วันอาทิตย์, พฤศจิกายน 24, 2024
Home > Cover Story > จาก “โบนันซ่า” ถึง “เซอเรโน่” แผนบุก “เมือง” ขยายอาณาจักร

จาก “โบนันซ่า” ถึง “เซอเรโน่” แผนบุก “เมือง” ขยายอาณาจักร

 

การเดินหน้าเปิดตัวทาวน์โฮม “เดอะ เซอเรโน่ แจ้งวัฒนะ” ของสงกรานต์ เตชะณรงค์ ทายาทเจ้าของธุรกิจ “โบนันซ่า เขาใหญ่” ไม่ใช่แค่การต่อยอดผลงานชิ้นแรกจากโครงการ “โมเมนโต้ เขาใหญ่” แต่ยังเป็นจุดเริ่มต้นแผนรุกตลาดอสังหาริมทรัพย์อย่างเต็มตัว เพื่อขยายอาณาจักรจาก “ป่า” สู่ “เมือง” และสร้างเครือข่ายผลักดันบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ โดยมีเป้าหมายใหญ่ปูพรมโครงการทั่วกรุงเทพฯ ทั้งบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ ทาวน์โฮม และคอนโดมิเนียม

ขณะเดียวกันยังเป็นการเปลี่ยนยุคของ “โบนันซ่า” เข้าสู่เจนเนอเรชั่นที่ 2 แบบฟูลทีมพี่น้อง 4 คน คือ สงกรานต์ ไพพรรณี พัทธมน และภูผา ส่วนไพวงษ์ เตชะณรงค์ ประกาศรีไทร์ตัวเองในทุกวงการ เพื่อไปสนุกกับธุรกิจส่วนตัว ตระเวนซื้อสัตว์หายาก สร้าง “The Exotic Zoo” เนื้อที่กว่า 150 ไร่ เพื่อเปิดสวนสัตว์ที่คุยว่าดีที่สุดในเขาใหญ่

ปัจจุบันพื้นที่กว่า 5,000 ไร่ของโบนันซ่า เขาใหญ่ ถือเป็นเมืองเมืองหนึ่ง ระบุชื่อ “หมู่บ้านโบนันซ่า” ในราชกิจจานุเบกษา มีกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และนายกองค์การบริหารส่วนตำบล หรือ อบต. ซึ่งในยุคของไพวงษ์ เมื่อ 20 ปีก่อน วางแนวพัฒนาที่ดินสไตล์ West Lake ที่เคยพบเห็นตั้งแต่ตอนเรียนศิลปะในสหรัฐอเมริกา บวกกับแรงบันดาลใจจากภาพยนตร์แนวคาวบอยเรื่องโปรด “Bonanza” สไตล์ American Country โดยถือเป็นสถานที่พักผ่อนของกลุ่มเศรษฐีคนรวยที่สร้างชื่อในประเทศไทย

แต่สำหรับเจนเนอเรชั่นที่ 2 ของโบนันซ่า มีความเปลี่ยนแปลงชัดเจน โดยเฉพาะการพัฒนาและต่อยอดเพิ่มมูลค่าที่ดินอย่างครบวงจร ไม่ใช่แค่การสร้างบ้านหรือรีสอร์ตและตัดขายที่ดิน

ระยะเวลา 6-7 ปี หลังจากหนีวงการบันเทิงเปลี่ยนชีวิตเสเพลไปเรียนที่ประเทศนิวซีแลนด์จนกระทั่งจบปริญญาตรีด้านการเงิน สงกรานต์กลับมานั่งแท่นตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มธุรกิจโบนันซ่า เขาใหญ่ ชนิดที่พ่อวัดใจเปิดทางมอบอำนาจตัดสินใจเต็มที่ โดยเริ่มต้นเข้ามาพัฒนาพื้นที่ที่ยังเหลืออีกพันกว่าไร่ นอกเหนือจากการปรับปรุงโรงแรม รีสอร์ต สร้างคอนโดมิเนียมติดสนามกอล์ฟ สร้างศูนย์เอ็นเตอร์เทนเมนต์ และศูนย์พักผ่อนครบวงจร ใส่กิจกรรมต่างๆ บนพื้นที่กว่า 10 ไร่ เพื่อเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ อย่างขับรถเอทีวี มอเตอร์ไซค์วิบาก ขี่ม้า  ขี่จักรยานเสือภูเขา ชื่นชมธรรมชาติ  กอล์ฟ  ปีนเขา โรยตัว สนามยิงธนู สนามยิงปืน มวยและแคนู

