วันศุกร์, พฤศจิกายน 22, 2024
Home > New&Trend > ลอรีอัล ต่อยอด “โครงการจัดจ้างผู้ขาดโอกาสทางสังคม” กระจายโอกาสสู่ SME มุ่งช่วยสร้างงานและรายได้

ลอรีอัล ต่อยอด “โครงการจัดจ้างผู้ขาดโอกาสทางสังคม” กระจายโอกาสสู่ SME มุ่งช่วยสร้างงานและรายได้

ลอรีอัล ประเทศไทย ต่อยอด “โครงการจัดจ้างผู้ขาดโอกาสทางสังคม” กระจายโอกาสสู่ SME มุ่งช่วยสร้างงานและรายได้เพื่อส่งเสริมการเติบโตของชุมชนอย่างยั่งยืน

บริษัท ลอรีอัล (ประเทศไทย) จำกัด จับมือพันธมิตร เดินหน้าพัฒนาต่อยอดโครงการจัดจ้างผู้ขาดโอกาสทางสังคม (Solidarity Sourcing Program) มอบโอกาสที่เท่าเทียมทางอาชีพให้แก่ผู้ขาดโอกาสทางสังคม มุ่งเน้นการกระจายโอกาสในการทำงานสู่วิสาหกิจขนาดกลางและย่อม และการสร้างอาชีพและรายได้ที่มั่นคงให้กับกลุ่มผู้พิการและผู้สูงอายุเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับชุมชน พร้อมมอบรางวัลยกย่องพันธมิตร ที่ร่วมกันดำเนินโครงการอย่างเต็มกำลัง จ้างงานผู้ขาดโอกาสรวม 173 คน และมุ่งขยายโครงการไปยังพันธมิตรทางธุรกิจให้มากขึ้น เพื่อช่วยสร้างอาชีพและรายได้ให้แก่ผู้ขาดโอกาสเพิ่มขึ้นในประเทศไทย

ในปัจจุบัน วิสาหกิจขนาดกลางและย่อม (SME) ถือเป็นฟันเฟืองหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ จากการรายงานของสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและย่อม (สสว.) ในปี 2564 มูลค่าของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ของ SME คิดเป็น 34.6% ของ GDP ทั้งหมด โดยธุรกิจประเภท SME ยังคิดเป็นถึง 95% ของธุรกิจทั้งหมด และทำให้เกิดการจ้างงานกว่า 50% นอกจากนั้น SME ยังเป็นกลไกหลักของภาครัฐในการผลักดันนโยบายส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุและผู้พิการผ่านมาตรการการจ้างงาน อย่างไรก็ตาม กลุ่ม SME ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงในช่วงการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ที่ส่งผลกระทบต่อการจ้างงานทั้งในภาคแรงงานปกติและกลุ่มผู้ขาดโอกาสทางสังคม บริษัท ลอรีอัล (ประเทศไทย) จำกัด เล็งเห็นถึงบทบาทสำคัญของ SME ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศและคุณภาพชีวิตของผู้สูงวัยและผู้พิการ จึงได้ร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจเพื่อมอบโอกาสที่เท่าเทียมทางอาชีพให้แก่ผู้ขาดโอกาสทางสังคม ผ่านการกระจายโอกาสในการทำงานสู่วิสาหกิจขนาดกลางและย่อม ในโครงการจัดจ้างผู้ขาดโอกาสทางสังคม (Solidarity Sourcing Program) ซึ่งถือเป็นหนึ่งโครงการสำคัญที่ลอรีอัล ทั่วโลกดำเนินการร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจ เพื่อสนับสนุนการว่าจ้างกลุ่มผู้ขาดโอกาส โดยที่ผ่านมา ลอรีอัล กรุ๊ป ได้มีการตั้งเป้าปี 2013 – 2020 ในการช่วยผู้ขาดโอกาส 100,000 คนทั่วโลก ให้เข้าถึงการจ้างงาน และภายใต้วิสัยทัศน์ความยั่งยืนใหม่ “L’Oreal For The Future” ที่มุ่งเร่งเปลี่ยนแปลงการดำเนินงานให้คำนึงถึงขีดจำกัดความปลอดภัยของโลก และร่วมแก้ไขปัญหาด้านสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างเร่งด่วน ลอรีอัลได้ตั้งเป้าในการช่วยผู้ขาดโอกาสทั่วโลกเพิ่มขึ้นอีก 100,000 คนภายในปี 2030

