อย่างสะดวก รวดเร็ว มีความน่าเชื่อถือด้วยมาตรฐานของแบรนด์ในกลุ่มเซ็นทรัล “อนาคตของเราคือธุรกิจออนไลน์” ซีอีโอเซ็นทรัลกรุ๊ปกล่าว  ทั้งนี้ ตามแผนการควบรวมกิจการระหว่างบริษัท ออฟฟิศเมท จำกัด

Read More

“โรบินสัน” เปิดเกมรุก หนุน “ซีอาร์ซี” ชิงชัยค้าปลีก

 เป้าหมายรายได้ของกลุ่มเซ็นทรัล 286,680 ล้านบาท ภายใต้งบลงทุนมากกว่า 37,000 ล้านบาท ให้น้ำหนักเกือบทั้งหมดไปที่การขยายอาณาจักรค้าปลีกทั้งในและต่างประเทศ โดยเปิดเกมรุกทุกแบรนด์ห้างในเครือ ทั้งเซ็นทรัล โรบินสัน ลา รินาเซนเต้ (la Rinascente) และอิลลุม (Illum) โดยเฉพาะ “โรบินสัน” ซึ่งถือเป็นฟันเฟืองชิ้นสำคัญในการบุกตลาดอาเซียน ยึดหัวหาดต่างจังหวัดเชื่อมต่อประเทศเพื่อนบ้าน และล่าสุดแตกไลน์ห้างสรรพสินค้า “โรบินส์”  (Robins) ลุยประเทศเวียดนาม จุดยุทธศาสตร์ใหญ่ที่สุด “โรบินสัน” ในฐานะแบรนด์ค้าปลีกเก่าแก่กว่า 35 ปี ผ่านวิกฤตหลายรอบ ต้องควบรวมกิจการกับ “เซ็นทรัลรีเทลคอร์ปอเรชั่น” หรือ “ซีอาร์ซี” ใช้เวลาหลายปีกว่าจะฟื้นตัวและขยายสาขาโตแบบก้าวกระโดด ช่วงรอยต่อปลายปี 2556 เข้าสู่ปี 2557 กลุ่มเซ็นทรัลปรับโครงสร้างการบริหารครั้งใหญ่ ไม่ใช่แค่การก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งประธานกรรมการบริหาร บริษัท กลุ่มเซ็นทรัล จำกัด (Chairman of Executive Committee and CEO of Central

Read More

แนวรบ “เครื่องดื่มเกลือแร่” ระอุรับหน้าร้อน

 สภาพอากาศกลางเดือนมีนาคมในประเทศไทยที่อุณหภูมิความร้อนไต่ระดับสูงขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งแตะ 36 องศาเซลเซียส คงทำให้ใครหลายคนต้องมองหาตัวช่วยดับร้อน ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนสถานที่ที่ชุ่มฉ่ำไปด้วยแอร์เย็นๆ หรือการอาบน้ำชำระล้างเหงื่อกาฬเพื่อเรียกความสดชื่นคืนมา แต่นั่นเป็นการคลายร้อนเพียงภายนอกเท่านั้น หากแต่ตัวช่วยที่สามารถสร้างความกระปรี้กระเปร่าจากภายในคงหนีไม่พ้นน้ำสะอาด หรือเครื่องดื่มเกลือแร่ที่ช่วยทดแทนการเสียเหงื่อ แน่นอนว่าเครื่องดื่มบรรจุขวดหรือกระป๋องที่เรียงแถวกันบนชั้นในตู้แช่เย็นที่ดาหน้ามาให้ผู้บริโภคเลือกซื้อกันนั้น แม้จะเป็นเครื่องดื่มที่ให้ความสดชื่นต่อร่างกาย แต่ภาวะการตลาดของเครื่องดื่มเกลือแร่กลับร้อนระอุ เมื่อมีการแข่งขันที่สูงขึ้น  เครื่องดื่มเกลือแร่ที่มีมูลค่าทางการตลาดสูงถึง 6,000 ล้านบาท ตัวเลขการตลาดของเครื่องดื่มเกลือแร่ที่สูงในขณะที่คู่แข่งทางการตลาดยังมีจำนวนไม่มากมายนัก ดูจะไม่ใช่เรื่องแปลกหากจะมียักษ์ใหญ่หลายค่ายมองเห็นช่องทางการเติบโต พร้อมความหวังให้ตัวเลขในบัญชีรายรับสูงขึ้น และเริ่มบุกตลาดเพื่อหวังแชร์ส่วนแบ่งของเค้กก้อนเขื่องที่มีกลิ่นหวานหอมชวนลิ้มลอง ตลาดเครื่องดื่มเกลือแร่ถูกเพิ่มดีกรีความร้อนจากค่าย “คาราบาวกรุ๊ป” ที่ส่ง “สตาร์ท พลัส ซิงค์” ลงมาประเดิมตลาด ที่พร้อมจะแข่งกับผู้นำตลาดอย่างแบรนด์สปอนเซอร์ ที่ยังครองส่วนแบ่งการตลาดไปมากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ ด้วยการชูส่วนประกอบสำคัญอย่าง “Zinc” ที่เป็นตัวช่วยควบคุมกระบวนการต่างๆ ในร่างกายให้ดำเนินไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยซ่อมบำรุงเอนไซม์ รวมถึงเซลล์ต่างๆ หากร่างกายมีเหงื่อออกมากเกินไป อาจจะทำให้ร่างกายต้องสูญเสียสังกะสีมากถึง 3 มิลลิกรัมต่อวัน ในยุคสมัยที่ผู้คนมักนิยมวิ่งตามกระแสสังคม ที่ผู้บริโภคหันมาให้ความใส่ใจกับสุขภาพร่างกายกันมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเทรนด์การออกกำลังกายอย่าง T25 หรือการปั่นจักรยาน สิ่งที่ตามมาคือ เรื่องความต้องการอาหารและเครื่องดื่มที่ให้ประโยชน์ สามารถซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกายได้  กระแสความนิยมดังกล่าวของผู้บริโภคยิ่งเป็นตัวผลักดันให้การแข่งขันเริ่มดุเดือดมากขึ้น เมื่อผู้แข่งขันทั้งหน้าเก่าหน้าใหม่ต่างพากันควักกระเป๋าทำการตลาดหลายร้อยล้านบาท ทั้ง Ad โฆษณาตัวใหม่