จนกระทั่งชิมลางลงทุนเกือบ 1,000 ล้านบาท เปิดโครงการบ้านเดี่ยว โมเมนโต้ เขาใหญ่ บาย เดอะ โบนันซ่า พื้นที่ 75 ไร่ แบ่งเป็น 2 เฟส โดยเฟสแรกเป็นบ้านเดี่ยว จำนวน 37 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 14.5-22 ล้านบาท ซึ่งล่าสุดมียอดขายแล้ว 90% และเตรียมเปิดเฟสสองในช่วงปลายปีนี้

ความสำเร็จของ “โมเมนโต้ เขาใหญ่” กลายเป็นจุดเริ่มต้นความคิดการบุกตลาดอสังหาริมทรัพย์ในกรุงเทพฯ และสร้างแบรนด์ใหม่ “เซอเรโน่” แต่ไม่ทิ้งจุดขายและจุดแข็งความเป็น “โบนันซ่า” โดยห้อยท้ายหลังแบรนด์เหมือนนามสกุลรับประกันคุณภาพ ซึ่งสงกรานต์กล่าวกับ “ผู้จัดการ 360  ํ” ว่า ไม่ว่าจะเป็นโมเมนโต้ บาย เดอะโบนันซ่า หรือโครงการล่าสุด เซอเรโน่ บาย โบนันซ่า จะเป็นรูปแบบแบรนด์ในการทำตลาดอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างการรับรู้กับกลุ่มเป้าหมาย และจะเปิดเซอเรโน่เป็นซีรีส์โครงการ เจาะทุกเซกเมนต์ ทุกตลาด ไม่ว่าจะเป็นบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ ทาวน์โฮม หรือคอนโดมิเนียม

ทั้งนี้แผนการบุกเมืองขยายอาณาจักรผ่านแบรนด์ “เซอเรโน่ บาย โบนันซ่า” เริ่มต้นปักหมุดตัวแรกในย่านแจ้งวัฒนะ ซอย15 จำนวน 8 ไร่ ซึ่งเดิมเป็นที่ดินในโครงการเบเวอร์ฮิลล์ จากทั้งหมด 130 ไร่

โครงการนี้ เดิมชื่อ “การ์เด้นซิตี้ ลากูน” แล้วเปลี่ยนชื่อเป็น “ชินณิชา วิลล์” ซึ่งเป็นโครงการของครอบครัววงศ์สวัสดิ์ และถูกเรียกขานว่าเป็นหมู่บ้านนักการเมือง โดยกลุ่มโบนันซ่าใช้เงินกว่า 100 ล้านบาทซื้อที่ดินแปลงดังกล่าว หรือตารางวาละ 30,000 บาท และลงทุนกว่า 500 ล้านบาท สร้างทาวน์โฮม 3 ชั้น และ 3 ชั้นครึ่ง พร้อมที่จอดรถ จำนวน 79 ยูนิต พื้นที่ใช้สอย 152 ตารางเมตร และ 166 ตารางเมตร ราคาเฉลี่ยยูนิตละ 6 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม หากเปรียบเทียบกับโครงการทาวน์เฮาส์ที่เปิดขายในทำเลกรุงเทพฯ ตอนเหนือ ล่าสุดมีจำนวนยูนิตเปิดขายรวมกว่า 5,000 ยูนิต ส่วนใหญ่เป็นระดับราคา 1 ล้านบาทถึงกว่า 5 ล้านบาท โดยในทำเลแจ้งวัฒนะมีจำนวนยูนิตเปิดขายประมาณ 500-600 ยูนิต ส่วนใหญ่อยู่ในระดับราคา 3-5 ล้านบาท ซึ่งกำลังซื้อเฉลี่ยในพื้นที่ดังกล่าวยังอยู่นระดับดี เนื่องจากอยู่ใจกลางเมือง ใกล้ศูนย์ราชการและมีการก่อสร้างเส้นทางใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง มีทั้งกลุ่มชุมชนดั้งเดิมและกลุ่มคนรุ่นใหม่

