Column: Well – Being
นิตยสาร GoodHealth รายงานว่า ชาวออสเตรเลียดื่มกาแฟกันมากถึง 16.3 ล้านถ้วยต่อวัน ทำให้มีการวิจัยเกี่ยวกับการดื่มกาแฟ ว่ามีผลต่อการหายใจ กล้ามเนื้อ สมอง และนาฬิกาชีวิตของเราอย่างไรบ้าง ผลที่ได้ไม่เป็นด้านลบเสียทั้งหมด ดังที่ แคลร์ คอลลินส์ ศาสตราจารย์ด้านโภชนาการและการกำหนดอาหารแห่งมหาวิทยาลัยนิวคาสเซิล กล่าวว่า “ไม่ยุติธรรมเลยที่จะปรักปรำว่าดื่มกาแฟแล้วมีแต่โทษ มีเหตุผลมากมายที่สนับสนุนให้ดื่มกาเฟอีนในชีวิตประจำวันต่อไป” เพราะ
กาแฟเป็นคุณต่อ …
กล้ามเนื้อ
ในกาแฟมีกรดคาเฟอิคที่ช่วยให้กล้ามเนื้อใช้น้ำตาลกลูโคสในกระแสเลือด และมีกรดคลอโรจีนิคที่ช่วยให้ร่างกายไวต่อฮอร์โมนอินซูลิน จึงถือเป็นข่าวดีของผู้เป็นโรคเบาหวานประเภทที่ 2 ดังที่ศาสตราจารย์คอลลินส์อธิบายว่า “กรดคาเฟอิคทำให้กล้ามเนื้อเป็นเสมือนฟองน้ำที่มีประสิทธิภาพ สามารถดูดซึมน้ำตาลกลูโคสในเลือดได้ดีขึ้น”
ผู้ที่ดื่มกาแฟทั้งที่มีและไม่มีกาเฟอีนวันละ 3 ถ้วยหรือมากกว่า จึงมีความเสี่ยงต่อเบาหวานประเภทที่ 2 ลดลงร้อยละ 21 นอกจากนี้ กาแฟยังได้ชื่อว่าเป็นเครื่องดื่มที่ให้พลังงานต่ำ ถ้าดื่มในรูปของกาแฟที่ไม่เติมนมและน้ำตาล หรือเติมเฉพาะนมพร่องมันเนย ซึ่งไม่จัดว่ามีอันตรายแต่อย่างใด
ตับ
ตับมีหน้าที่ทำลายสารเคมีในร่างกาย และกาแฟช่วยให้ตับทำงานได้ดีขึ้น เพราะในกาเฟอีนมีสารประกอบ kahweol และ cafestol ที่มีคุณสมบัติต้านภาวะอักเสบ และช่วยทำลายสารพิษ
ศาสตราจารย์คอลลินส์เพิ่มเติมว่า “กาแฟช่วยเสริมให้ร่างกายจัดการกับสารก่อมะเร็งได้ดีขึ้น และกระตุ้นให้ตับขับสารพิษออกจากร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น”
ผลการวิจัยสหรัฐฯ ยังพบว่า ผู้ที่ดื่มกาแฟทุกวัน มีแนวโน้มลดความเสี่ยงการเกิดภาวะตับแข็งที่ทำลายเนื้อเยื่อตับได้ถึงร้อยละ 22
ถุงน้ำดี
ถ้าคุณมีน้ำหนักตัวลดลงอย่างรวดเร็ว ให้ดื่มกาแฟเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่เกิดขึ้นกับถุงน้ำดี ศาสตราจารย์คอลลินส์อธิบายว่า “เมื่อลดน้ำหนักตัว หมายถึงคุณลดไขมันในอาหารด้วย จึงต้องการน้ำดีในปริมาณลดลง เพราะน้ำดีที่ผลิตจากตับและเก็บไว้ในถุงน้ำดี มีหน้าที่ย่อยไขมันนั่นเอง เมื่อเกิดภาวะดังกล่าว จึงมีความเสี่ยงที่เกลือน้ำดี (bile salts) จะทำงานเฉื่อยชาลง ซึ่งก่อให้เกิดภาวะอักเสบขึ้นได้ และทำให้ก้อนนิ่วในถุงน้ำดีมีขนาดใหญ่ขึ้น เครื่องดื่มกาเฟอีนมีผลทำให้ถุงน้ำดีหดตัวและมีขนาดเล็ก รวมทั้งหยุดยั้งภาวะเฉื่อยชาของเกลือน้ำดี”
ผู้ชายที่ดื่มกาแฟวันละ 2–3 ถ้วย จึงลดวามเสี่ยงจากโรคนิ่วในถุงน้ำดีได้ถึงร้อยละ 45 ขณะที่ผู้หญิงมีความเสี่ยงลดลงร้อยละ 40
สมอง
สถาบันเพื่อข้อมูลทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับกาแฟระบุว่า การดื่มกาแฟวันละ 3–5 ถ้วย อาจช่วยลดความเสี่ยงจากโรคอัลไซเมอร์ได้ราวร้อยละ 20 เพราะสารกาเฟอีนช่วยลดการสะสมของคราบหินปูน (plaque) ที่เป็นตัวทำลายเนื้อสมอง และนำไปสู่ภาวะสมองเสื่อม
นอกจากนี้ กรดโพลีฟีนอล เฟรูลิคในกาแฟยังช่วยลดภาวะอักเสบในสมองด้วย
หลอดเลือดแดง