Read More

ยุทธการดอยช้าง เมื่อ สิงห์ รุกตลาดกาแฟ

 ยุทธการออกจากพื้นที่ปิด ไปสู่สังเวียนที่เปิดกว้างในกลุ่มนอนแอลกอฮอล์ ของสิงห์ยังคงเดินหน้าต่อเนื่อง หลังจากชิมลางบุกตลาด “ชาเขียว” เมื่อปลายปีที่แล้ว เริ่มศักราชใหม่ ค่ายสิงห์เปิดเกมรุกด้วยการเข้าร่วมมือกับกาแฟ “ดอยช้าง” ที่นับเป็นข้อต่อเชื่อมส่วนหนึ่งของแผนการรุกธุรกิจ “นอนแอลกอฮอลส์” ที่ค่ายสิงห์หวังจะเพิ่มสัดส่วนรายได้ให้เป็นครึ่งหนึ่งของรายได้รวม ประเด็นสำคัญของการรุกครั้งใหม่ในธุรกิจกาแฟ อยู่ที่กลยุทธ์ในการขยายที่นอกจากจะประกอบส่วนด้วยการซื้อหรือควบรวมกิจการ Mergers and acquisitions (M&A) เพื่อเป็นการขยายตัวแบบก้าวกระโดดแล้ว ก็เป็นการร่วมลงทุนในฐานะพันธมิตรธุรกิจที่อาศัยความชำนาญของแต่ละฝ่ายสร้างมูลค่าเพิ่มขึ้นมาใหม่ สอดคล้องกับกลยุทธ์และแนวคิดการบริหารงานของสันติ ภิรมย์ภักดี บอสใหญ่ของค่ายสิงห์ ที่ว่าการเริ่มต้นจากศูนย์ต้องใช้เวลาและลำบาก แต่หากสามารถนำเอาจุดแข็งของแต่ละฝ่ายมาร่วมกันจะสร้างการเติบโตให้ธุรกิจได้เร็ว “เราอยู่คนเดียวไม่ได้ ต้องมีเพื่อน ในโลกธุรกิจก็เช่นกัน เราต้องนำจุดเด่นและความเก่งที่มีกันคนละด้านมาผสานกัน” สันติย้ำ ในวันเปิดตัวบริษัท ดีวีเอส 2014 จำกัด เมื่อไม่นานมานี้ สันติได้มาเป็นประธานเปิด ซึ่งนับเป็นการกลับมาออกงานในโลกธุรกิจงานแรกๆ หลังจากห่างหายไปนานเกือบ 10 ปี ภายหลังจากที่มอบหมายภารกิจให้ลูกชายทั้งสองสานงานต่อในช่วงก่อนหน้านี้ ดีวีเอส 2014 เป็นการร่วมทุนระหว่างบริษัท วราฟู้ดส์ แอนด์ดริ้งค์ จำกัด ในเครือของสิงห์ กับบริษัท ดอยช้าง คอฟฟี่ ออริจินอล จำกัด ผู้ผลิตกาแฟ

