ชื่อหนังสือ : 360 Degrees of Influence
ผู้แต่ง : Harrison Monarth
สำนักพิมพ์ : McGraw-Hill
จำนวนหน้า : 282
ราคา : 25.00 ดอลลาร์สหรัฐ
ความเป็นผู้นำไม่จำเป็นต้องมีเฉพาะในคนที่อยู่ตำแหน่ง สูงเท่านั้น ผู้นำที่ดีคือผู้นำที่นั่งอยู่ในใจคน ทั้งคนที่อยู่ใต้เขาและเหนือกว่าเขา ไม่ใช่นั่งอยู่บนหัวคนและยังรวมไปถึงการสามารถผูกใจคนที่อยู่ภายนอกองค์กร อย่างเช่นลูกค้าและหุ้นส่วนได้ด้วย ความสามารถในการผูกใจคนแบบรอบด้าน 360 ํ คือคุณสมบัติที่ทำให้ผู้นำที่ยิ่งใหญ่โดดเด่นขึ้นมาเหนือผู้นำธรรมดาๆ
Harrison Monarth โค้ชฝึกผู้บริหารระดับโลกเคยฝึกผู้นำ ทั้งในธุรกิจและการเมืองมาแล้วนับไม่ถ้วน สอนผู้นำให้นั่งอยู่ในใจคนด้วยการสร้างอำนาจอิทธิพลเหนือจิตใจคน ทำให้คนอื่นๆ ทำตามความต้องการของผู้นำ โดยไม่จำเป็นต้องใช้การควบคุมหรือบงการ แต่การจะทำเช่นนั้นได้ ผู้นำต้องได้รับความไว้วางใจ และการยอมรับนับถือจากคนที่อยู่รอบตัว
สัญชาตญาณที่ติดตัวมาแต่กำเนิด
เชื่อหรือไม่ว่า ในวันหนึ่งๆ เราอาจต้องเจอเรื่องที่เกี่ยวข้อง กับการพยายามมีอำนาจอิทธิพลเหนือจิตใจคน ทั้งเรื่องเล็กเรื่องใหญ่นับหมื่นนับแสนเรื่อง ธนาคารในนิวซีแลนด์ที่สามารถทำให้ลูกค้าฝากเงินได้ด้วยการกดปุ่มเพียงปุ่มเดียวบนเครื่อง iPhone แท็กซี่ในนิวยอร์กที่มีจอระบบสัมผัสติดอยู่ด้านหลังของพนักเบาะหน้า แนะนำเรื่องการทิปเงินให้แก่โชเฟอร์แท็กซี่ พร้อมกับคำนวณเงินค่าทิปที่เหมาะสมมาให้เสร็จสรรพ และมีหลายตัวเลือก ให้ผู้โดยสารเลือกอย่างยุติธรรมด้วย สร้างความพอใจให้แก่ทั้งผู้โดยสารและคนขับแท็กซี่
สรุปแล้ว สิ่งใดที่ชี้นำหรือคอยดุนหลังเราให้ทำอย่างนั้นอย่างนี้ตามความต้องการของคนอื่น ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องของการพยายามมีอำนาจอิทธิพลเหนือจิตใจคนทั้งสิ้น และแม้เราจะรู้สึกว่าเรามาเข้าใจเรื่องนี้ชัดเจน หลังจากที่เราอายุมากขึ้น แต่ความจริงแล้วมนุษย์เราใช้อำนาจและอิทธิพลเหนือจิตใจคนอื่นมาตั้งแต่เรายังเป็นทารกเลยทีเดียว และมันคือสัญชาตญาณที่ติดตัวเรามาตั้งแต่เกิด
เราเกิดมาพร้อมอำนาจและอิทธิพล
เด็กทารกที่เพิ่งถือกำเนิดขึ้นมาลืมตาดูโลก ไม่สามารถพูดบอกความต้องการของตัวเองได้ แต่เขาก็มีวิธีที่จะสื่อสารให้คนอื่นรับรู้ความต้องการของพวกเขาด้วยการอ้าปากน้อยๆ ตะเบ็งเสียงร้องไห้ดังสนั่น เพื่อประกาศให้โลกรู้ว่า เขาหิวหรือต้องการอะไรบางอย่างแล้วในที่สุดเขาก็ได้รับในสิ่งที่ต้องการ แม้แต่เด็กทารก ตัวน้อยที่ยังไม่รู้ประสีประสาก็ยังรู้จักที่จะแสดงอำนาจอิทธิพลเหนือ จิตใจคนอื่น ดังนั้น เรื่องนี้จึงเป็นสัญชาตญาณธรรมชาติที่ติดตัวมนุษย์เรามาตั้งแต่เกิด เพื่อทำให้เราได้รับในสิ่งที่เราต้องการนั่นเอง
การได้ลิ้มลองรสชาติของการมีอำนาจเหนือจิตใจคนเป็นครั้งแรกตั้งแต่ยังเป็นทารกนี้ เป็นจุดเริ่มต้นของกระบวนการพัฒนา และทำความเข้าใจกับอำนาจที่ติดตัวเรามาตั้งแต่เกิดดังกล่าว มันอยู่ข้างในตัวเราตลอดมาและจะคงอยู่ตลอดไป ในฐานะของอำนาจ ที่เราต้องเผชิญกับมันและต้องรู้จักจัดการมัน แต่เราจะเป็นฝ่ายใช้อำนาจอิทธิพลนั้น เพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่เราต้องการ หรือเราจะตกเป็นฝ่ายที่ต้องยอมจำนน และตกอยู่ใต้อิทธิพลของคนอื่น ต้องทำตามความต้องการของคนอื่นตลอดเวลา โดยไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ไม่ใช่เป็นเรื่องของโชคชะตา หากแต่เป็นเรื่องของการเรียนรู้ และบางคนก็สามารถเรียนรู้ได้ แต่บางคนก็ไม่สามารถ