นายแพทริค จีโร กรรมการผู้จัดการ ลอรีอัล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “การแบ่งปันการเติบโตเป็นสิ่งที่ลอรีอัลให้ความสำคัญมาโดยตลอด เรามุ่งมั่นสร้างผลกระทบเชิงบวกที่ยั่งยืนให้กับชุมชนที่เราร่วมงานด้วยผ่านหลายๆ โครงการ ในประเทศไทยเราเริ่มดำเนินโครงการจัดจ้างผู้ขาดโอกาสทางสังคมตั้งแต่ปี 2015 และถือเป็นโครงการที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก จากจุดเริ่มต้นที่มีผู้ที่ได้รับประโยชน์จาก 11 คนในปีแรก มาเป็น 173 คนในปี 2021 หรือเพิ่มขึ้นถึง 1,500% ในระยะเวลา 8 ปี ทำให้เรามั่นใจว่า เราจะสามารถบรรลุเป้าหมายในการช่วยเหลือให้ผู้ขาดโอกาสทางสังคมสามารถเข้าถึงการจ้างงานได้เป็นจำนวน 300 คนในปี 2030”

นางสาวอรอนงค์ ประทักษ์พิริยะ ผู้อำนวยการฝ่ายกิจการสื่อสารองค์กรและสื่อสารสัมพันธ์ บริษัท ลอรีอัล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวเพิ่มเติมว่า “จากเป้าของลอรีอัล กรุ๊ปในการช่วยผู้ขาดโอกาสทั่วโลกเพิ่มขึ้นอีก 100,000 คนภายในปี 2030 ในปี 2021 ซึ่งเป็นปีแรกของเป้าหมายใหม่นี้ มีผู้ขาดโอกาสทางสังคมที่ได้รับประโยชน์จากโครงการของลอรีอัลแล้วราว 14,000 คนทั่วโลก โดยที่ผ่านมาลอรีอัลได้มุ่งเน้นไปที่การให้ความช่วยเหลือหลายหลายกลุ่ม อาทิ ผู้พิการ ผู้สูงอายุ และสตรีกลุ่มเปราะบาง อย่างไรก็ตาม สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อกลุ่มวิสาหกิจขนาดกลางและย่อมหรือ SME เป็นอย่างมาก โดยพวกเขามีบทบาทในการเป็นเสาหลักทางเศรษฐกิจของชุมชน ลอรีอัลจึงต้องการส่งเสริมโอกาสการทำงานให้กับ SME เพิ่มมากยิ่งขึ้น ไปพร้อมๆ กับการทำงานร่วมกันพันธมิตรรายหลักในการเพิ่มจำนวนโอกาสการจ้างงานผู้พิการ ผู้สูงอายุ และสตรีกลุ่มเปราะบาง ตามเป้าหมายพันธกิจเพื่อความยั่งยืนของเรา”

นายชัย บุญการจนรัตน์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัทโชคชัย ครีเอชั่นพริ้นติ้งกรุ๊ป จำกัด หนึ่งในบริษัทที่เข้าร่วมโครงการจัดจ้างผู้ขาดโอกาสทางสังคมในหมวด SME กล่าวว่า “โอกาสที่ลอรีอัลมอบให้กับ SME อย่างบริษัทของเราในการทำงานให้ ทำให้ทุกอย่างขับเคลื่อนไปได้ ถ่ายเทรายได้ต่างๆ ไปที่คนในชุมชนหรือว่าคนที่อยู่ในละแวกใกล้เคียง รวมไปถึงคนที่ด้อยโอกาส ทำให้เรามีโอกาสในการทำงาน มีรายได้เพิ่มมากขึ้น แลทำให้เราภูมิใจที่มีโอกาสได้ทำงานให้กับบริษัทระดับโลกอย่างลอรีอัล ทำให้เรามีกำลังใจ มีความมั่นใจในการทำงานอื่นๆ ของเราต่อๆ ไป”