วันเสาร์, กรกฎาคม 12, 2025
Home > Cover Story > เบรก!! เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ รัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ เอกชนวืด

เบรก!! เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ รัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ เอกชนวืด

ในที่สุด รัฐบาล “แพทองธาร ชินวัตร” ตัดสินใจเบรกร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร “Entertainment Complex” ซึ่งเดิมเตรียมนำเสนอพิจารณาในการประชุมรัฐสภาสมัยสามัญ วันที่ 9 กรกฎาคม 2568 เพราะต้องการฟังเสียงประชาชนและสื่อสารข้อมูลต่างๆ โดยยืนยันมีสัดส่วน “กาสิโน” เพียง 10% ที่เหลือคือการจัดศูนย์แสดงสินค้า หรือกิจกรรมต่างๆ เพื่อเพิ่มความแข็งแรงของเศรษฐกิจในประเทศ

ขณะที่หลายฝ่ายเชื่อว่า รัฐบาลเปิดเกมชะลอร่างกฎหมายเพื่อลดกระแสต่อต้านนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพราะแม้รัฐบาลเพื่อไทยยังสามารถผนึกพรรครวม 11 พรรค มีเสียงรวมกัน 255 เสียง มากกว่ากึ่งหนึ่งเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร 495 เสียง บวก ส.ส. ที่กระจายอยู่ในปีกฝ่ายค้านมาผสมโรงอีกไม่ต่ำกว่า 10 เสียง

แต่การดิ้นรนเดินหน้าชนิดไม่สนกระแสต่อต้านที่กำลังลุกโหมรอบด้าน พรรคการเมืองร่วมรัฐบาลที่รวมเสียงแบบ “ปริ่มน้ำ” ยังไม่นับเสียงสมาชิกวุฒิสภา (สว.)ที่มีสัมพันธ์ใกล้ชิดกับพรรคภูมิใจไทย ซึ่งวันนี้กลายสถานะเป็นฝ่ายค้าน รัฐบาลอาจเจอวิกฤตโหวตคว่ำกฎหมายก็เป็นได้

อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่า รัฐบาลพรรคเพื่อไทยพยายามเดินหน้าโครงการเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ตั้งแต่กำหนดเป็นนโยบายเร่งด่วนและประกาศอย่างชัดเจนเมื่อวันที่ 12 กันยายน 2567 จนกระทั่งวันที่ 13 มกราคม 2568 คณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. … ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา มีสาระสำคัญ เช่น กำหนดให้มีคณะกรรมการนโยบายสถานบันเทิงครบวงจร คณะกรรมการบริหาร จัดตั้งสำนักงานกำกับการประกอบสถานบันเทิงครบวงจร กำหนดหลักเกณฑ์การอนุญาตให้ประกอบสถานบันเทิงครบวงจร

ทั้งนี้ กระทรวงการคลังยกตัวอย่างความสำเร็จของสถานบันเทิงครบวงจรในประเทศใกล้เคียง เช่น เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ในมาเก๊า สามารถสร้างรายได้ 1.2 ล้านล้านบาท/ปี สิงคโปร์ 4.3 แสนล้านบาท/ปี เกาหลีใต้ 3.2 แสนล้านบาท/ปี ฟิลิปปินส์ 2.2 แสนล้านบาท/ปี เวียดนาม 1.8 แสนล้านบาท/ปี อินโดนีเซีย 1.4 แสนล้านบาท/ปี ส่วนญี่ปุ่นกำลังจะเปิดโครงการในปี 2573 และกลุ่มประเทศ UAE เร่งเตรียมโครงการผุดอภิมหาโครงการเช่นเดียวกัน

ที่สำคัญ มีข้อเท็จจริงที่ว่า มีคนไทยและนักท่องเที่ยวแห่ไปใช้บริการกาสิโนในประเทศเพื่อนบ้านอยู่ตลอดเวลา

ต่อมา รัฐบาลระบุพื้นที่เป้าหมายรวม 5 จุด ประกอบด้วย กรุงเทพฯ 2 แห่ง พัทยา 1 แห่ง ภูเก็ต 1 แห่ง และเชียงใหม่ 1 แห่ง ซึ่งมีเอกชนแสดงความสนใจและเปิดแนวทางการลงทุนอย่างต่อเนื่อง ระหว่างรอร่างกฎหมายและความชัดเจนต่างๆ

ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มสนามม้านางเลิ้ง หรือราชตฤณมัยสมาคมแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ ที่ประกาศร่วมกับบริษัท รอยัล สปอร์ต คอมเพล็กซ์ จำกัด (RSC) และ 4 พันธมิตรต่างชาติ เช่น เกาหลี เผยโฉมโครงการ The Royal Siam Haven ประกอบด้วย สนามม้า คลับเฮาส์ สนามกอล์ฟ ยอช์ตคลับ โรงแรม 6 ดาว สปอร์ตคอมเพล็กซ์ ภัตตาคาร โรงละคร โรงพยาบาล เวลเนส ศูนย์การเรียนรู้และกาสิโนถูกกฎหมายในอนาคต มูลค่ากว่า 2 แสนล้านบาท

สำหรับพื้นที่โครงการของกลุ่มนี้มี 2 แห่ง ได้แก่ กรุงเทพฯ 2 จุด คือ ย่านท่าเรือคลองเตย ซึ่งรอความชัดเจนจากกระทรวงคมนาคมเรื่องการเคลียร์พื้นที่ กับพื้นที่หนองจอก เนื้อที่กว่า 3,000 ไร่ อยู่ถนนสุวินทวงศ์ 101 ใกล้สนามกอล์ฟ โดยสามารถรวบรวมพื้นที่ได้แล้ว คาดว่าใช้เงินลงทุน 1.2 แสนล้านบาท ภายในโครงการจะมีสนามม้าและธุรกิจเกี่ยวกับการแข่งม้า โรงแรม ศูนย์ประชุม สนามกีฬา ยอช์ตคลับ