เคล็ดลับเอาชนะการต่อต้าน
คำถามคือ เราจะมีอำนาจอิทธิพลเหนือจิตใจคนที่อยู่รอบๆ ตัวเรา ทุกคนต่างก็คิดว่าตัวเองรู้ทุกอย่างแล้วได้อย่างไร Ken Broda-Bahm เขียนเกี่ยวกับอิทธิพลของคำให้การของนักวิทยาศาสตร์ที่มีต่อคณะลูกขุน โดยชี้ให้เห็นว่าลำพังเพียงข้อเท็จจริงยังไม่เพียงพอ ที่จะเอาชนะลูกขุนช่างสงสัยบางคนได้ เพราะนักวิทยาศาสตร์มักชอบเสนอความรู้ใหม่ๆ แต่มนุษย์มักระแวงการค้นพบใหม่ๆ ดังนั้น แทนที่จะเสนอหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่ค้านกับความเชื่อในปัจจุบัน ก็ควรจะเสนอหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่ “เสริม” ความเชื่อปัจจุบัน แล้วจะพบว่าแรงต้านลดลง
ส่วนในที่ทำงาน มีคนที่ปกป้องตนเองและทนไม่ได้ที่จะยอม รับว่าคนอื่นมีความรู้มากกว่าอยู่นับไม่ถ้วน การจะมีอิทธิพลเหนือจิตใจคนเหล่านี้ต้องใช้วิธีละมุนละม่อม แทนที่จะทำลายความรู้ที่พวกเขามีลงไป ก็ควรเสริมความรู้ใหม่ลงไปบนความรู้เดิมของพวกเขา เพราะเป็นเรื่องง่ายกว่ามากที่จะเกลี้ยกล่อมให้คนเดินข้ามสะพาน แทนที่จะบอกให้พวกเขากระโดดข้ามให้ความรู้ใหม่ก่อนที่จะชักจูงพวกเขาให้ยอมรับการเปลี่ยนแปลง พยายามเชื่อมโยงความรู้ใหม่กับสิ่งที่พวกเขารู้แล้ว และชี้ให้เห็นว่าสามารถเรียนรู้เพิ่มเติมได้อีก ทำให้ความรู้ใหม่ของคุณเป็นสิ่งที่ต่อยอดขึ้นไปจากความรู้เดิมของพวกเขา สุดท้ายแล้ว หากคุณต้องการจะชักจูงใครให้ทำตามคุณ ต้องแน่ใจก่อนว่าคุณเองมีความรู้พอที่จะนำเขาได้จริงๆ
เสียงต่อต้านที่ผู้นำจะต้องเผชิญแบ่งได้ 3 กลุ่ม และวิธีเอา ชนะการต่อต้านนั้น
– “ไม่เห็นจะเกี่ยวกับอะไรเลย” วิธีเอาชนะคือ เชื่อมโยงข้อเสนอใหม่ของคุณกับเป้าหมายขององค์กร และชี้ให้เห็นว่าข้อเสนอ ของคุณสามารถจะแก้ปัญหาที่มีอยู่ และปรับปรุงสถานการณ์ที่เป็นอยู่ได้อย่างไร
– “เคยทำแล้ว ไม่ได้ผลหรอก” ขอให้พวกเขาอธิบายวิธีที่เคยทำมา และเหตุใดจึงใช้ไม่ได้ผล จากนั้นจึงอธิบายข้อเสนอของคุณว่า แตกต่างจากวิธีการที่เคยทำอย่างไร โดยเคารพประสบการณ์ ของพวกเขา และเชิญชวนให้ซักถามข้อสงสัยเกี่ยวกับข้อเสนอใหม่ของคุณได้อย่างเต็มที่
– “ปีหน้าก็เปลี่ยนอีก” เชื่อมโยงข้อเสนอของคุณกับการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมที่ชัดเจน และชี้ให้เห็นถึงผลดีที่จะเกิดขึ้นได้จริงๆ หากมีการเปลี่ยนแปลง
การมีอิทธิพลเหนือเจ้านาย
การเอาใจเจ้านายไม่ใช่เรื่องใหม่ของศาสตร์แห่งความก้าวหน้า ในหน้าที่การงาน แต่ในเมื่อทุกคนล้วนมีเป้าหมายเดียวกัน จึงควรทำความเข้าใจเรื่องการสร้างความพอใจให้แก่คนที่มีตำแหน่งสูงกว่า คุณให้ดี เพราะมีผลต่อความสำเร็จในการทำงานของคุณอย่างแน่นอน
การแสดงความสนใจอย่างแท้จริงในสิ่งที่เจ้านายทำ โดยเฉพาะสิ่งที่เจ้านายทำเพื่อฟาดฟันกับศัตรูคู่แข่งในทางธุรกิจ เพื่อช่วงชิงส่วนแบ่งการตลาด คือสิ่งที่จะทำให้เจ้านาย “มองเห็น” คุณ แต่การให้ในสิ่งที่เจ้านายต้องการนั้นยังไม่เพียงพอ ความสำเร็จจะมาจากการที่คุณ “ต้องการ” ที่จะทำในสิ่งที่เจ้านายต้องการจริงๆ ด้วยความต้องการที่มาจากตัวคุณเอง กล่าวคือ คุณควรจัดแถวความ ต้องการของคุณใหม่ เพื่อให้ตรงกับความต้องการของเจ้านาย เพื่อทำให้สิ่งที่คุณต้องการทำนั้น เป็นสิ่งเดียวกับที่เจ้านายต้องการให้คุณทำอย่างแท้จริง