วันศุกร์, เมษายน 19, 2024
Home > Cover Story > เปิดปูม SHV ก่อนถอนสมอ Makro จากไทย

เปิดปูม SHV ก่อนถอนสมอ Makro จากไทย

ย้อนกลับในปี 2531 หรือกว่า 25 ปีที่แล้ว การเกิดขึ้นของศูนย์จำหน่ายสินค้าในรูปแบบ Cash and Carry ในนาม สยามแมคโคร คงสร้างความสั่นสะเทือนให้กับวงการค้าปลีกไทยไม่น้อย แต่บริบทที่เกิดขึ้นกับ สยามแมคโคร ในวันนี้กำลังเปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์ธุรกิจค้าปลีกไทย ไปไกลเกินกว่าที่ใครจะจินตนาการถึง
 
บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) เริ่มดำเนินธุรกิจศูนย์จำหน่ายสินค้าระบบสมาชิก แบบชำระเงินสดและบริการตนเอง ภายใต้ชื่อ “แม็คโคร” ด้วยการจดทะเบียนก่อตั้งบริษัท ในเดือน พฤษภาคม พ.ศ. 2531 หลังจากที่ SHV Holding บรรษัทที่มีโครงข่ายธุรกิจหลากหลายสัญชาติจากเนเธอร์แลนด์ รุกเข้ามาทำธุรกิจค้าปลีกในเอเชีย ซึ่งควบคู่กับการรุกเข้าไปทั้งใน มาเลเซีย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์
 
การเข้ามาในเมืองไทยของบรรษัทต่างชาติอย่าง SHV ในครั้งนั้น ย่อมต้องดำเนินไปโดยมีพันธมิตรธุรกิจขนาดใหญ่ของไทย เป็นส่วนหนึ่งของย่างก้าวก่อนที่จะลงหลักปักฐาน ซึ่งไม่แปลกที่ในครั้งนั้นชื่อของเครือเจริญโภคภัณฑ์จะปรากฏเป็นพันธมิตรสำคัญตั้งแต่เริ่ม
 
“25 ปีที่แล้ว กลุ่มซีพีได้ชักชวน ให้ SHV Holding  เปิดแม็คโครในเมืองไทย ในขณะที่ซีพี ก็เปิด 7-11  ซึ่งถือได้ว่า เราได้เป็นพี่น้องตระกูลเดียวกัน  มาปีนี้เราได้มาผนวกกำลังกัน เพื่อพร้อมรับ AEC”  
 
นั่นเป็นคำกล่าวของก่อศักดิ์  ไชยรัศมีศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ที่ปรากฏอยู่ในช่วงหนึ่งของการแถลงข่าวการซื้อสยามแม็คโคร จากกลุ่ม SHV เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2556 ซึ่งสะท้อนวิธีคิดและรากฐานความสัมพันธ์ของทั้งสองกลุ่มธุรกิจนี้ได้เป็นอย่างดี
 
และบ่งบอกนัยความหมายในเชิงยุทธศาสตร์ของเครือเจริญโภคภัณฑ์ในการขยายธุรกิจค้าปลีกไทยไปสู่ตลาดสากลในอนาคตได้อย่างชัดเจน
 
ประเด็นสำคัญที่หลายฝ่ายให้ความสนใจเกี่ยวกับดีลครั้งใหญ่ นี้อยู่ที่ อะไรเป็นเหตุให้ SHV Holding หนึ่งในบริษัทเก่าแก่เนเธอร์แลนด์ และมีโครงข่ายธุรกิจครอบคลุมทั้งกิจการขนส่ง อุตสาหกรรมน้ำมัน รวมถึงธุรกิจบริการด้านการเงิน  และถือเป็นหนึ่งในกลุ่มบริษัทเทรดดิ้งและค้าปลีกที่ใหญ่ที่สุดในโลก ถอนตัวออกจากประเทศไทย
 
SHV Holdings ถือกำเนิดขึ้นในปี 1896 ในฐานะ Steenkolen Handels-Vereeniging จากการควบรวมกันของผู้ค้าส่งถ่านหิน 8 รายในเนเธอร์แลนด์ เพื่อรองรับกำลังการผลิตที่เกิดขึ้นจาก Rheinisch-Westfälischem Kohlen-Syndikat วิสาหกิจด้านถ่านหินของเยอรมนี
 
นอกจาก SHV จะผูกขาดการค้าและการขนส่งถ่านหินในเนเธอร์แลนด์ที่ทำให้ SHV เติบโตอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ก่อนที่ยุโรปจะเข้าสู่ภาวะสงครามโลกครั้งที่ 1 และ2 แล้ว SHV ยังขยายบริบททางธุรกิจด้านพลังงานไปสู่อุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซ ซึ่งหนุนส่งให้ SHV มีสรรพกำลังทางการเงินในการรุกเข้าสู่ธุรกิจอื่นๆ ในเวลาต่อมา
 