ดื่มกาแฟวันละ 3–5 ถ้วย อาจช่วยลดความเสี่ยงจากโรคหลอดเลือดแดงอุดตัน ที่เป็นสาเหตุของโรคหัวใจวายหรือโรคหลอดเลือดสมองได้
ผลการศึกษาระบุว่า ประชากรทุก 1 ใน 7 คน มีปัญหาแคลเซียมเกาะที่ผนังหลอดเลือดแดง แต่แคลเซียมสะสมในปริมาณสูงสุดได้ในผู้ที่ดื่มกาแฟวันละไม่ถึงหนึ่งถ้วย หรือวันละมากกว่า 5 ถ้วย
กาแฟเป็นโทษต่อ …
หัวใจ
กาแฟต้ม (เช่น กรีก หรือตุรกี) และกาแฟประเภท plunger coffee มีน้ำมันที่ทำให้ระดับโคเลสเตอรอลหรือไขมันในเลือดสูงขึ้นมากกว่ากาแฟชนิดอื่นๆ มูลนิธิหัวใจจึงแนะนำให้หลีกเลี่ยงการดื่มกาแฟชนิดนี้ หรือให้จำกัดปริมาณที่ดื่ม
เมธ โทมัส ที่ปรึกษาด้านนโยบายอาหารแห่งชาติประจำมูลนิธิหัวใจ กล่าวว่า “น้ำมันดังกล่าวสามารถกำจัดออกไปได้ด้วยกระดาษกรอง ดังนั้น กาแฟผงสำเร็จรูป หรือกาแฟที่กรองผ่านกระดาษกรอง หรือกาแฟที่ต้มด้วยเครื่องต้มกาแฟเอสเพรสโซ จึงเหมาะกับการดื่มมากกว่า”
นอกจากนี้ ปริมาณกาเฟอีนที่เข้มข้นยังส่งผลให้ความดันโลหิตสูงขึ้นในระยะสั้น ดังนั้น ถ้าคุณเป็นโรคความดันโลหิตสูง ให้ปรึกษาแพทย์ว่าควรดื่มกาแฟในปริมาณเท่าไร มูลนิธิหัวใจแนะนำให้จำกัดการดื่มกาแฟผงสำเร็จรูป กาแฟในร้านคาเฟ่ หรือกาแฟประเภท percolated coffee ให้น้อยกว่า 5 ถ้วยต่อวัน
ฟัน
กาแฟโดยเฉพาะกาแฟดำ สามารถเกาะบนผิวฟันได้ทั้งด้านในและด้านนอก ดร.ปีเตอร์ ออลดริตต์ จากสมาคมทันตกรรมออสเตรเลียอธิบายว่า “สำหรับคราบที่เกาะบนผิวฟันตามปกติ สามารถกำจัดได้ด้วยการขัดฟัน แต่คราบที่เกาะแน่นจนทำให้ฟันมีสีเหลืองจากด้านใน ถือเป็นสิ่งเลวร้ายสำหรับคอกาแฟเป็นอย่างยิ่ง จำเป็นต้องได้รับการฟอกสีฟันจากทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ”
แนะนำให้ลดคราบกาแฟให้เหลือน้อยที่สุด ด้วยการดื่มน้ำเปล่าหนึ่งแก้วทันทีที่ดื่มกาแฟเสร็จ หรือเคี้ยวหมากฝรั่งปราศจากน้ำตาล เพื่อเพิ่มน้ำลายในช่องปากให้ช่วยชะคราบกาแฟออกจากผิวเคลือบฟัน
ลมหายใจ
ดร.ออลดริตต์กล่าวว่า “เมื่อดื่มกาแฟ ภายในช่องปากของคุณจะแห้งกว่าปกติเพราะภาวะขาดน้ำ ภาวะดังกล่าวทำให้แบคทีเรียและเศษอาหารตกค้าง ลมหายใจจึงมีกลิ่นน่ารังเกียจ” จึงควรดื่มน้ำเปล่าทันทีหลังจากดื่มกาแฟ เพื่อชะล้างแบคทีเรียและเศษอาหาร
นาฬิกาชีวิต
ก่อนเข้านอน 3 ชั่วโมง ไม่ควรดื่มเอสเพรสโซสองถ้วยหรือกาแฟที่แก่มาก เพราะมีผลทำให้นาฬิกาชีวิตของคุณเดินถอยหลังไปราวหนึ่งชั่วโมง ดร.จอห์น โอนีล จาก MRC Laboratory of Molecular Biology แห่งสหราชอาณาจักร อธิบายว่า สาเหตุเพราะสารกาเฟอีนเข้าไปยับยั้งการเพิ่มปริมาณฮอร์โมนเมลาโทนินที่ทำให้เรารู้สึกง่วงนอน “นาฬิกาชีวิตของคุณจึงคิดว่า เวลาเดินถอยหลังไปอีกหนึ่งชั่วโมง”
ควรดื่มกาแฟเท่าไร
ในแต่ละวัน ควรดื่มกาแฟโดยจำกัดปริมาณกาเฟอีนอย่าให้เกิน 400 มิลลิกรัม
กาเฟอีนต่อถ้วยในกาแฟแต่ละชนิด
กาแฟผงสำเร็จรูป 60– 100 มิลลิกรัม
เอสเพรสโซ/ช็อตแบลค 107 มิลลิกรัม
ลาเต้หรือคาปูชิโน 113–282 มิลลิกรัม
กาแฟกรีก/ตุรกี 60–80 มิลลิกรัม
กาแฟเย็น 30–200 มิลลิกรัมต่อแก้ว 500 มิลลิลิตรหรือต่อ 2 ถ้วย
กาแฟ percolated หรือ plunger 100–150 มิลลิกรัม
กาแฟไม่มีกาเฟอีน 3 มิลลิกรัม