2. ภูเก็ต บริเวณ อ.ถลาง มีพื้นที่รวมกว่า 1,200 ไร่ จำนวน 2 แปลง คือ พื้นที่เกาะส่วนตัว 275 ไร่ ย่านอ่าวปอ และอีก 927 ไร่ อยู่ฝั่งตรงข้าม ใช้เงินลงทุนรวม 1.4 แสนล้านบาท โดยร่วมกับกลุ่มจากประเทศโมนาโก ที่ทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และกาสิโน ภายในโครงการจะมีรีสอร์ต พูลวิลล่า โรงแรมระดับ 5-7 ดาว มารีน่า สนามแข่งม้า สนามกีฬา ศูนย์ประชุมและฮอลล์คอนเสิร์ต รวมถึงสนามแข่งรถฟอร์มูล่า 1 ส่วนกาสิโนจะอยู่บนพื้นที่เกาะ รวมถึงมีการพัฒนาต่างๆ รองรับ เช่น รีสอร์ต โรงแรม

ด้านกลุ่มสยามพาร์คซิตี้ หรือสวนสยามของไชยวัฒน์ เหลืองอมรเลิศ ออกมาประกาศพร้อมลงทุนเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ บนเนื้อที่ 500 ไร่ ย่านมีนบุรี วงเงิน 1 แสนล้านบาท หวังต่อยอดธุรกิจสวนน้ำสวนสนุก จะมีพื้นที่พาณิชยกรรม โรงแรม ศูนย์อาหาร ศูนย์รวมความบันเทิง กาสิโน โดยอยู่ระหว่างศึกษา ออกแบบ หาพันธมิตรร่วมลงทุน เช่น กลุ่มลาสเวกัส ฝรั่งเศส หรือในเอเชีย ดำเนินการผ่านบริษัท บางกอกเวิลด์ เอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ จำกัด

นอกจากนี้ มี บริษัท อู่ตะเภา อินเตอร์เนชั่นแนล เอวิเอชั่น จำกัด ซึ่งเป็นการร่วมทุนระหว่าง บมจ.การบินกรุงเทพ บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้ง และ บมจ.ซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น ผู้รับสัมปทานพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก เตรียมเนื้อที่ 6,500 ไร่ รวมถึงกลุ่มเดอะมอลล์ ซึ่งเร่งเจรจากับนักลงทุนกาสิโนจากต่างประเทศ 3-4 ราย ได้แก่ ลาสเวกัส วินน์ มาเก๊า กลุ่มมาริน่า เบย์ แซนด์ จากประเทศสิงคโปร์ และนักลงทุนจีน รองรับบิ๊กโปรเจกต์

ขณะเดียวกัน รัฐบาลยังยืนยันมีค่ายกาสิโนต่างชาติสนใจเข้ามาลงทุน เช่น บริษัท เอ็มจีเอ็ม รีสอร์ตส อินเตอร์เนชั่นแนล โฮลดิ้งส์ กลุ่มกาแล็กซี่ เอ็นเตอร์เทนเมนต์ กลุ่มแซนด์ส ไชน่า กลุ่มวินน์ มาเก๊า และกลุ่ม Las Vegas Sands Corporation

แต่สถานการณ์ ณ เวลานี้ เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์มูลค่าหลายแสนล้าน จะหยุดชะงักเพียงชั่วคราว หรือจะพังไปพร้อมๆ กับรัฐบาล น่าจับตาอย่างยิ่ง.

 

“คลัง” ยกข้อมูลผลประโยชน์ ความจริงหรือฝันกลางวัน?

  • เกิดการลงทุนจริงเบื้องต้นไม่ต่ำกว่า 100,000 ล้านบาท
  • รายได้จากการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 119,000 ถึง 238,000 ล้านบาท
  • อาจเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ 5% ถึง 10% ต่อปี
  • กระตุ้นการใช้จ่ายช่วง low season เพิ่ม 13% ทำให้เกิดการท่องเที่ยวอย่างสม่ำเสมอต่อเนื่องทั้งปี
  • เพิ่มการใช้จ่าย 66,043 บาท/คน/ทริป จาก 44,000 บาท/คน/ทริป
  • สร้างการจ้างงานได้อย่างน้อย 9,000-15,300 ตำแหน่ง (เทียบเท่ากับการเพิ่มขึ้นของอัตราการจ้างงานคนไทย 03-0.05%)
  • พัฒนาศักยภาพแรงงานในประเทศ การจ้างงานจากธุรกิจต่อเนื่อง
  • เพิ่มการจ้างงานในสถานบันเทิงครบวงจรและธุรกิจเกี่ยวเนื่อง
  • สร้างรายได้ให้รัฐประมาณ 12,037-39,427 ล้านบาทต่อปี
  • รายได้ภาษีจากกิจการอื่นๆ เช่น โรงแรม 5 ดาว สวนสนุก (8,773-35,093 ล้านบาทต่อปี)
  • รายได้จากกิจการกาสิโน เช่น ค่าธรรมเนียมใบอนุญาต ภาษีการเล่นพนัน ขั้นต่ำ 3,264 ล้านบาทต่อปี
  • รายได้จากค่าธรรมเนียมการเข้ากาสิโนอีก ขั้นต่ำ 3,700 ล้านบาทต่อปี
  • นำรายได้ไปพัฒนาประเทศ ปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานประเทศ ดูแลสังคม ระบบการศึกษา และการสร้างสาธารณประโยชน์ต่างๆ