ความชำนาญการอย่างหนึ่งที่สะท้อนออกมาในรูปแบบการดำเนินธุรกิจหลากหลายของ SHV Holdings อยู่ที่ความสามารถในการบริหารจัดการธุรกิจที่พร้อมจะสร้างหลักประกันในการผูกขาดและลดความเสี่ยงด้วยการหลีกเลี่ยงการแข่งขันซึ่งถือเป็นมรดก ตั้งแต่ยุคของ Frits Fentener van Vlissingen ซึ่งนำพา SHV ให้ก้าวขึ้นมาเป็นบรรษัทข้ามชาติได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในช่วงของสงครามอีกด้วย
 
SHV เริ่มเข้าสู่ธุรกิจค้าส่ง-ค้าปลีก ด้วยการจัดตั้งและเปิดMakro ในฐานะร้านจำหน่ายสินค้าระบบสมาชิก แบบชำระเงินสดและบริการตนเองแห่งแรก ที่เมืองอัมสเตอร์ดัมในปี 1968 ก่อนที่จะขยายสาขาไปเกือบทั่วโลก ทั้ง ยุโรป, อเมริกา และเอเชีย
 
ข้อเท็จจริงที่ปรากฏอยู่ในด้านหนึ่งอยู่ที่ยุโรป กำลังเกิดปัญหาวิกฤตขนานใหญ่ ซึ่งทำให้หลายฝ่ายเชื่อว่ากระบวนการถอนสมอออกจากไทยเป็นส่วนหนึ่งใน “จังหวะถอย” เพื่อดึงทรัพยากรไปทุ่มเทและใช้พยุงธุรกิจอื่นๆ ที่ยังสามารถเป็นหลักให้กับ SHV ได้ โดยเฉพาะในธุรกิจพลังงานซึ่งดูเหมือนจะเป็นคำตอบสำหรับอนาคตของ SHV
 
และนี่อาจเป็นการยุติให้ Makro ของ SHV กลายเป็นชื่อในตำนานของธุรกิจค้าปลีก เพราะก่อนหน้านี้ SHV ได้ถอยออกจากการค้าปลีกทีละน้อยด้วยการขายกิจการ Makro ในยุโรปให้กับ Metro ยักษ์ใหญ่ในธุรกิจค้าส่งค้าปลีกจากเยอรมนี ในปี 1998
 
ขณะที่ในเอเชีย SHV ขายกิจการของ Makro มาเลเซียให้กับ Tesco จากอังกฤษในปี 2007 และทำให้สาขาของ Makro ถูกแทนที่ด้วยชื่อ Tesco Extra ในปีถัดมา SHV ก็ขาย Makro ในอินโดนีเซียให้กับกลุ่ม Lotte จากเกาหลี พร้อมกับการเปลี่ยนชื่อเป็น Lotte Mart Wholesale
 
แม้ว่า SHV จะมีท่วงทำนองไปทางทยอยถอย Makro ออกจากเอเชีย แต่โครงข่ายของ Makro ในภูมิภาค อื่นๆ โดยเฉพาะในละตินอเมริกา ยังมีความแข็งแรงและครอบคลุมพื้นที่ตั้งแต่ โคลัมเบีย เปรู เวเนซุเอลา อาร์เจนตินา และบราซิล ซึ่งเฉพาะในบราซิล มีสาขาของMakro อยู่มากถึงกว่า 76 แห่งทีเดียว
 
การเข้าซื้อกิจการ Makro ในประเทศไทยของเครือเจริญโภคภัณฑ์ ในสายตาของผู้ประกอบการหรือนักลงทุนจำนวนไม่น้อยอาจประเมินว่าเป็นดีลที่ over price แต่สำหรับเครือเจริญโภคภัณฑ์แล้ว พวกเขาเชื่อว่า การได้สยามแม็คโครเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในโครงข่ายธุรกิจ จะสามารถเสริมจุดแข็งและสร้างความมหัศจรรย์ของการลงทุนให้เกิดขึ้นได้
 
แต่การลงทุนที่ถือว่าเป็นดีลที่ยิ่งใหญ่เป็นประวัติการณ์ของสังคมธุรกิจไทย ด้วยมูลค่ารวมเป็น “เลขมงคล” 188,880 ล้านบาท ในครั้งนี้จะหนุนนำให้ CP All ก้าวไปสู่จุดที่มุ่งหวังหรือไม่ ยังต้องพิสูจน์

Related Story

สยามแม็คโคร:คู่ต่อสู้รายใหม่ของห้างไทย