สงกรานต์กล่าวว่า โพสิชั่นของเซอเรโน่ บาย โบนันซ่า จะจับกลุ่มบีและบีบวก กลางถึงระดับบน ถือเป็นกลุ่มเป้าหมายหลัก ถ้าทำคอนโดมิเนียมก็จะจับกลุ่มเป้าหมายระดับนี้ จุดขายเน้นการดีไซน์ เพราะอสังหาริมทรัพย์ต่างจากอดีตมาก ต้องอาศัยจุดขายและกลยุทธ์การตลาดค่อนข้างมาก เราไม่เน้นทำโครงการมากมาย ต้องการมีเวลาลงรายละเอียดต่างๆ และดูแลลูกค้าอย่างเต็มที่

“การเข้ามารับงานต่อจากพ่อทั้งหมดเป็นความท้าทาย เครียดแน่ๆ เหมือนการตัดสินใจเข้ามาทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในกรุงเทพฯ ศึกษาข้อมูลนาน เพราะลงเงินเยอะ ถ้าพลาดจะจมนาน แต่โบนันซ่าอยากเข้ามาในกรุงเทพฯ มากขึ้น และอยากเปิดให้ได้ปีละ 1-2 โครงการ ตรงนี้ถือเป็นความท้าทายต่างจากที่เขาใหญ่ที่คุ้นเคยและรู้จักพื้นที่ทั้งหมด แต่ถ้าเราบุกกรุงเทพฯ ได้และสำเร็จจะทำให้โบนันซ่าโตขึ้นมาอีกขั้นหนึ่ง นี่คือเป้าหมายหลักของผม” สงกรานต์กล่าว

ส่วนการลงทุนต่อเนื่องโครงการที่โบนันซ่า เขาใหญ่ นั้น ตามแผนจะเปิดอีก 2 โครงการ ทั้งบ้านเดี่ยวในโครงการโมเมนโต้เฟส 2 และโครงการคอนโดมิเนียม รวมมูลค่าอีกกว่า 1,000 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีการพัฒนาพื้นที่ เพื่อสร้างความครบวงจร สร้างจุดต่างจากกลุ่มบ้านพักรีสอร์ตที่ผุดขึ้นเป็นจำนวนมากในพื้นที่เขาใหญ่ โดยเฉพาะตลาดอสังหาริมทรัพย์ในหัวเมืองใหญ่หรือเมืองท่องเที่ยวเริ่มหันมาบูมตลาดคอนโดมิเนียมมากขึ้นตามพฤติกรรมของคนรุ่นใหม่

จากข้อมูลของบริษัท เน็กซัส พรอพเพอร์ตี้ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด พบว่า คอนโดมิเนียมบนเขาใหญ่ในช่วงไตรมาส 1 ของปี 2556 มีศักยภาพสูงและราคาพุ่งแบบก้าวกระโดด โดยเฉพาะในพื้นที่หลัก 5 จุด คือ 1. ถนนธนะรัชต์ กม. 17-23 ซึ่งเป็นบริเวณพื้นที่ที่มีราคาที่ดินสูงที่สุด เนื่องจากอยู่ใกล้กับทางเข้าของอุทยานแห่งชาติฯ และใกล้สี่แยกที่สามารถเดินทางเชื่อมต่อไปยังถนนเส้นอื่นๆ ได้

2. ถนนกุดเคล้า-ผ่านศึก ซึ่งเป็นเส้นทางลัดจากกรุงเทพฯ มายังอุทยานแห่งชาติฯ และมีร้านค้าตั้งเรียงรายตลอดเส้นทาง

3. ถนนเชื่อมต่อไปยังวังน้ำเขียว ซึ่งทิวทัศน์สวยงาม มีทิวเขาสลับไปมา ล่าสุดมีโครงการที่อยู่อาศัยระดับหรูตั้งอยู่ เช่น คิริมายา ทอสคาน่า