Read More

ยุทธการสร้างแบรนด์ ฉบับ นวลพรรณ ล่ำซำ

 ในบรรดาแวดวงนักธุรกิจสตรีที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้หญิงแถวหน้าในสังคมไทย ชื่อของนวลพรรณ ล่ำซำ ถือเป็นชื่อที่ได้รับการกล่าวถึงมากที่สุดชื่อหนึ่งในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ไม่เฉพาะในมิติของการดำเนินธุรกิจ หากแต่ยังขยายไปสู่บริบทแวดล้อมอื่นๆ ที่ เธอคนนี้เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งบทบาทในฐานะผู้จัดการทีมฟุตบอลหญิงทีมชาติไทย ที่ประสบความสำเร็จได้ไปสำแดงฝีเท้าในสังเวียนฟุตบอลโลกหญิง ซึ่งถือเป็นการไปฟุตบอลโลกครั้งแรกของไทย โดยไม่ต้องรอถึงชาติหน้าชาติไหน อย่างที่ทีมฟุตบอลชายไทยกำลังพยายามลบคำปรามาสนี้ออกไป ความสำเร็จในการนำพาทีมฟุตบอลหญิงไทยไปแข่งขันรอบสุดท้ายในฟุตบอลโลกหญิง ทำให้มีหลายฝ่ายพยายามที่จะเรียกขาน นวลพรรณ ล่ำซำ ในฐานะที่เป็นนางฟ้าแห่งวงการฟุตบอลไทย ซึ่งอาจไม่ได้เกิดขึ้นเพียงเพราะผลงานในการแข่งขันฟุตบอลเท่านั้น แต่ด้วยรูปลักษณ์ภายนอกและชาติตระกูลถิ่นกำเนิดก็อาจมีส่วนให้คำเรียกขานนี้ ไม่ได้ดูเกินจริง และแน่นอนว่าคงให้ความรู้สึกที่เป็นไปในทางที่ดีกว่าฉายา สวยประหาร ที่นวลพรรณ ล่ำซำ เคยได้รับมาก่อนหน้านี้ นวลพรรณ ล่ำซำ เกิดเมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2509 เป็นบุตรีคนโตของโพธิพงษ์ ล่ำซำ กรรมการสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ กับ ยุพา ล่ำซำ เจ้าของธุรกิจเมืองไทยประกันชีวิต และเมืองไทยประกันภัย มีน้องสาวและน้องชายประกอบด้วย วรรณพร พรประภา กรรมการผู้จัดการ บริษัท พี แลนด์สเคป จำกัด และ สาระ ล่ำซำ ผู้บริหารบริษัทเมืองไทยประกันชีวิต ซึ่งทั้งหมดนับเป็นทายาทสายตระกูลล่ำซำ รุ่นที่

Read More

นวลพรรณ ล่ำซำ สร้างฐานใหม่ “เมืองไทยประกันภัย”

 หลังดีลประวัติศาสตร์ควบรวมกิจการ “เมืองไทยประกันภัย” กับ “ภัทรประกันภัย” เมื่อปี 2551 นวลพรรณ ล่ำซำ ใช้จุดแข็งจากฐานทางการเงิน ฐานการบริหาร ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ และช่องทางการตลาด เปิดเกมรุกช่วงชิงส่วนแบ่ง เปลี่ยนสถานะจากบริษัทรั้งท้ายไม่ติดอันดับ กระโดดสู่กลุ่มท็อปไฟว์ กวาดเบี้ยประกันภัยทะลุหลักหมื่นล้านบาท และล่าสุดแซงหน้าบริษัทคู่แข่งยึดอันดับ 4 ในตลาด ดันกำไรพุ่งสูงสุดติดต่อกัน 3 ปี  แน่นอนว่าชื่อนวลพรรณ ล่ำซำ ฉายา “มาดามแป้ง” “สวยประหาร” และ “นางฟ้าท่าเรือ” ด้านหนึ่งสร้างสีสันให้องค์กรธุรกิจ แต่สำคัญมากกว่านั้น นวลพรรณมักย้ำกับสื่อทุกครั้งว่า เติบโตและเรียนรู้ธุรกิจประกันวินาศภัยมาตลอดชีวิต ตั้งแต่รุ่นพ่อ คือ โพธิพงษ์ ล่ำซำ จนเข้ามาบริหารงานนานเกือบ 10 ปี และเชื่อมั่นว่า ประกันภัย คือปัจจัยที่ 5 ของมนุษย์ ซึ่งหมายถึงโอกาสการเติบโตทางธุรกิจอีกมากมาย แต่ต้องสร้าง “จุดต่าง” จากคู่แข่ง  โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์การประกันภัยหลากหลายรูปแบบตามสถานการณ์และไลฟ์สไตล์ของกลุ่มเป้าหมาย เพราะในอดีตผลิตภัณฑ์ในตลาดประกันวินาศภัยเหมือนถูกจำกัดไว้ไม่กี่ประเภท เช่น

Read More