4. ฝั่งตะวันตกของถนนธนะรัชต์ ซึ่งขณะนี้กลายเป็นถนนเส้นที่มีโครงการบ้านเดี่ยวจำนวนมาก เน้นความเป็นส่วนตัวและสามารถเชื่อมต่อไปยังถนนหลัก 3 สาย ได้แก่ ถนนมิตรภาพ ถนนธนะรัชต์ และถนนกุดเคล้า-ผ่านศึก  และ 5. ฝั่งตะวันออกของถนนธนะรัชต์  ซึ่งถือเป็นย่านที่มีคนพื้นที่อยู่อาศัยจำนวนมาก เพราะเป็นที่ราบเลียบคลอง และโครงการที่รู้จักกันเป็นอย่างดีก็คือ โครงการโบนันซ่า

ทั้งการรุกเข้ามาของคู่แข่งจำนวนมากและคู่แข่งรายใหญ่ทำให้กลุ่มโบนันซ่าต้องปรับตัว ในฐานะผู้บุกเบิกธุรกิจรีสอร์ตและท่องเที่ยว โดยเฉพาะการพัฒนาที่ดินที่เหลืออยู่อีกมากมายมาสร้างจุดขายใหม่ๆ เพราะถือเป็นข้อได้เปรียบในแง่ไม่ต้องลงทุนซื้อที่ดินราคาแพง

เมื่อเร็วๆนี้ ทายาทธุรกิจอีกคน คือ พัทธมน เตชะณรงค์ เพิ่งประกาศจับมือกับกลุ่มเรนโบว์ อโรคยา ผู้พัฒนาศูนย์บริการสุขภาพแบบองค์รวมภายใต้ชื่อ “เรนโบว์ อโรคยา ฮอลิสติก ลองอีวิตี้ เซ็นเตอร์ แอนด์ เฮลต์ รีสอร์ต” ลงทุนเปิดศูนย์บริการสุขภาพแบบองค์รวม ภายในโครงการโบนันซ่า เขาใหญ่ ติดกับสนามกอล์ฟ โดยใช้โมเดลการบริการสุขภาพ “เรนโบว์ อโรคยา” ที่เน้นแนวป้องกันและถนอมสุขภาพร่างกายก่อนเกิดโรค ให้อวัยวะและระบบในร่างกายมีความสมดุล ทำงานได้ปกติตามระบบธรรมชาติ

เช่น การล้างพิษด้วยสินแร่ธรรมชาติจากหินภูเขาไฟจากประเทศญี่ปุ่น การนวดผ่อนคลายแบบกายภาพบำบัดประยุกต์ บำบัดอาการปวดกล้ามเนื้อเรื้อรัง เพื่อสร้างจุดขายใหม่ให้โบนันซ่ากลายเป็นรีสอร์ตสุขภาพแบบองค์รวม และต้องการผลักดันให้เป็นศูนย์ดูแลและเตรียมพร้อมสุขภาพแบบองค์รวมที่ดีที่สุดในโลกด้วย

ส่วนภูผา เตชะณรงค์ ล่าสุดอยู่ระหว่างวางแผนเปิดบริษัท นิวอิงแลนด์ จำกัด เพื่อพัฒนาโครงการทาวน์โฮม สไตล์วินเทจ ในที่ดินของโบนันซ่า เขาใหญ่ ประมาณ 2 ไร่ จำนวน 45 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 3 ล้านบาทต่อยูนิต ซึ่งถือเป็นธุรกิจชิ้นแรกหลังจบปริญญาตรี คณะมนุษยศาสตร์ สาขาการโรงแรมและการท่องเที่ยว มหาวิทยาลัยกรุงเทพอินเตอร์

ยุคใหม่ของอาณาจักรธุรกิจโบนันซ่าจะก้าวย่างและขยายใหญ่โตจนประสบความสำเร็จ ถือเป็นงานท้าทายเหมือนที่ “ไพวงษ์” มักพูดกับลูกๆ ทุกคนเสมอว่า พ่อถือเป็นผู้บุกเบิก หาหินสีขาว สีเขียว สีแดง หลังจากนี้ขึ้นอยู่กับคนรุ่นใหม่ที่จะเจียระไนหินเหล่านี้เป็น “เพชร” ให้ได้